นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป กล่าวถึงข่าวการพบ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคมหาชนและให้เงินบริจาค สนับสนุนพรรค 500 ล้านบาทด้วยว่า การพบนักการเมืองแต่ละคนไม่เคยพูดถึงเรื่อง เงินเลย กับ พล.ต.สนั่นก็ไม่เคยเจอกันเป็นเดือนแล้ว คิดว่าข่าวชักจะไปกันใหญ่ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาตนไปพัวพันด้วย เวลานี้กลายเป็นว่าพอพูดถึงเรื่องเงิน ต้องเป็นตนทุกที คนอืนรวยกว่าตั้งเยอะไม่เอามาคุยกันบ้าง
นายเอกยุทธ กล่าวว่าตนไม่เข้าใจว่าทำไม นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องร้อนตัวอะไรถึงมาของว่าตนขี้คุย ขี้แอ๊ก หรือว่ารับคำสั่งใครมาอยู่ดี ๆ ก็ออกมาพูดเรื่องตน
“ขอร้องอย่ามาวอแวกับผม เพราะถ้าผมพูดอะไรไปเดี๋ยวจะเสีย ทางที่ดี อย่างมายุ่งกับผม หรือพูดอะไรต่อ เพราะถ้ายิ่งพูด ก็ยิ่งมีคำตอบ และอย่าถึงกับให้ผม บอกว่าจะแฉ เอาแค่ว่า มีเรื่องเล่าให้ฟังดีกว่า ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยไปใส่ร้ายอะไรนายอุทัย หรือว่าในอดีตนายอุทัยไปทำอะไรไว้ถึงได้ร้อนตัวออกมาพูด และอยากถามว่า นายอุทัยรู้จักกับผมหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักแล้วพูดทำไม แต่ถ้ารู้จักใช่เป็นคนที่เคยพูดว่า “ไม่มีออกซิเจนกำลังจะตาย” หรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่เวลาอย่างนี้คนที่ออกมาพูด น่าจะไปพูดเรื่องของบ้านเมืองจะดีกว่า”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงไม่ออกมาพูดเรื่องเงินพันล้าน นายเอกยุทธ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า นายกฯ คิดอะไรอยู่ ท่านคงกำลังตื่นเต้นกับเหรียญทองอยู่ก็ได้ เมื่อถามต่อว่า หลายฝ่ายมองว่า การรับเงินสนับสนุนบจากบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ จะมีผลกระทบต่อการบริจาคเงินเข้าพรรค นายเอกยุทธ กล่าวว่า ตนยังไม่เคยให้เงินกับใคร และถ้าจะให้ใครก็ให้ในฐานะเป็นเงินส่วนตัว เงินในประเทศไทยตนก็มี อย่ามาตีความกันอย่างนี้ดีกว่า หรือว่ากลัวอะไร
“คนพวกนี้เวลาโกงชาติ โกงบ้านเมือง ไม่เห็นจะกลัว หรือว่าอกหักไม่ได้เงิน ถึงมาพูด ขอย้ำว่าอย่าออกมาพูดอะไรอีก เพราะไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องเล่าให้ฟัง ทางที่ดีหยุดไปเสียดีกว่า”
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ ประธานคณะกรรมการประสานงาน พรรคร่วม ฝ่ายค้านว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะรับเงินสนับสนุนจากใครก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และการบริจาคเงินให้กับพรรคผู้บริจาคก็ต้องยอมรับนโยบายและแนวทางของพรรค ไม่ใช่จะมาตั้งเงื่อนไขว่า พรรคต้องเปลี่ยนอุดมการณ์หรือการทำงาน ยืนยันว่า พรรคไม่จำเป็นต้องรับเงินหรือแลกเงินเพื่อเปลี่ยนอุดมการณ์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่นายเอกยุทธ เข้าพบนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเพื่อเยี่ยมพรรค เป้าหมายหลักเพื่อมาให้กำลังใจ พร้อมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย 11 ฉบับ และกฎหมายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจุดยืนของพรรคก็ไม่เห็นด้วยกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว ส่วนกฎหมาย 11 ฉบับเราก็สามารถปรับเปลี่ยน ยกเลิกได้ตาม สถานการณ์ ยืนยันว่า หากพรรคปรับเปลี่ยนกฎหมาย 11 ฉบับก็ไม่ใช่เพราะพรรคไม่เป็น ตัวของตัวเอง เพื่อแลกกับเงิน แต่มันต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารพรรคว่า นายบัญญัติ ได้ชี้แจงต่อประชุมถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีกลุ่มนักธุรกิจบริจาคเงินให้กับพรรค 1 พันล้านบาทว่า จนถึงวันนี้ยังไม่เคยมีการเจรจาหรือรับบริจาคเงินสูงถึงพันล้านบาท ซึ่งที่ประชุมก็ไม่ได้มีการหารือหรือซักถามในเรื่องนี้อีก ทั้งเรื่องการรับเงินบริจาคนั้นพรรคก็ต้องปฏิบัติไปตามข้อบังคับพรรคและกฎหมายเลือกตั้ง
นายเอกยุทธ กล่าวว่าตนไม่เข้าใจว่าทำไม นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องร้อนตัวอะไรถึงมาของว่าตนขี้คุย ขี้แอ๊ก หรือว่ารับคำสั่งใครมาอยู่ดี ๆ ก็ออกมาพูดเรื่องตน
“ขอร้องอย่ามาวอแวกับผม เพราะถ้าผมพูดอะไรไปเดี๋ยวจะเสีย ทางที่ดี อย่างมายุ่งกับผม หรือพูดอะไรต่อ เพราะถ้ายิ่งพูด ก็ยิ่งมีคำตอบ และอย่าถึงกับให้ผม บอกว่าจะแฉ เอาแค่ว่า มีเรื่องเล่าให้ฟังดีกว่า ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยไปใส่ร้ายอะไรนายอุทัย หรือว่าในอดีตนายอุทัยไปทำอะไรไว้ถึงได้ร้อนตัวออกมาพูด และอยากถามว่า นายอุทัยรู้จักกับผมหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักแล้วพูดทำไม แต่ถ้ารู้จักใช่เป็นคนที่เคยพูดว่า “ไม่มีออกซิเจนกำลังจะตาย” หรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่เวลาอย่างนี้คนที่ออกมาพูด น่าจะไปพูดเรื่องของบ้านเมืองจะดีกว่า”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงไม่ออกมาพูดเรื่องเงินพันล้าน นายเอกยุทธ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า นายกฯ คิดอะไรอยู่ ท่านคงกำลังตื่นเต้นกับเหรียญทองอยู่ก็ได้ เมื่อถามต่อว่า หลายฝ่ายมองว่า การรับเงินสนับสนุนบจากบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ จะมีผลกระทบต่อการบริจาคเงินเข้าพรรค นายเอกยุทธ กล่าวว่า ตนยังไม่เคยให้เงินกับใคร และถ้าจะให้ใครก็ให้ในฐานะเป็นเงินส่วนตัว เงินในประเทศไทยตนก็มี อย่ามาตีความกันอย่างนี้ดีกว่า หรือว่ากลัวอะไร
“คนพวกนี้เวลาโกงชาติ โกงบ้านเมือง ไม่เห็นจะกลัว หรือว่าอกหักไม่ได้เงิน ถึงมาพูด ขอย้ำว่าอย่าออกมาพูดอะไรอีก เพราะไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องเล่าให้ฟัง ทางที่ดีหยุดไปเสียดีกว่า”
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ ประธานคณะกรรมการประสานงาน พรรคร่วม ฝ่ายค้านว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะรับเงินสนับสนุนจากใครก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และการบริจาคเงินให้กับพรรคผู้บริจาคก็ต้องยอมรับนโยบายและแนวทางของพรรค ไม่ใช่จะมาตั้งเงื่อนไขว่า พรรคต้องเปลี่ยนอุดมการณ์หรือการทำงาน ยืนยันว่า พรรคไม่จำเป็นต้องรับเงินหรือแลกเงินเพื่อเปลี่ยนอุดมการณ์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่นายเอกยุทธ เข้าพบนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเพื่อเยี่ยมพรรค เป้าหมายหลักเพื่อมาให้กำลังใจ พร้อมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย 11 ฉบับ และกฎหมายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจุดยืนของพรรคก็ไม่เห็นด้วยกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว ส่วนกฎหมาย 11 ฉบับเราก็สามารถปรับเปลี่ยน ยกเลิกได้ตาม สถานการณ์ ยืนยันว่า หากพรรคปรับเปลี่ยนกฎหมาย 11 ฉบับก็ไม่ใช่เพราะพรรคไม่เป็น ตัวของตัวเอง เพื่อแลกกับเงิน แต่มันต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารพรรคว่า นายบัญญัติ ได้ชี้แจงต่อประชุมถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีกลุ่มนักธุรกิจบริจาคเงินให้กับพรรค 1 พันล้านบาทว่า จนถึงวันนี้ยังไม่เคยมีการเจรจาหรือรับบริจาคเงินสูงถึงพันล้านบาท ซึ่งที่ประชุมก็ไม่ได้มีการหารือหรือซักถามในเรื่องนี้อีก ทั้งเรื่องการรับเงินบริจาคนั้นพรรคก็ต้องปฏิบัติไปตามข้อบังคับพรรคและกฎหมายเลือกตั้ง