xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้อง‘ชูวิทย์’ค้าหมอนวด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลยกฟ้อง “ชูวิทย์” และพนักงานเชียร์แขก คดีถูกตำรวจล่อซื้อ บริการจากพนักงานสาวอาบอบนวดวิคตอเรีย เพราะถูกล่อซื้อขณะมีข้อพิพาทกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จึงไม่เชื่อว่าจะฝ่าฝืนค้าประเวณีจริง

วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.นธิตา ปิตากรุณา อายุ 30 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 1 นายตรีเพชร ศรีสรวล อายุ 37 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 2 นายภารวิทย์ วิเชียรเพชร อายุ 42 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 3 หจก.อมรินทร์ ออนเซน โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 4 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อายุ 43 ปี ผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต กทม. พรรคชาติไทย อดีตเจ้าของอาบอบนวดดัง ฉายาเจ้าพ่ออ่างทองคำ จำเลยที่ 5 และบริษัทวิคตอเรีย ซีเคร็ท เฮลท์เซ็นเตอร์ จำกัด โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กรรมการผู้มีอำนาจ จำเลยที่ 6 ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อการค้าประเวณี

คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลย สรุปว่าเมื่อระหว่างเดือน ปีใดไม่ปรากฏแน่ชัด จนถึงวันที่ 2 กันยายน 2546 พวกจำเลยได้บังอาจร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปหญิงอื่นกระทำการค้าประเวณีในสถานบริการ อาบอบนวด ็วิคตอเรีย ซีเคร็ทิ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด อ้างว่าตามกฎระเบียบของบริษัทห้ามพนักงานมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้า

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 4 จำนวน 2 นาย ได้เข้าไปรับประทานอาหาร และล่อซื้อการค้าประเวณีจากพนักงานหญิง 2 คนของสถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเคร็ท ในราคาคนละ 1,800 บาท รวมเป็นเงิน 3,600 บาท พร้อมกับถ่ายสำเนาธนบัตรไว้เป็นหลักฐาน โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงิน ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นพนักงานเชียร์แขก อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ ได้ออกกฎระเบียบเข้มงวดพนักงานบริการร่วมประเวณีกับลูกค้า หากฝ่าฝืนจะถูกไล่ออก นอกจากนี้ ขณะเกิดเหตุนายชูวิทย์ มีข้อพิพาทรุนแรงกับ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร.(ขณะนั้น) และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายรายที่เกี่ยวข้องกับการรับส่วย หรือผลประโยชน์รูปแบบต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานบริการข้างต้น ย่อมทำให้นายชูวิทย์ระมัดระวังตัว และกิจการของตัวเองไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะจะเป็นช่องทางให้ถูกจับกุมได้ง่าย

จึงไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะฝ่าฝืนให้บริการแก่ตำรวจ 2 นาย ที่ล่อซื้อบริการ ทั้งภายหลังเกิดเหตุ พนักงานบริการหญิงทั้ง 2 คน ก็เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางว่า ถูกตำรวจทั้ง 2 นายข่มขืนกระทำชำเรา และเงินจำนวน 1,800 บาท ก็ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าเป็นค่าค้าประเวณีรวมอยู่ด้วย การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการวิธีล่อซื้อ ย่อมมิใช่หลักฐานที่จะบ่งชี้ว่าผู้รับธนบัตรกระทำผิดกฎหมาย ศาลเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น