“เอกยุทธ” อหังการ์ ประกาศล้ม “ทักษิณ” ทุกวิถีทาง ถ้าทำไม่ได้ จะขนเงินจากอังกฤษมาดูด ส.ส.ไทยรักไทยหลังเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้ได้เป็นนายกฯ รอบ 2 ขณะเดียวกันยังรวบรวมหลักฐานมัดนักการเมืองไทยรวยอู้ฟู่ซุกบ้านในลอดนอน
นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานเครือบริหารโอเรียลเต็ล มาร์ท กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค. ตนจะเดินทางกลับประเทศอังกฤษ โดยจะกลับไปประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจะกลับมาใหม่ เพื่อเคลียร์งานทางธุรกิจที่คั่งค้างและยังต้องเตรียมที่จะขยายกิจการโอเรียลเต็ล มาร์ท โดยจะเปิดอีกสาขาในลอนดอน นอกจากนี้การกลับไปอังกฤษครั้งนี้ตนจะกลับไปรวบรวมเอกสารหลักฐานการครอบครองบ้านพักของนักการเมืองระดับรัฐมนตรีประมาณ 10 คนในรัฐบาลนี้ ที่ยังไม่แจ้งทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
“ขณะนี้ผมได้ให้ทีมงานรวบรวมเอกสารการถือครองบ้านพักของนักการเมืองไทยในอังกฤษไว้ทั้งหมดแล้วว่าหลังไหนเป็นของใคร แต่ละหลังราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านปอนด์ แต่จะต้องกลับไปตรวจสอบอีกครั้งว่าบ้านเหล่านั้น ใช้ชื่อจริงเป็นเจ้าของหรือใช้ในนามบริษัท แต่ถึงแม้จะไม่ใช้ชื่อตัวเองสังคมก็ต้องตั้งคำถามว่ารัฐมนตรีเหล่านี้มีใครเป็นผู้อุปการะคุณถึงได้ไปอยู่บ้านเขาได้ตลอด ตอนไม่อยู่บ้านก็ปิดตาย ตอนไปก็เปิดนอน และที่สำคัญได้แจ้งบัญชีต่อป.ป.ช.หรือไม่ ถ้าไม่แจ้งก็เข้าข่ายซุกซ่อนทรัพย์สินต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทางการเมือง แน่นอน”
นายเอกยุทธ ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากที่เปิดตัวออกเคลื่อนไหวเพื่อล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างเปิดเผยมาตลอด 2 เดือน และขณะนี้เข้าใกล้ช่วงเลือกตั้ง เห็นว่าหากในระยะเวลาก่อนเลือกตั้งไม่สามารถล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ตนก็จะเดินหน้าเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งมีอยู่มากมายในรัฐบาลนี้ให้ประชาชนได้รู้แจ้งเห็นจริง เพื่อให้พรรคไทยรักไทยได้เสียงน้อยที่สุด ซึ่งแผนของตนคือ ถ้าพรรคไทยรักไทยได้คะแนนเสียงกึ่งหนึ่งไม่มาก ตนอาจจะระดมเงินจากนักธุรกิจในลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกครั้ง เพื่อดึงส.ส.ในพรรคไทยรักไทย ออกมาไม่ให้มีเสียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้
“นั่นเป็นวิธีสุดท้ายที่ผมจะทำให้พรรคไทยรักไทย ไม่ได้เป็นรัฐบาล และพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจำเป็นจะต้องทำเพราะถ้าปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในอำนาจต่อไปประเทศไทยก็จะถูกจับจองเป็นเจ้าของด้วยคนตระกูลเดียวแน่นอน ผมเชื่อว่าถ้าพรรคไทยรักไทย ได้คะแนนเสียงไม่มากเกินไปนัก ผมสามารถทำได้โดยใช้เงินไม่มาก และเชื่อว่าคนที่ไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณจัดตั้งรัฐบาลนั้นนอกจากผมก็ยังมีอีกหลายคนที่จะช่วยกันดูด ส.ส. พรรคไทยรักไทย ออกมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลแทนได้ และปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น อย่าลืมว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีของไทยนั้นรัฐธรรมนูญเปิดให้โหวตกันอย่างอิสระในสภาไม่ต้องมีวิปคอยกำหนด ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้”
นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานเครือบริหารโอเรียลเต็ล มาร์ท กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค. ตนจะเดินทางกลับประเทศอังกฤษ โดยจะกลับไปประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจะกลับมาใหม่ เพื่อเคลียร์งานทางธุรกิจที่คั่งค้างและยังต้องเตรียมที่จะขยายกิจการโอเรียลเต็ล มาร์ท โดยจะเปิดอีกสาขาในลอนดอน นอกจากนี้การกลับไปอังกฤษครั้งนี้ตนจะกลับไปรวบรวมเอกสารหลักฐานการครอบครองบ้านพักของนักการเมืองระดับรัฐมนตรีประมาณ 10 คนในรัฐบาลนี้ ที่ยังไม่แจ้งทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
“ขณะนี้ผมได้ให้ทีมงานรวบรวมเอกสารการถือครองบ้านพักของนักการเมืองไทยในอังกฤษไว้ทั้งหมดแล้วว่าหลังไหนเป็นของใคร แต่ละหลังราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านปอนด์ แต่จะต้องกลับไปตรวจสอบอีกครั้งว่าบ้านเหล่านั้น ใช้ชื่อจริงเป็นเจ้าของหรือใช้ในนามบริษัท แต่ถึงแม้จะไม่ใช้ชื่อตัวเองสังคมก็ต้องตั้งคำถามว่ารัฐมนตรีเหล่านี้มีใครเป็นผู้อุปการะคุณถึงได้ไปอยู่บ้านเขาได้ตลอด ตอนไม่อยู่บ้านก็ปิดตาย ตอนไปก็เปิดนอน และที่สำคัญได้แจ้งบัญชีต่อป.ป.ช.หรือไม่ ถ้าไม่แจ้งก็เข้าข่ายซุกซ่อนทรัพย์สินต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทางการเมือง แน่นอน”
นายเอกยุทธ ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากที่เปิดตัวออกเคลื่อนไหวเพื่อล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างเปิดเผยมาตลอด 2 เดือน และขณะนี้เข้าใกล้ช่วงเลือกตั้ง เห็นว่าหากในระยะเวลาก่อนเลือกตั้งไม่สามารถล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ตนก็จะเดินหน้าเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งมีอยู่มากมายในรัฐบาลนี้ให้ประชาชนได้รู้แจ้งเห็นจริง เพื่อให้พรรคไทยรักไทยได้เสียงน้อยที่สุด ซึ่งแผนของตนคือ ถ้าพรรคไทยรักไทยได้คะแนนเสียงกึ่งหนึ่งไม่มาก ตนอาจจะระดมเงินจากนักธุรกิจในลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกครั้ง เพื่อดึงส.ส.ในพรรคไทยรักไทย ออกมาไม่ให้มีเสียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้
“นั่นเป็นวิธีสุดท้ายที่ผมจะทำให้พรรคไทยรักไทย ไม่ได้เป็นรัฐบาล และพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจำเป็นจะต้องทำเพราะถ้าปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในอำนาจต่อไปประเทศไทยก็จะถูกจับจองเป็นเจ้าของด้วยคนตระกูลเดียวแน่นอน ผมเชื่อว่าถ้าพรรคไทยรักไทย ได้คะแนนเสียงไม่มากเกินไปนัก ผมสามารถทำได้โดยใช้เงินไม่มาก และเชื่อว่าคนที่ไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณจัดตั้งรัฐบาลนั้นนอกจากผมก็ยังมีอีกหลายคนที่จะช่วยกันดูด ส.ส. พรรคไทยรักไทย ออกมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลแทนได้ และปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น อย่าลืมว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีของไทยนั้นรัฐธรรมนูญเปิดให้โหวตกันอย่างอิสระในสภาไม่ต้องมีวิปคอยกำหนด ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้”