อัยการ-กรมบังคับคดี และป.ป.ช.เตรียมยื่นเรื่องศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนบังคับยึดทรัพย์กว่า 233 ล้านบาทของ “รักเกียรติ สุขธนะ” อดีตรมว.สาธารณสุข โดยใช้กฏหมายป.ป.ช. บังคับแทนหลังทรัพย์สินถูกถ่ายโอนใช้ชื่อบุคคลอื่น
นายอัมพร เหลืองน้อย อัยการผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคดีพิเศษ 2 กล่าวถึง ความคืบหน้าการบังคับคดียึดทรัพย์ 233.88 ล้านบาทเศษ ของนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ ลองเปรม เป็นเวลา 15 ปี ตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตเรียกรับสินบนจำนวน 5 ล้านบาท จากบริษัทขายยาในการจัดซื้อจัดจ้างยาและเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ขณะนายรักเกียรติ์ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายอัมพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งให้อัยการทราบว่า ได้ยื่นเรื่องต่อกรมบังคับคดี เพื่อให้ตรวจยึดทรัพย์สินที่ ป.ป.ช.ตรวจพบในชื่อของ นายรักเกียรติ แต่ปัจจุบันทรัพย์สินเหล่านั้นถูกโอนชื่อให้บุคคลอื่นถือครอง กรรมสิทธิ์แทน โดยทรัพย์สินที่รวบรวมได้ขณะนี้มี 42 รายการ ซึ่งกรมบังคับคดีพิ จารณาแล้วเห็นว่าขณะนี้ทรัพย์สินต่างๆ ที่ตรวจพบทุกรายการอยู่ในชื่อของบุคคลอื่น ซึ่งตามกฏหมายกรมบังคับคดีไม่สามารถตรวจยึดได้ทันที แต่จะต้องยื่นเรื่องต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อดำเนินการไต่สวนและบังคับ ซึ่งกรมบังคับคดีจะรับหน้าที่ยื่นเรื่องและคาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน ธันวาคมนี้ โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเรียกเจ้าของทรัพย์สินมาไต่สวนหาข้อเท็จจริงก่อนมีคำพิพากษาบังคับคดีต่อไป
อัยการผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคดีพิเศษ 2 กล่าวว่า สำหรับบัญชีทรัพย์สินซึ่ง ป.ป.ช.ตรวจพบทั้ง 42 รายการซึ่งมีชื่อนายรักเกียรติเป็นเจ้าของ ประกอบด้วย ที่ดิน นส.3ก. จ.เลยกว่า 20 แปลง โฉนดที่ดินและบ้านพักย่านแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และที่ดินในกรุงเทพมหานคร อีกราว 10 แปลงที่เหลือเป็นโฉนดที่ดิน จ.อุดรธานี โดยมีทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์อีก 2 คันรวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประเมินได้ในหลักสิบล้านบาทเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่เป็นที่ดินในต่างจังหวัดและมีจำนวน หลายสิบแปลงเป็นเพียงที่ นส.3ก. ดังนั้นจึงมีมูลค่าน้อย
ทั้งนี้แม้คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองจะมีคำสั่งให้บังคับคดียึดทรัพย์ที่เป็นเงินสดในบัญชีจำนวน 233.88 ล้านบาทเศษของ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ปัจจุบันพบว่าในบัญชีดังกล่าวไม่มีเงินหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นการบังคับคดี ป.ป.ช.จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 83 ของ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่ระบุว่า หากศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหาในคดีร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินแล้ว แต่ในการบังคับคดี ไม่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินตามฟ้องได้ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน ก็ให้ป.ป.ช.บังคับคดีในทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาภายในอายุความ 10 ปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินตามคำพิพากษาของศาล
นายอัมพร เหลืองน้อย อัยการผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคดีพิเศษ 2 กล่าวถึง ความคืบหน้าการบังคับคดียึดทรัพย์ 233.88 ล้านบาทเศษ ของนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ ลองเปรม เป็นเวลา 15 ปี ตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตเรียกรับสินบนจำนวน 5 ล้านบาท จากบริษัทขายยาในการจัดซื้อจัดจ้างยาและเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ขณะนายรักเกียรติ์ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายอัมพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งให้อัยการทราบว่า ได้ยื่นเรื่องต่อกรมบังคับคดี เพื่อให้ตรวจยึดทรัพย์สินที่ ป.ป.ช.ตรวจพบในชื่อของ นายรักเกียรติ แต่ปัจจุบันทรัพย์สินเหล่านั้นถูกโอนชื่อให้บุคคลอื่นถือครอง กรรมสิทธิ์แทน โดยทรัพย์สินที่รวบรวมได้ขณะนี้มี 42 รายการ ซึ่งกรมบังคับคดีพิ จารณาแล้วเห็นว่าขณะนี้ทรัพย์สินต่างๆ ที่ตรวจพบทุกรายการอยู่ในชื่อของบุคคลอื่น ซึ่งตามกฏหมายกรมบังคับคดีไม่สามารถตรวจยึดได้ทันที แต่จะต้องยื่นเรื่องต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อดำเนินการไต่สวนและบังคับ ซึ่งกรมบังคับคดีจะรับหน้าที่ยื่นเรื่องและคาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน ธันวาคมนี้ โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเรียกเจ้าของทรัพย์สินมาไต่สวนหาข้อเท็จจริงก่อนมีคำพิพากษาบังคับคดีต่อไป
อัยการผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคดีพิเศษ 2 กล่าวว่า สำหรับบัญชีทรัพย์สินซึ่ง ป.ป.ช.ตรวจพบทั้ง 42 รายการซึ่งมีชื่อนายรักเกียรติเป็นเจ้าของ ประกอบด้วย ที่ดิน นส.3ก. จ.เลยกว่า 20 แปลง โฉนดที่ดินและบ้านพักย่านแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และที่ดินในกรุงเทพมหานคร อีกราว 10 แปลงที่เหลือเป็นโฉนดที่ดิน จ.อุดรธานี โดยมีทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์อีก 2 คันรวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประเมินได้ในหลักสิบล้านบาทเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่เป็นที่ดินในต่างจังหวัดและมีจำนวน หลายสิบแปลงเป็นเพียงที่ นส.3ก. ดังนั้นจึงมีมูลค่าน้อย
ทั้งนี้แม้คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองจะมีคำสั่งให้บังคับคดียึดทรัพย์ที่เป็นเงินสดในบัญชีจำนวน 233.88 ล้านบาทเศษของ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ปัจจุบันพบว่าในบัญชีดังกล่าวไม่มีเงินหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นการบังคับคดี ป.ป.ช.จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 83 ของ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่ระบุว่า หากศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหาในคดีร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินแล้ว แต่ในการบังคับคดี ไม่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินตามฟ้องได้ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน ก็ให้ป.ป.ช.บังคับคดีในทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาภายในอายุความ 10 ปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินตามคำพิพากษาของศาล