วานนี้(5 ก.ย.)ที่หอประชุมสุขุมนัยประดิษฐ์ สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน(กพ.) จ.นนทบุรี สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.)จัดประชุมระดับประเทศในหัวข้อ “ 3ปีสภาที่ปรึกษาฯ สะท้อนเสียงจากประชา...ให้คำปรึกษาสู่รัฐ” โดยมี นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานสภาที่ปรึกษาฯ กล่าวเปิดประชุมว่า 70 ปีที่ผ่านมาพบว่าประชาชน 60กว่าล้านคน จะมีประชาชน 20 ล้านคนเท่านั้น ที่มีส่วนร่วมในการเข้าถึงแผนพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง ที่เหลือไม่มีโอกาสและไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมเลย
นายอานันท์ ย้ำว่าหลังจากที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้น ก่อให้เกิดสภาที่ปรึกษาฯถึงแม้รัฐบาลจะมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคอยให้คำปรึกษาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เสียหลายที่จะมีที่ปรึกษาที่มาจากองค์กรภาคประชาชน ทำหน้าที่เป็นจิ้งจกคอยทัก ตักเตือน ซึ่งมีทั้งคำติ คำชม และหากสภาที่ปรึกษาฯเดินไม่ถูกทางก็ต้องขอโทษ และยินดีรับผิดชอบต่อคำติชม ซึ่งการทำหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาฯทุกคนจะลืมเรื่องส่วนตัว และขอชี้แจงว่าสภาแห่งนี้ไม่ใช่สภาที่สาม ไม่ใช่ ส.ส.หรือ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่มีอำนาจในการบริหารหรือตรวจสอบ แต่จะใช้วิจารณญาณในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและสังคม
โอกาสนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ประเทศไทยได้อะไรจากการมีสภาที่ปรึกษาฯ”ว่า จะรีบดำเนินการเพื่อให้สภาที่ปรึกษาฯและคณะรัฐมนตรี ได้มีโอกาสพบปะหารือกัน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งนี้เห็นว่าการทำหน้าที่ลักษณะติติงรัฐบาลเป็นเรื่องที่น่ายินดี และใน 3 ปีที่ผ่านมา แม้สภาที่ปรึกษาฯจะได้ นายอานันท์ มาเป็นประธานก็ถือว่าได้ประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเรื่องที่สำคัญที่สุด รัฐบาลยังได้ที่ปรึกษาฟรีๆในการให้คำปรึกษาเชิงนโยบายตามมาตรา 89ของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม การร่างกฎหมายให้มีสภาที่ปรึกษาฯไม่ใช่การให้มีกฎหมายเพื่อให้คำปรึกษาพรรคไทยรักไทย แต่เป็นการให้คำปรึกษากับผู้ที่มาเป็นรัฐบาล จึงขอยืนยันว่าการเสนอเรื่องในแบบนโยบายเชิงรุกจำนวน 46 เรื่อง และครม.เห็นชอบไปแล้ว 24 เรื่อง ส่วนอีก 22 เรื่องกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
นายวิษณุ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในกระบวนการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 2 ว่า ต่อจากนี้จะมีกระบวนการสรรหาบุคคลตามกฎหมาย และขณะนี้จำนวนคณะกรรมการสรรหาฯ ก็ได้ครบแล้ว 14 คน แต่ยอมรับว่ามีข้อกฎหมายที่เป็นปัญหา ซึ่งได้ขอให้ประธานกรรมการสรรหาฯเสนอเรื่องไปขอความเห็นยังกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาเช่นเดียวกับการสรรหา กทช.หรือ กสช.
สำหรับกรณีของตำแหน่งเลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯ ที่จะให้มาขึ้นตรงกับนายรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า หากจะเป็นเช่นนั้นก็สามารถทำได้ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการสร้างกลไกของสภาที่ปรึกษาฯ ว่าหากเลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯไม่เป็นข้าราชการหรือขึ้นตรงกับประธานสภาที่ปรึกษาฯ ดังนั้นการกำกับดูแลหรือลงโทษทางวินัยจะต้องทำอย่างไร แต่หากจะให้เลขาฯ ขึ้นตรงกับประธานฯ และหากมีปัญหาขัดแย้งกับประธานฯ เรื่องก็ต้องผ่าน กพ.
ส่วนที่สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ต้องการให้มีการเลือกตั้งเลขาธิการคนใหม่ แทนที่นายกฯจะแต่งตั้งนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า วันนี้ก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่รับว่าจะพยายามหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด และเรื่องนี้ได้เสนอยัง กพ.พิจารณาดูว่าตำแหน่งดังกล่าว จะเป็นตำแหน่งระดับ 10 หรือระดับ 11 ซึ่งหากออกมาว่าดีหรือไม่ดี นายกฯ ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ดี
ด้าน นางสาวพรรณราย ขันธกิจ รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯกล่าวถึงความคืบหน้าในการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯว่า วันที่ 20ก.ย.นี้ จะมีระเบียบสำนักงานฯว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ หลังจากที่ได้กรรมการสรรหาฯครบแล้ว 14 คน แต่ยังขาดกลุ่มที่เหลืออีก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มองค์กรเอกชน 4 คน และกลุ่มสื่อมวลชน 3 คน โดยคาดว่าจะประกาศกรรมการสรรหาให้ครบถ้วน และเริ่มประชุมฯเพื่อพิจารณาได้ในวันที่ 24 ก.ย.นี้ โดยเชื่อว่าจะสามารถจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกฯเสนอนายกฯเพื่อประกาศในราชกิจานุเบกษา ในวันที่ 8ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ และเครือข่ายภาคประชาชนนำเสนอและสะท้อนผลการพัฒนาตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามมาตราสู่รัฐบาล (มาตรา 71-87) ทั้งด้านความมั่นคงของชาติ การอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนและการบริหาร ด้านศาสนา สังคม การศึกษาและสาธารณสุข รวมทั้งด้านเศรษฐกิจแล้ว ก็ได้เสนอต่อ นายวิษณุ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.หนองคาย ในวันที่ 7ก.ย.นี้
นายอานันท์ ย้ำว่าหลังจากที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้น ก่อให้เกิดสภาที่ปรึกษาฯถึงแม้รัฐบาลจะมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคอยให้คำปรึกษาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เสียหลายที่จะมีที่ปรึกษาที่มาจากองค์กรภาคประชาชน ทำหน้าที่เป็นจิ้งจกคอยทัก ตักเตือน ซึ่งมีทั้งคำติ คำชม และหากสภาที่ปรึกษาฯเดินไม่ถูกทางก็ต้องขอโทษ และยินดีรับผิดชอบต่อคำติชม ซึ่งการทำหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาฯทุกคนจะลืมเรื่องส่วนตัว และขอชี้แจงว่าสภาแห่งนี้ไม่ใช่สภาที่สาม ไม่ใช่ ส.ส.หรือ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่มีอำนาจในการบริหารหรือตรวจสอบ แต่จะใช้วิจารณญาณในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและสังคม
โอกาสนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ประเทศไทยได้อะไรจากการมีสภาที่ปรึกษาฯ”ว่า จะรีบดำเนินการเพื่อให้สภาที่ปรึกษาฯและคณะรัฐมนตรี ได้มีโอกาสพบปะหารือกัน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งนี้เห็นว่าการทำหน้าที่ลักษณะติติงรัฐบาลเป็นเรื่องที่น่ายินดี และใน 3 ปีที่ผ่านมา แม้สภาที่ปรึกษาฯจะได้ นายอานันท์ มาเป็นประธานก็ถือว่าได้ประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเรื่องที่สำคัญที่สุด รัฐบาลยังได้ที่ปรึกษาฟรีๆในการให้คำปรึกษาเชิงนโยบายตามมาตรา 89ของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม การร่างกฎหมายให้มีสภาที่ปรึกษาฯไม่ใช่การให้มีกฎหมายเพื่อให้คำปรึกษาพรรคไทยรักไทย แต่เป็นการให้คำปรึกษากับผู้ที่มาเป็นรัฐบาล จึงขอยืนยันว่าการเสนอเรื่องในแบบนโยบายเชิงรุกจำนวน 46 เรื่อง และครม.เห็นชอบไปแล้ว 24 เรื่อง ส่วนอีก 22 เรื่องกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
นายวิษณุ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในกระบวนการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 2 ว่า ต่อจากนี้จะมีกระบวนการสรรหาบุคคลตามกฎหมาย และขณะนี้จำนวนคณะกรรมการสรรหาฯ ก็ได้ครบแล้ว 14 คน แต่ยอมรับว่ามีข้อกฎหมายที่เป็นปัญหา ซึ่งได้ขอให้ประธานกรรมการสรรหาฯเสนอเรื่องไปขอความเห็นยังกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาเช่นเดียวกับการสรรหา กทช.หรือ กสช.
สำหรับกรณีของตำแหน่งเลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯ ที่จะให้มาขึ้นตรงกับนายรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า หากจะเป็นเช่นนั้นก็สามารถทำได้ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการสร้างกลไกของสภาที่ปรึกษาฯ ว่าหากเลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯไม่เป็นข้าราชการหรือขึ้นตรงกับประธานสภาที่ปรึกษาฯ ดังนั้นการกำกับดูแลหรือลงโทษทางวินัยจะต้องทำอย่างไร แต่หากจะให้เลขาฯ ขึ้นตรงกับประธานฯ และหากมีปัญหาขัดแย้งกับประธานฯ เรื่องก็ต้องผ่าน กพ.
ส่วนที่สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ต้องการให้มีการเลือกตั้งเลขาธิการคนใหม่ แทนที่นายกฯจะแต่งตั้งนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า วันนี้ก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่รับว่าจะพยายามหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด และเรื่องนี้ได้เสนอยัง กพ.พิจารณาดูว่าตำแหน่งดังกล่าว จะเป็นตำแหน่งระดับ 10 หรือระดับ 11 ซึ่งหากออกมาว่าดีหรือไม่ดี นายกฯ ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ดี
ด้าน นางสาวพรรณราย ขันธกิจ รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯกล่าวถึงความคืบหน้าในการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯว่า วันที่ 20ก.ย.นี้ จะมีระเบียบสำนักงานฯว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ หลังจากที่ได้กรรมการสรรหาฯครบแล้ว 14 คน แต่ยังขาดกลุ่มที่เหลืออีก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มองค์กรเอกชน 4 คน และกลุ่มสื่อมวลชน 3 คน โดยคาดว่าจะประกาศกรรมการสรรหาให้ครบถ้วน และเริ่มประชุมฯเพื่อพิจารณาได้ในวันที่ 24 ก.ย.นี้ โดยเชื่อว่าจะสามารถจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกฯเสนอนายกฯเพื่อประกาศในราชกิจานุเบกษา ในวันที่ 8ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ และเครือข่ายภาคประชาชนนำเสนอและสะท้อนผลการพัฒนาตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามมาตราสู่รัฐบาล (มาตรา 71-87) ทั้งด้านความมั่นคงของชาติ การอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนและการบริหาร ด้านศาสนา สังคม การศึกษาและสาธารณสุข รวมทั้งด้านเศรษฐกิจแล้ว ก็ได้เสนอต่อ นายวิษณุ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.หนองคาย ในวันที่ 7ก.ย.นี้