กองทัพภาคที่ 4 พบพิรุธ 6 ผู้ต้องสงสัยพนักงานยามเทศบาลตำบลบ่อทอง อาจพัวพันคดีปล้นปืน 5 กระบอก หลังนำตัวไปซักถามข้อสงสัยเครียด พร้อมส่งตำรวจสอบปากคำเพิ่ม นายกฯยอมรับการแจกปืนให้ ชรบ.ยังขาดการกลั่นกรองที่ดี ชี้มีอะไรลึกๆ สั่งเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวจับตาใกล้ชิด "สิริชัย"ยันคดีรองผู้ว่าฯปัตตานีไม่มีแพะ ลั่นไม่ว่าเป็นกระสุนปืน อส.หรือทหารดำเนินคดีหมด "ชวน"เชื่อซีดีตากใบที่ลูกพรรคนำไปเผยแพร่เป็นของจริง
วานนี้ (12 ธ.ค.) นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี รวมทั้ง พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พ.ต.อ.สุวิทย์ เชิญศิริ ผกก.สภ.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอหนองจิก และตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายบุกปล้นปืนเทศบาลตำบลบ่อทอง อ.หนองจิกไป 5 กระบอกเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหาข้อมูลคนร้าย
***คาดมีคนในรู้เห็นการปล้นปืน
นายเชิดพันธ์ กล่าวถายหลังว่า ปืนลูกซองยาวแบบ 5 นัด จำนวน 5 กระบอก ที่คนร้ายปล้นไปเป็นปืนที่จังหวัดส่งมอบให้กับอำเภอหนองจิก เพื่อใช้รักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเทศบาลฯ ได้ไป 7 กระบอก ในคืนเกิดเหตุเหลืออยู่ในตู้ 5 กระบอก ส่วนอีก 2 กระบอก เจ้าหน้าที่เบิกไปใช้แล้ว หลังเกิดเหตุได้ให้พนักงานสอบสวนและกองวิทยาการประสานฝ่ายปกครองเพื่อขอตรวจสอบเทียบพิมพ์ลายนิ้วมือเนื่องจากที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่จัดเก็บพิมพ์ลายนิ้วมือของคนร้ายได้ คาดว่าจะทราบเบาะแสคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้
พล.ต.ต.ไพฑูรย์ เปิดเผยว่า โดยปกติที่เทศบาลแห่งนี้จะมีคนเฝ้าเวรยามอยู่ทุกวันๆ ละ 5 คน แต่วันที่เกิดเหตุผู้เฝ้าเวรยาม 3 คนได้ออกไปละหมาด เหลือเพียงนายดุลมามะ ดอกา เพียงคนเดียว ส่วนอีกคนคือ นายมูหะมัดสุกรี สามะ ได้ออกไปเลี้ยงวัวอยู่ด้านหลังเทศบาล แต่จากการสอบถามนายมูหะมัดสุกรี สามะ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับพูดจาวกวน ซึ่งตำรวจจะได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่เฝ้ายามทั้งหมดโดยละเอียดต่อไปโดยคาดว่าอาจจะมีคนในมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุในครั้งนี้
***เชื่อคนร้ายเป็นคนอยู่ในพื้นที่
พ.ต.อ.สุวิทย์ กล่าวว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่เวรยาม 4 คนมาสอบปากคำที่ สภ.อ.หนองจิก อย่างละเอียดโดยเฉพาะรูปพรรณคนร้าย เบื้องต้นยังไม่คืบหน้ามากนัก เพราะพยานไม่เห็นรูปพรรณของคนร้าย เพราะคนร้ายแต่งชุดดำและสวมหมวกไหมพรมอำพรางตัวเอง แต่ตั้งข้อสงสัยหลายประเด็นว่าคนร้ายรู้ที่เก็บพวงกุญแจได้อย่างไร และรู้ได้อย่างว่าปืนอยู่ในตู้เหล็ก
"แต่จากการนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าปิดล้อมพื้นที่ทุกพื้นที่ใน อ.หนองจิกและค้นบ้านผู้ต้องสงสัยเพื่อค้นหาปืนเมื่อช่วงเช้าวานนี้ แต่ยังไม่พบผู้ต้องสงสัย ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุน่าจะเป็นบุคคลในพื้นที่ เพราะหลังจากเกิดเหตุได้มีการตั้งจุดตรวจทุกเส้นทาง เชื่อว่าคนร้ายน่าจะยังหลบซ่อนอยู่ภายในหมู่บ้าน" พ.ต.อ.สุวิทย์ กล่าว
***เทศมนตรีเชื่อพน.ไม่น่าเกี่ยวข้อง
ขณะที่นายยา บาวกา นายกเทศมนตรีตำบลบ่อทอง อ.หนองจิก ได้แถลงข่าวปล้นปืนที่สำนักงานเทศบาลตำบล โดยยืนยันว่าปืนทั้ง 5 กระบอกที่ถูกปล้นไปเป็นปืนที่ทางเทศบาลตำบลเบิกมาจากทางการทั้งหมดมี 7 กระบอก และถูกนำออกไปปฏิบัติหน้าที่ 2 กระบอก หลังเกิดเหตุก็ส่งคืนให้อำเภอแล้วและล่าสุดทางกองทัพภาค 4 ส่วนหน้าก็ได้ควบคุมตัวพนักงานเทศบาลตำบลบ่อทองที่เข้าเวรยามในคืนเกิดเหตุไปสอบปากคำแล้ว 6 นาย
ส่วนนายแวอาแซ หะยีเลาะ เทศมนตรีเทศบาลตำบลบ่อทอง กล่าวว่า ปกติจะจัดเจ้าหน้าที่เวรยามทั้งหมด 24 คน เป็นลูกจ้างของเทศบาล และแต่ละคืนจะมีชุดเวรยามดูแล 5 คน เป็นลูกจ้างเทศบาล 4 คน มีเจ้าหน้าที่เทศบาล 1 คน ในคืนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เวรยาม 5 คน ปฏิบัติงานตามปกติ คือ นายดุลมานะ ดอกา, นายอิสมาแอ มะนุ, นายหามะ มะรุ่งโรจน์, นายอุเซ็ง ปิเยาะ และนายนิยม เขาสังข์ เป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันดับเพลิงในช่วงที่คนร้ายก่อเหตุ ปรากฏว่า นายนิยม ยังเดินทางมาไม่ถึง ส่วนนายอิสมาแอ, นายหามะ และนายอุเซ็ง ไปละหมาด เพราะอยู่ในช่วงละหมาดมัฆริบ เหลือแต่นายดุลมานะ เฝ้าอยู่ห้องสื่อสารคนเดียว ส่วนนายมูหะมัดสุกรี สามะ คืนเกิดเหตุไม่ได้อยู่เวรยาม แต่จะเข้าออกประจำ เพราะเลี้ยงวัวอยู่หลังสำนักงาน จากการสอบสวนข้อมูลคิดว่าเจ้าหน้าที่เวรยามทั้งหมดไม่น่าจะเกี่ยวข้อง
***กองทัพภาค4พบพิรุธผู้ต้องสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนที่ทางกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าได้เชิญไปซักถามข้อสงสัยที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ประกอบด้วยนายดุลมานะ, นายอิสมาแอ, นายหามะ, นายอุเซ็ง นายมูหะมัดสุกรี ลูกจ้างเวรยาม และนายนิยม เจ้าหน้าที่ป้องกันดับเพลิง
ภายหลังจากการซักถามข้อสงสัยแล้วทางกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าได้ประสานกับทาง สภ.อ.หนองจิกเพื่อส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 6 คน ทยอยไปสอบปากคำที่ละคนที่ สภ.อ.หนองจิก จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนกลับมาควบคุมตัวไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร หลังพบพิรุธจากการให้ปากคำในหลายประเด็น โดยเฉพาะการใช้กุญแจไขตู้เอกสารที่เก็บปืนแทนการทุบทำลายและจังหวะที่คนร้ายเข้ามาปล้นปืน คล้ายทราบล่วงหน้าว่าเจ้าหน้าที่รักษาการณ์เพียงคนเดียว รวมถึงการเข้าปล่นปืนเกิดขึ้นหลังจากที่ปลัดอำเภอกำหนดเวลาให้เทศบาลนำปืนมาคืนให้กับทางอำเภอ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับ ชรบ.
อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพภาคที่ 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความระมัดระวังในการตั้งข้อกล่าวหา หากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นปืนในครั้งนี้เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับการตั้งข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานกับ ชรบ.6 คนใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
***นายกฯชี้แจกปืนชรบ.หละหลวม
ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเหตุปล้นปืน 5 กระบอกที่เทศบาลตำบาลบ่อทอง อ.หนองจิก เป็นเพราะการแจกปืนให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งถูกปล้นไปหลายครั้ง อาจเป็นเพราะกระบวนการมอบปืนค่อนข้างหยาบ ไม่ละเอียดถี่ถ้วน ขาดการกลั่นกรองที่ดี ดังนั้น ต่อไปนี้กระทรวงมหาดไทยต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะกำลังให้เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกอยู่
***"กอ.สสส."สั่งคุมเข้มช่วงปีใหม่
พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ก่อความไม่สงบเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ที่มีการหยุดติดต่อกันหลายวัน
ส่วนที่มีข่าวว่าคนร้ายจะอาศัยช่วงครบรอบ 1 ปีวันที่ 4 ม.ค.2547 ก่อความไม่สงบนั้น พล.อ.สิริชัย กล่าวว่า ได้เตรียมการไว้หมดแล้วเช่นกันแต่ไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ อีกทั้งหน่วยในพื้นที่ก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
***ยันคดีครองผู้ว่าฯไม่มีแพะ-แกะ
พล.อ.สิริชัย กล่าวถึงความคืบหน้าผลการตรวจสอบลูกกระสุนปืนที่ใช้ยิงนายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี จนเสียชีวิตเป็นของพลทหารเกณฑ์จากมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ หาดใหญ่ด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ส่วนจะเป็นของทหาร หรืออาสาสมัคร เมื่อผลสรุปออกมาก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งตนได้กำชับไปทาง พ.ท.คมกริช รัตนฉายา ผบ.ฉก.22 ในฐานะผู้บังคับบัญชาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นขอให้พูดไปตามความจริงไม่ต้องปิดบัง
"ผมยืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิตของนายสุนทร เป็นอุบัติจากปืนลั่นอย่างแน่นอน แต่ปืนที่ลั่นจะมาจากใครคงต้องผลการสอบสวนของตำรวจ เชื่อว่าการทำงานสอบสวนหาคนผิดมาลงโทษจะไม่มี แพะ หรือ แกะ เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะทุกอย่างจะต้องทำความจริงทั้งหมดให้ปรากฎ" พล.อ.สิริชัย กล่าว
***"ชวน"เชื่อซีดีตากใบเป็นของจริง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า วีซีดีเหตุการณ์ตากใบที่นายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูลของพรรคนำมาเผยแพร่เป็นการตัดต่อเพื่อให้คนเกลียดชังรัฐบาลว่า ยังไม่มีโอกาสได้ดูวีซีดีจึงวิจารณ์ไม่ได้ว่าสร้างความเสียหายกับรัฐบาลหรือไม่ แต่นายธานินทร์ บอกว่า เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ช่างภาพโทรทัศน์ไทยถ่ายเอาไว้ ไม่ได้เอามาจากประเทศมาเลเซียหรือต่างประเทศอย่างที่เข้าใจ และไม่ใช่เป็นการสร้างข้อเท็จจริงเข้ามาใหม่ เพียงแต่ว่าบางตอนโทรทัศน์ไทยไม่กล้าออกเกรงรัฐบาลจะเสียหาย อย่างไรก็ตาม คิดว่าวันหนึ่งความจริงทั้งหมดจะออกมา และสิ่งที่อยากให้ทุกฝ่ายต้องระมัดระวังคือ ความมั่นคงของชาติ ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด แต่ต้องแยกให้ออกระหว่างความมั่นคงของชาติกับความมั่นคงของรัฐบาล
"ความมั่นคงของชาติถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด และการที่จะรักษาความมั่นคงของชาติได้ คือ การที่ทุกฝ่ายต้องให้ความจริงกับประชาชน แต่ถ้ารักษาความมั่นคงของรัฐบาล โดยการปกปิดข้อเท็จจริง อย่างนี้ความมั่นคงของชาติจะมีผลกระทบในระยะยาว ผมคิดว่าการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนที่สุดโดยการเรียกร้องความสามัคคี คือ การให้ทุกฝ่ายได้รู้ความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น และเกิดขึ้นได้อย่างไร
"ซึ่งปัญหาที่รัฐบาลควรจะตระหนัก คือ ที่มาของเหตุร้ายในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมาว่า เกิดจากอะไร ถึงแม้ว่าการยอมรับนั้นจะกระทบต่อรัฐบาล เพราะเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเป็นที่รู้ว่าเกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องยอมรับ เพื่อการแก้ไขปัญหาจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต แต่ถ้าหลีกเลี่ยงกลัวจะกระทบต่อความผิดพลาดของรัฐบาล จะหลีกเลี่ยงได้ระยะหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ในระยะยาวจะกลับมา เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้อยู่ตลอด" นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวย้ำว่า หากรัฐบาลยังใช้นโยบายเหมือนเดิมในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตนไม่คิดว่า จะทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นอย่างที่คิด ที่ผ่านมาพี่น้องทั้งมุสลิมและพุทธอยู่กันอย่างสงบ เหตุร้ายมีน้อย จะมีก็ประเภทเผานั้นเผานี่เล็กน้อย แต่ชนิดปล้นค่ายทหาร ฆ่าตำรวจ ฆ่าทหารทิ้งนั้น ไม่มี ดังนั้น 3 ปีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องยอมรับว่าเกิดความเละเทะในนโยบาย ในที่สุดก็นำมาซึ่งความหายนะ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก้ไขยาก ดังนั้น เงื่อนไขไม่ได้อยู่ที่ก่อนหรือหลังเลือกตั้ง
***"วิทยา"ติงรัฐปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร
ส่วนทางด้านนายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสั่งการผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ห้ามเผยแพร่วีซีดีเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เนื่องจากภาพที่สื่อในวีซีดีนั้นเป็นภาพตัดต่อที่บิดเบือนจากความเป็นจริงผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควรอย่างยิ่งที่มาปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของประชาชนตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เมื่อรัฐบาลสั่งห้าม หรือยกข้อกฎหมายมาข่มขู่ประชาชนแสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ทำผิดกฎหมายเสียเองและสมควรได้รับโทษตามตัวบทกฎหมายเช่นเดียวกัน
เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ที่สื่อทั้งในและต่างประเทศได้เสนอมา ตั้งแต่เหตุการณ์ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม สภ.อ.ตากใบรัฐบาลจะปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะภาพที่ปรากฏผ่านสื่อ หรือวีซีดี รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้กำกับ โดยให้ทหารและผู้ร่วมชุมนุมเป็นผู้ร่วมแสดง โดยมีสื่อทั้งในและต่างประเทศเป็นผู้ถ่ายทำ
"เหตุการณ์ตากใบ เป็นเรื่องจริง และนายธานินทร์ ใจสมุทร ไม่ได้เป็นผู้สร้างหรือผู้กำกับการแสดง หรือจ่ายแจกแผ่นวีซีดีเหมือนเช่นรัฐบาลได้กระทำกับการโฆษณาผลงาน รากหญ้า แหล่งที่มาเกิดจากความต้องการรับรู้ข้อเท็จจริงของภาคประชาชน" นายวิทยา กล่าว
***เด็กทรท.เตือนปชป.ควรมีจิตสำนึก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ นำวีซีดีตากใบเผยแพร่ในการหาเสียงว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าของนักการเมืองที่อยากได้อำนาจ คิดถึงแต่คะแนนของตัวเอง แล้วมาพูดทำลายขวัญผู้อื่น หากมีจิตสำนึกหรือยังเป็นคนไทยอยู่ควรทำอย่างสร้างสรรค์
"ถ้าแน่จริงให้นำภาพมายืนยันให้คนทั้งประเทศเป็นผู้ตัดสิน ยังไม่สายถ้าจะยุติแล้วแสดงความเสียใจ ประเทศบอบช้ำไปมาก คนไทยพับนกก็เพื่อความร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ใช่เอาวีซีดีไปแจก อยากถามว่ามีสำนึกเป็นคนไทยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์คงเปลี่ยนยาก ไม่ใช่เป็นเพราะมีอุดมการณ์ หรือพรรคอยู่มานาน แต่เป็นเพราะความเคยชิน" นายภูมิธรรม กล่าว
วานนี้ (12 ธ.ค.) นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี รวมทั้ง พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พ.ต.อ.สุวิทย์ เชิญศิริ ผกก.สภ.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอหนองจิก และตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายบุกปล้นปืนเทศบาลตำบลบ่อทอง อ.หนองจิกไป 5 กระบอกเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหาข้อมูลคนร้าย
***คาดมีคนในรู้เห็นการปล้นปืน
นายเชิดพันธ์ กล่าวถายหลังว่า ปืนลูกซองยาวแบบ 5 นัด จำนวน 5 กระบอก ที่คนร้ายปล้นไปเป็นปืนที่จังหวัดส่งมอบให้กับอำเภอหนองจิก เพื่อใช้รักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเทศบาลฯ ได้ไป 7 กระบอก ในคืนเกิดเหตุเหลืออยู่ในตู้ 5 กระบอก ส่วนอีก 2 กระบอก เจ้าหน้าที่เบิกไปใช้แล้ว หลังเกิดเหตุได้ให้พนักงานสอบสวนและกองวิทยาการประสานฝ่ายปกครองเพื่อขอตรวจสอบเทียบพิมพ์ลายนิ้วมือเนื่องจากที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่จัดเก็บพิมพ์ลายนิ้วมือของคนร้ายได้ คาดว่าจะทราบเบาะแสคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้
พล.ต.ต.ไพฑูรย์ เปิดเผยว่า โดยปกติที่เทศบาลแห่งนี้จะมีคนเฝ้าเวรยามอยู่ทุกวันๆ ละ 5 คน แต่วันที่เกิดเหตุผู้เฝ้าเวรยาม 3 คนได้ออกไปละหมาด เหลือเพียงนายดุลมามะ ดอกา เพียงคนเดียว ส่วนอีกคนคือ นายมูหะมัดสุกรี สามะ ได้ออกไปเลี้ยงวัวอยู่ด้านหลังเทศบาล แต่จากการสอบถามนายมูหะมัดสุกรี สามะ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับพูดจาวกวน ซึ่งตำรวจจะได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่เฝ้ายามทั้งหมดโดยละเอียดต่อไปโดยคาดว่าอาจจะมีคนในมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุในครั้งนี้
***เชื่อคนร้ายเป็นคนอยู่ในพื้นที่
พ.ต.อ.สุวิทย์ กล่าวว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่เวรยาม 4 คนมาสอบปากคำที่ สภ.อ.หนองจิก อย่างละเอียดโดยเฉพาะรูปพรรณคนร้าย เบื้องต้นยังไม่คืบหน้ามากนัก เพราะพยานไม่เห็นรูปพรรณของคนร้าย เพราะคนร้ายแต่งชุดดำและสวมหมวกไหมพรมอำพรางตัวเอง แต่ตั้งข้อสงสัยหลายประเด็นว่าคนร้ายรู้ที่เก็บพวงกุญแจได้อย่างไร และรู้ได้อย่างว่าปืนอยู่ในตู้เหล็ก
"แต่จากการนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าปิดล้อมพื้นที่ทุกพื้นที่ใน อ.หนองจิกและค้นบ้านผู้ต้องสงสัยเพื่อค้นหาปืนเมื่อช่วงเช้าวานนี้ แต่ยังไม่พบผู้ต้องสงสัย ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุน่าจะเป็นบุคคลในพื้นที่ เพราะหลังจากเกิดเหตุได้มีการตั้งจุดตรวจทุกเส้นทาง เชื่อว่าคนร้ายน่าจะยังหลบซ่อนอยู่ภายในหมู่บ้าน" พ.ต.อ.สุวิทย์ กล่าว
***เทศมนตรีเชื่อพน.ไม่น่าเกี่ยวข้อง
ขณะที่นายยา บาวกา นายกเทศมนตรีตำบลบ่อทอง อ.หนองจิก ได้แถลงข่าวปล้นปืนที่สำนักงานเทศบาลตำบล โดยยืนยันว่าปืนทั้ง 5 กระบอกที่ถูกปล้นไปเป็นปืนที่ทางเทศบาลตำบลเบิกมาจากทางการทั้งหมดมี 7 กระบอก และถูกนำออกไปปฏิบัติหน้าที่ 2 กระบอก หลังเกิดเหตุก็ส่งคืนให้อำเภอแล้วและล่าสุดทางกองทัพภาค 4 ส่วนหน้าก็ได้ควบคุมตัวพนักงานเทศบาลตำบลบ่อทองที่เข้าเวรยามในคืนเกิดเหตุไปสอบปากคำแล้ว 6 นาย
ส่วนนายแวอาแซ หะยีเลาะ เทศมนตรีเทศบาลตำบลบ่อทอง กล่าวว่า ปกติจะจัดเจ้าหน้าที่เวรยามทั้งหมด 24 คน เป็นลูกจ้างของเทศบาล และแต่ละคืนจะมีชุดเวรยามดูแล 5 คน เป็นลูกจ้างเทศบาล 4 คน มีเจ้าหน้าที่เทศบาล 1 คน ในคืนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เวรยาม 5 คน ปฏิบัติงานตามปกติ คือ นายดุลมานะ ดอกา, นายอิสมาแอ มะนุ, นายหามะ มะรุ่งโรจน์, นายอุเซ็ง ปิเยาะ และนายนิยม เขาสังข์ เป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันดับเพลิงในช่วงที่คนร้ายก่อเหตุ ปรากฏว่า นายนิยม ยังเดินทางมาไม่ถึง ส่วนนายอิสมาแอ, นายหามะ และนายอุเซ็ง ไปละหมาด เพราะอยู่ในช่วงละหมาดมัฆริบ เหลือแต่นายดุลมานะ เฝ้าอยู่ห้องสื่อสารคนเดียว ส่วนนายมูหะมัดสุกรี สามะ คืนเกิดเหตุไม่ได้อยู่เวรยาม แต่จะเข้าออกประจำ เพราะเลี้ยงวัวอยู่หลังสำนักงาน จากการสอบสวนข้อมูลคิดว่าเจ้าหน้าที่เวรยามทั้งหมดไม่น่าจะเกี่ยวข้อง
***กองทัพภาค4พบพิรุธผู้ต้องสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนที่ทางกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าได้เชิญไปซักถามข้อสงสัยที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ประกอบด้วยนายดุลมานะ, นายอิสมาแอ, นายหามะ, นายอุเซ็ง นายมูหะมัดสุกรี ลูกจ้างเวรยาม และนายนิยม เจ้าหน้าที่ป้องกันดับเพลิง
ภายหลังจากการซักถามข้อสงสัยแล้วทางกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าได้ประสานกับทาง สภ.อ.หนองจิกเพื่อส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 6 คน ทยอยไปสอบปากคำที่ละคนที่ สภ.อ.หนองจิก จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนกลับมาควบคุมตัวไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร หลังพบพิรุธจากการให้ปากคำในหลายประเด็น โดยเฉพาะการใช้กุญแจไขตู้เอกสารที่เก็บปืนแทนการทุบทำลายและจังหวะที่คนร้ายเข้ามาปล้นปืน คล้ายทราบล่วงหน้าว่าเจ้าหน้าที่รักษาการณ์เพียงคนเดียว รวมถึงการเข้าปล่นปืนเกิดขึ้นหลังจากที่ปลัดอำเภอกำหนดเวลาให้เทศบาลนำปืนมาคืนให้กับทางอำเภอ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับ ชรบ.
อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพภาคที่ 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความระมัดระวังในการตั้งข้อกล่าวหา หากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นปืนในครั้งนี้เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับการตั้งข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานกับ ชรบ.6 คนใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
***นายกฯชี้แจกปืนชรบ.หละหลวม
ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเหตุปล้นปืน 5 กระบอกที่เทศบาลตำบาลบ่อทอง อ.หนองจิก เป็นเพราะการแจกปืนให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งถูกปล้นไปหลายครั้ง อาจเป็นเพราะกระบวนการมอบปืนค่อนข้างหยาบ ไม่ละเอียดถี่ถ้วน ขาดการกลั่นกรองที่ดี ดังนั้น ต่อไปนี้กระทรวงมหาดไทยต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะกำลังให้เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกอยู่
***"กอ.สสส."สั่งคุมเข้มช่วงปีใหม่
พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ก่อความไม่สงบเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ที่มีการหยุดติดต่อกันหลายวัน
ส่วนที่มีข่าวว่าคนร้ายจะอาศัยช่วงครบรอบ 1 ปีวันที่ 4 ม.ค.2547 ก่อความไม่สงบนั้น พล.อ.สิริชัย กล่าวว่า ได้เตรียมการไว้หมดแล้วเช่นกันแต่ไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ อีกทั้งหน่วยในพื้นที่ก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
***ยันคดีครองผู้ว่าฯไม่มีแพะ-แกะ
พล.อ.สิริชัย กล่าวถึงความคืบหน้าผลการตรวจสอบลูกกระสุนปืนที่ใช้ยิงนายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี จนเสียชีวิตเป็นของพลทหารเกณฑ์จากมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ หาดใหญ่ด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ส่วนจะเป็นของทหาร หรืออาสาสมัคร เมื่อผลสรุปออกมาก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งตนได้กำชับไปทาง พ.ท.คมกริช รัตนฉายา ผบ.ฉก.22 ในฐานะผู้บังคับบัญชาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นขอให้พูดไปตามความจริงไม่ต้องปิดบัง
"ผมยืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิตของนายสุนทร เป็นอุบัติจากปืนลั่นอย่างแน่นอน แต่ปืนที่ลั่นจะมาจากใครคงต้องผลการสอบสวนของตำรวจ เชื่อว่าการทำงานสอบสวนหาคนผิดมาลงโทษจะไม่มี แพะ หรือ แกะ เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะทุกอย่างจะต้องทำความจริงทั้งหมดให้ปรากฎ" พล.อ.สิริชัย กล่าว
***"ชวน"เชื่อซีดีตากใบเป็นของจริง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า วีซีดีเหตุการณ์ตากใบที่นายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูลของพรรคนำมาเผยแพร่เป็นการตัดต่อเพื่อให้คนเกลียดชังรัฐบาลว่า ยังไม่มีโอกาสได้ดูวีซีดีจึงวิจารณ์ไม่ได้ว่าสร้างความเสียหายกับรัฐบาลหรือไม่ แต่นายธานินทร์ บอกว่า เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ช่างภาพโทรทัศน์ไทยถ่ายเอาไว้ ไม่ได้เอามาจากประเทศมาเลเซียหรือต่างประเทศอย่างที่เข้าใจ และไม่ใช่เป็นการสร้างข้อเท็จจริงเข้ามาใหม่ เพียงแต่ว่าบางตอนโทรทัศน์ไทยไม่กล้าออกเกรงรัฐบาลจะเสียหาย อย่างไรก็ตาม คิดว่าวันหนึ่งความจริงทั้งหมดจะออกมา และสิ่งที่อยากให้ทุกฝ่ายต้องระมัดระวังคือ ความมั่นคงของชาติ ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด แต่ต้องแยกให้ออกระหว่างความมั่นคงของชาติกับความมั่นคงของรัฐบาล
"ความมั่นคงของชาติถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด และการที่จะรักษาความมั่นคงของชาติได้ คือ การที่ทุกฝ่ายต้องให้ความจริงกับประชาชน แต่ถ้ารักษาความมั่นคงของรัฐบาล โดยการปกปิดข้อเท็จจริง อย่างนี้ความมั่นคงของชาติจะมีผลกระทบในระยะยาว ผมคิดว่าการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนที่สุดโดยการเรียกร้องความสามัคคี คือ การให้ทุกฝ่ายได้รู้ความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น และเกิดขึ้นได้อย่างไร
"ซึ่งปัญหาที่รัฐบาลควรจะตระหนัก คือ ที่มาของเหตุร้ายในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมาว่า เกิดจากอะไร ถึงแม้ว่าการยอมรับนั้นจะกระทบต่อรัฐบาล เพราะเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเป็นที่รู้ว่าเกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องยอมรับ เพื่อการแก้ไขปัญหาจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต แต่ถ้าหลีกเลี่ยงกลัวจะกระทบต่อความผิดพลาดของรัฐบาล จะหลีกเลี่ยงได้ระยะหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ในระยะยาวจะกลับมา เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้อยู่ตลอด" นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวย้ำว่า หากรัฐบาลยังใช้นโยบายเหมือนเดิมในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตนไม่คิดว่า จะทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นอย่างที่คิด ที่ผ่านมาพี่น้องทั้งมุสลิมและพุทธอยู่กันอย่างสงบ เหตุร้ายมีน้อย จะมีก็ประเภทเผานั้นเผานี่เล็กน้อย แต่ชนิดปล้นค่ายทหาร ฆ่าตำรวจ ฆ่าทหารทิ้งนั้น ไม่มี ดังนั้น 3 ปีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องยอมรับว่าเกิดความเละเทะในนโยบาย ในที่สุดก็นำมาซึ่งความหายนะ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก้ไขยาก ดังนั้น เงื่อนไขไม่ได้อยู่ที่ก่อนหรือหลังเลือกตั้ง
***"วิทยา"ติงรัฐปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร
ส่วนทางด้านนายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสั่งการผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ห้ามเผยแพร่วีซีดีเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เนื่องจากภาพที่สื่อในวีซีดีนั้นเป็นภาพตัดต่อที่บิดเบือนจากความเป็นจริงผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควรอย่างยิ่งที่มาปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของประชาชนตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เมื่อรัฐบาลสั่งห้าม หรือยกข้อกฎหมายมาข่มขู่ประชาชนแสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ทำผิดกฎหมายเสียเองและสมควรได้รับโทษตามตัวบทกฎหมายเช่นเดียวกัน
เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ที่สื่อทั้งในและต่างประเทศได้เสนอมา ตั้งแต่เหตุการณ์ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม สภ.อ.ตากใบรัฐบาลจะปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะภาพที่ปรากฏผ่านสื่อ หรือวีซีดี รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้กำกับ โดยให้ทหารและผู้ร่วมชุมนุมเป็นผู้ร่วมแสดง โดยมีสื่อทั้งในและต่างประเทศเป็นผู้ถ่ายทำ
"เหตุการณ์ตากใบ เป็นเรื่องจริง และนายธานินทร์ ใจสมุทร ไม่ได้เป็นผู้สร้างหรือผู้กำกับการแสดง หรือจ่ายแจกแผ่นวีซีดีเหมือนเช่นรัฐบาลได้กระทำกับการโฆษณาผลงาน รากหญ้า แหล่งที่มาเกิดจากความต้องการรับรู้ข้อเท็จจริงของภาคประชาชน" นายวิทยา กล่าว
***เด็กทรท.เตือนปชป.ควรมีจิตสำนึก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ นำวีซีดีตากใบเผยแพร่ในการหาเสียงว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าของนักการเมืองที่อยากได้อำนาจ คิดถึงแต่คะแนนของตัวเอง แล้วมาพูดทำลายขวัญผู้อื่น หากมีจิตสำนึกหรือยังเป็นคนไทยอยู่ควรทำอย่างสร้างสรรค์
"ถ้าแน่จริงให้นำภาพมายืนยันให้คนทั้งประเทศเป็นผู้ตัดสิน ยังไม่สายถ้าจะยุติแล้วแสดงความเสียใจ ประเทศบอบช้ำไปมาก คนไทยพับนกก็เพื่อความร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ใช่เอาวีซีดีไปแจก อยากถามว่ามีสำนึกเป็นคนไทยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์คงเปลี่ยนยาก ไม่ใช่เป็นเพราะมีอุดมการณ์ หรือพรรคอยู่มานาน แต่เป็นเพราะความเคยชิน" นายภูมิธรรม กล่าว