ผู้จัดการรายวัน – การ์นิเย่เร่งเครื่องบุกหนักตลาดบำรุงผิวระดับแมสปีระกาเต็มสูบ เตรียมท้าชนผู้เล่นหลัก พอนด์ โอเลย์ บิโอเร ตั้งเป้า 2 ปีคว้าแชร์ 8% เบียดบิโอเรขึ้นที่ 3 แทน หลังทำตลาดสีผมในไทยสำเร็จ ชี้ตลาดบำรุงผิวมาแรงคาดโต 25%
นางสาวเกศินี เจริญจิตไพศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์การ์นิเย่และเมย์เบลลีน บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ปีนี้บริษัทจะรุกทำตลาดให้กับการ์นิเย่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้มากขึ้น โดยวางแบรนด์ให้จับตลาดระดับวงกว้าง มีกลุ่มอายุ 18-30 ปีเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งเป็นตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 9,800 ล้านบาทหรือ 115 ล้านชิ้น มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยทั้งปี 25% และเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันรุนแรง
ตลาดดังกล่าวมีพอนด์เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 25% โอเลย์ เป็นอันดับ 2 ครองส่วนแบ่ง 15% บิโอเรครองอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่ง 6.3% และการ์นิเย่ มีส่วนแบ่ง 4.9% เป็นอันดับ 4 ของตลาด ในปีนี้จะใช้งบในการทำตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีก 40-50% เพื่อรุกทำตลาดอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าภายใน 1-2 ปีจะต้องมีส่วนแบ่งตลาดเป็น 7-8% และคาดว่าก้าวเป็นผู้นำอันดับ 3 ของตลาดนี้
ก่อนหน้านี้การ์นิเย่เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดผลิตภัณฑ์ทำสีผมมาก และถือเป็นผู้นำในตลาด ซึ่งตลาดนี้เป็นตลาดที่มีผู้เล่นน้อยจึงมีอัตราการเติบโตที่ไม่มากนัก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาการ์นิเย่จึงหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับวงกว้าง เนื่องจากมองเห็นว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และยังมีอัตราการขยายตัวได้มาก โดยเมื่อปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่การ์นิเย่เริ่มรุกตลาดนี้อย่างจริงจังและอัดโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ เน้นการจัดบูธแจกสินค้าตัวอย่างควบคู่ไปกับแบรนด์เมย์เบลลีน เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำตราสินค้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ยอดขายปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากปี 2546 ประมาณ 30% และจะช่วยกระตุ้นส่วนแบ่งตลาดสิ้นปี 2547 ให้เพิ่มเป็น 5.2 – 5.5%
การ์นิเย่เป็นแบรนด์ในเครือลอรีอัลจึงมีศูนย์วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับคนเอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบอย่างหนึ่ง อีกทั้ง ราคาจำหน่ายที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งมากเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ช่องทางการจัดจำหน่ายในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นโมเดิร์นเทรด 60% และร้านค้ารายย่อย 40% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายช่องทางร้านค้าขายย่อยให้เพิ่มขึ้นเพื่อมีสัดส่วน 50% ให้เท่ากับโมเดิร์นเทรดภายในกลางปี 2548 พร้อมกับออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 รายการ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายเติบโต 50% จากปีทีผ่านมาออกสินค้าใหม่ที่ประกอบด้วย 3 กลุ่ม กลุ่มเพียว จับกลุ่มอายุ 15-20 ปี กลุ่มไลท์ จับกลุ่มอายุ 18-30 และกลุ่มลิฟท์ จับกลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป มากถึง 9 รายการแล้ว โดยยอดขายสิ้นปี 2547 มีอัตราการเติบโตประมาณ 40%
การที่การ์นิเย่สนใจที่จะเข้ามาเล่นในตลาดนี้ เพราะมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากแม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้หลักของการ์นิเย่มาจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอยู่แล้ว แบ่งเป็นกลุ่มดูแลผิวหน้าหรือสกินแคร์ 85% แต่ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะแข็งแกร่งในตลาดผลิตภัณฑ์ทำสีผม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 12% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดมีสัดส่วนรายได้ 3% ในขณะที่แบรนด์การ์นิเย่เป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้ให้กับลอรีอัล ประเทศไทยเป็นอันดับ 3 มีสัดส่วนรายได้ 26%
นางสาวเกศินี เจริญจิตไพศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์การ์นิเย่และเมย์เบลลีน บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ปีนี้บริษัทจะรุกทำตลาดให้กับการ์นิเย่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้มากขึ้น โดยวางแบรนด์ให้จับตลาดระดับวงกว้าง มีกลุ่มอายุ 18-30 ปีเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งเป็นตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 9,800 ล้านบาทหรือ 115 ล้านชิ้น มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยทั้งปี 25% และเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันรุนแรง
ตลาดดังกล่าวมีพอนด์เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 25% โอเลย์ เป็นอันดับ 2 ครองส่วนแบ่ง 15% บิโอเรครองอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่ง 6.3% และการ์นิเย่ มีส่วนแบ่ง 4.9% เป็นอันดับ 4 ของตลาด ในปีนี้จะใช้งบในการทำตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีก 40-50% เพื่อรุกทำตลาดอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าภายใน 1-2 ปีจะต้องมีส่วนแบ่งตลาดเป็น 7-8% และคาดว่าก้าวเป็นผู้นำอันดับ 3 ของตลาดนี้
ก่อนหน้านี้การ์นิเย่เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดผลิตภัณฑ์ทำสีผมมาก และถือเป็นผู้นำในตลาด ซึ่งตลาดนี้เป็นตลาดที่มีผู้เล่นน้อยจึงมีอัตราการเติบโตที่ไม่มากนัก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาการ์นิเย่จึงหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับวงกว้าง เนื่องจากมองเห็นว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และยังมีอัตราการขยายตัวได้มาก โดยเมื่อปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่การ์นิเย่เริ่มรุกตลาดนี้อย่างจริงจังและอัดโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ เน้นการจัดบูธแจกสินค้าตัวอย่างควบคู่ไปกับแบรนด์เมย์เบลลีน เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำตราสินค้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ยอดขายปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากปี 2546 ประมาณ 30% และจะช่วยกระตุ้นส่วนแบ่งตลาดสิ้นปี 2547 ให้เพิ่มเป็น 5.2 – 5.5%
การ์นิเย่เป็นแบรนด์ในเครือลอรีอัลจึงมีศูนย์วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับคนเอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบอย่างหนึ่ง อีกทั้ง ราคาจำหน่ายที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งมากเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ช่องทางการจัดจำหน่ายในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นโมเดิร์นเทรด 60% และร้านค้ารายย่อย 40% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายช่องทางร้านค้าขายย่อยให้เพิ่มขึ้นเพื่อมีสัดส่วน 50% ให้เท่ากับโมเดิร์นเทรดภายในกลางปี 2548 พร้อมกับออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 รายการ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายเติบโต 50% จากปีทีผ่านมาออกสินค้าใหม่ที่ประกอบด้วย 3 กลุ่ม กลุ่มเพียว จับกลุ่มอายุ 15-20 ปี กลุ่มไลท์ จับกลุ่มอายุ 18-30 และกลุ่มลิฟท์ จับกลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป มากถึง 9 รายการแล้ว โดยยอดขายสิ้นปี 2547 มีอัตราการเติบโตประมาณ 40%
การที่การ์นิเย่สนใจที่จะเข้ามาเล่นในตลาดนี้ เพราะมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากแม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้หลักของการ์นิเย่มาจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอยู่แล้ว แบ่งเป็นกลุ่มดูแลผิวหน้าหรือสกินแคร์ 85% แต่ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะแข็งแกร่งในตลาดผลิตภัณฑ์ทำสีผม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 12% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดมีสัดส่วนรายได้ 3% ในขณะที่แบรนด์การ์นิเย่เป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้ให้กับลอรีอัล ประเทศไทยเป็นอันดับ 3 มีสัดส่วนรายได้ 26%