นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ซึ่งเสนอให้เงินสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แลกกับการยกเลิกการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับ กล่าวว่า ตนทำธุรกิจที่อยู่อาศัย และห้างสรรพสินค้าในอังกฤษ ซึ่งจำหน่ายสินค้าไทย ซึ่งขณะนี้ได้ขยายไปหลายสาขาในลอนดอน และกำลังจะขยายออกไปอีก ธุรกิจของตนตรวจสอบได้ ขอเชิญนักข่าวไปดูได้ โดยจะออกค่าใช้จ่ายให้จะได้เห็นว่า ธุรกิจที่ทำมีอะไรบ้าง
ส่วนแชร์ชาร์เตอร์ ที่เคยทำในอดีต ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ แต่เป็นธุรกิจการลงทุนซึ่งเรื่องนี้จบไปแล้ว ผ่านกระบวนการศาลเรียบร้อยแล้ว ขออย่าไปพูดถึงอีก
"มันเป็นเกมการเมือง ถ้าจะพูดถึงเรื่องความชั่ว การโกงกิน ทำไมไม่พูดถึง การโกงกินในปัจจุบัน เงินมันสกปรกกว่าเยอะ เงินเดือนผู้แทนฯ หรือ รัฐมนตรี ได้เดือนละ 1 แสนกว่า แต่ใช้กันเป็นล้านเอามาจากไหน พ่อแม่รวยหรือเปล่า ถ้าจะตรวจสอบกันผมอยากให้ย้อนไปดูการเสียภาษี 5 ปีย้อนหลังดี พวกที่นั่งในสภา กล้าย้อนหรือไม่ ถ้าผมเปิดการตรวจสอบออกมาเดือดร้อนแน่ อยู่ ๆ รวยกันหมื่นล้านพันล้านเสียภาษีหรือไม่"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังจะเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายเอกยุทธ กล่าวว่า ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็ยินดี แต่ตนไม่อยากเล่นการเมือง ไม่เคยขอรับตำแหน่ง เพียงอยากสนับสนุนบุคคลที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่เอาสมบัติของชาติไปขาย เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลน่าจะทำได้
"นักธุรกิจไทยในต่างปร ะเทศพูดคุยเรื่องการเมืองไทยกันมาก เขาอายเพราะ ถูกต่างชาติถามว่าทำไมประเทศไทยเป็นอย่างนี้ ทำไมผู้มีอำนาจหากินกันง่าย สิ่งที่พวกผมคิดกันนั้น อยากให้ประชาธิปัตย์พูด เพราะเขามีสถานะ แต่พวกผมเป็นนักธุรกิจ จึงอยากให้ประชาธิปัตย์เข้มแข็งมั่นคง อย่าวอกแวก ขบวนการทำลายมันเยอะ ถ้าคุณอ่อนไหว จากที่คุณมีมิตรก็จะกลายเป็นศัตรู คุณเป็นพรรคการเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ มีโอกาสเป็นรัฐบาล ต้องต่อสู้ เขาบอกจะได้ 400 เสียงได้ ทำไมคุณจะบอกไม่ได้ ถ้าประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ผมคิดว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกที่ ผมเป็นนักธุรกิจ สิ่งใดที่พูดกับผู้ใหญ่ในพรรคก็ขอให้รักษาสัจจะ ขอเรียนให้ท่านทราบด้วย"
นายเอกยุทธ กล่าวด้วยว่า จะพยายามช่วยพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในระดับหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่ใช่ข้อตกลงหรือข้อเรียกร้อง แต่ขณะนี้ถือเป็นทางเลือกเดียวที่จะออกมาคานอำนาจรัฐบาลได้บ้าง
**แก้ไขกม.ทั้ง 11 ฉบับไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่ได้สอบถาม นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ท่านบอกว่ายังไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินสนับสนุนพรรค 1 พันล้านบาท ของนายเอกยุทธ แต่หากจะมีการบริจาคให้พรรคจริง ก็ต้องเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ ถ้าเป็นเงินต่างชาติพรรคจะรับบริจาคไม่ได้ โดยนิยามชัดเจนว่า "บริษัทใด นิติบุคคลใดเป็นต่างประเทศ" ทั้งนี้คงจะมีการสอบถามกันในการประชุมคณะผู้บริหารพรรควันนี้ (17 ส.ค.)
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเรื่องกฎหมาย 11 ฉบับ นั้นออกมาใช้กับระบบเศรษฐกิจที่มีความเจริญระดับหนึ่ง ฉะนั้นไม่คิดว่าจะยกเลิกได้ทั้งหมด และไม่เหมาะสมหากจะยกเลิกทั้ง 11 ฉบับ แต่กฎหมายฉบับใดมีปัญหาก็ต้องพิจารณาแก้ไข เช่นกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีปัญหา เพราะรัฐบาลนี้ใช้โดยไม่เข้าใจเรื่องหลักการการแปรรูปอย่างที่วางไว้ในรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่เน้นการเพิ่มการแข่งขันและสร้างระบบการดูแลที่เป็นอิสระ แต่รัฐบาลนี้เน้นขายโดยเข้าตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตามหากยกเลิกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจก็ต้องมีกฎหมายขึ้นมาทดแทน เพื่อให้การแปรรูปเป็นไปตามเจตนารมย์เดิม เพราะสร้างการแข่งขันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเรื่องจำเป็น
**มหาชนปฎิเสธเอกยุทธให้500ล.
นายอรรคพล สรสุชาติ รองหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวปฎิเสธข่าวที่ว่า ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 500 ล้านบาท จากนายเอกยุทธ แต่ยอมรับว่าเมื่อครั้ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคมหาชน เดินทางไปอังกฤษ ก่อนตั้งพรรค กลุ่มจัดตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 ได้นำนายเอกยุทธ ซึ่งรู้จักกันมาก่อนให้ไปคุยกับ พล.ต.สนั่น ที่ร้านอาหารกำทอง ซึ่งเป็นของภรรยานายเอกยุทธ
"นายเอกยุทธ แจ้งกับ พล.ต.สนั่น ว่า กำลังจัดตั้งพรรคประชาธรรม เพราะทนไม่ได้กับการเมืองไทยที่ถูกพรรคไทยรักไทยผูกขาด แต่นายเอกยุทธบอกว่าพรรคที่ตั้งขึ้นไม่ต้องการให้นักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีแต่ นักวิชาการ นักธุรกิจและเอ็นจีโอ แต่ พล.ต.สนั่นเห็นว่า แนวคิดที่จะไม่ให้มีนั้นเป็นไปได้ยาก อีกทั้งถ้าตั้งพรรคประชาธรรม อาจจะไม่ทันการเลือกตั้ง จากนั้นก็ได้พบกัน อีกครั้งแต่ไม่ได้พูดถึงเงินสนับสนุนพรรคมหาชน"
นายอรรคพล กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนักธุรกิจในต่างประเทศ เช่น กรณีนายเอกยุทธ ที่บอกว่าจะให้เงินพันล้านบาท คนไทยอาจจะคิดว่ามาก แต่ถ้าเทียบกับเงินปอนด์แล้ว ระดับของค่าก็ถือว่าไม่มาก หากจะสนับสนุนทางการเงินกับพรรคบางพรรค การจ่ายเงินคงไม่จ่ายเป็นก้อนเดียว เพราะมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย การโอนเงินระหว่างประเทศแต่คงให้เป็นงวดๆ และไม่ใช่มาจากนักธุรกิจในประเทศอังกฤษ เพียงแหล่งเดียว แต่อาจจะมาจากการรวมตัวของกลุ่มธุรกิจเครือข่าย นายเอกยุทธ ที่ไม่ต้องการให้มีการเมืองแบบผูกขาดโดยพรรคไทยรักไทยเพียง พรรคเดียว ข่าวเรื่องนี้ทราบมาว่ามาจากพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าไม่สร้างสรรค์เลย ในทางการเมืองเพราะทุกพรรคก็ต้องมีเงินสนับสนุนแต่จะใช้หรือไม่ใช้เป็นอีกเรื่องและเงินที่เขาจะนำมาให้เป็นเงินถูกต้องไม่น่าจะมีปัญ
ส่วนแชร์ชาร์เตอร์ ที่เคยทำในอดีต ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ แต่เป็นธุรกิจการลงทุนซึ่งเรื่องนี้จบไปแล้ว ผ่านกระบวนการศาลเรียบร้อยแล้ว ขออย่าไปพูดถึงอีก
"มันเป็นเกมการเมือง ถ้าจะพูดถึงเรื่องความชั่ว การโกงกิน ทำไมไม่พูดถึง การโกงกินในปัจจุบัน เงินมันสกปรกกว่าเยอะ เงินเดือนผู้แทนฯ หรือ รัฐมนตรี ได้เดือนละ 1 แสนกว่า แต่ใช้กันเป็นล้านเอามาจากไหน พ่อแม่รวยหรือเปล่า ถ้าจะตรวจสอบกันผมอยากให้ย้อนไปดูการเสียภาษี 5 ปีย้อนหลังดี พวกที่นั่งในสภา กล้าย้อนหรือไม่ ถ้าผมเปิดการตรวจสอบออกมาเดือดร้อนแน่ อยู่ ๆ รวยกันหมื่นล้านพันล้านเสียภาษีหรือไม่"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังจะเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายเอกยุทธ กล่าวว่า ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็ยินดี แต่ตนไม่อยากเล่นการเมือง ไม่เคยขอรับตำแหน่ง เพียงอยากสนับสนุนบุคคลที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่เอาสมบัติของชาติไปขาย เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลน่าจะทำได้
"นักธุรกิจไทยในต่างปร ะเทศพูดคุยเรื่องการเมืองไทยกันมาก เขาอายเพราะ ถูกต่างชาติถามว่าทำไมประเทศไทยเป็นอย่างนี้ ทำไมผู้มีอำนาจหากินกันง่าย สิ่งที่พวกผมคิดกันนั้น อยากให้ประชาธิปัตย์พูด เพราะเขามีสถานะ แต่พวกผมเป็นนักธุรกิจ จึงอยากให้ประชาธิปัตย์เข้มแข็งมั่นคง อย่าวอกแวก ขบวนการทำลายมันเยอะ ถ้าคุณอ่อนไหว จากที่คุณมีมิตรก็จะกลายเป็นศัตรู คุณเป็นพรรคการเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ มีโอกาสเป็นรัฐบาล ต้องต่อสู้ เขาบอกจะได้ 400 เสียงได้ ทำไมคุณจะบอกไม่ได้ ถ้าประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ผมคิดว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกที่ ผมเป็นนักธุรกิจ สิ่งใดที่พูดกับผู้ใหญ่ในพรรคก็ขอให้รักษาสัจจะ ขอเรียนให้ท่านทราบด้วย"
นายเอกยุทธ กล่าวด้วยว่า จะพยายามช่วยพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในระดับหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่ใช่ข้อตกลงหรือข้อเรียกร้อง แต่ขณะนี้ถือเป็นทางเลือกเดียวที่จะออกมาคานอำนาจรัฐบาลได้บ้าง
**แก้ไขกม.ทั้ง 11 ฉบับไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่ได้สอบถาม นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ท่านบอกว่ายังไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินสนับสนุนพรรค 1 พันล้านบาท ของนายเอกยุทธ แต่หากจะมีการบริจาคให้พรรคจริง ก็ต้องเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ ถ้าเป็นเงินต่างชาติพรรคจะรับบริจาคไม่ได้ โดยนิยามชัดเจนว่า "บริษัทใด นิติบุคคลใดเป็นต่างประเทศ" ทั้งนี้คงจะมีการสอบถามกันในการประชุมคณะผู้บริหารพรรควันนี้ (17 ส.ค.)
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเรื่องกฎหมาย 11 ฉบับ นั้นออกมาใช้กับระบบเศรษฐกิจที่มีความเจริญระดับหนึ่ง ฉะนั้นไม่คิดว่าจะยกเลิกได้ทั้งหมด และไม่เหมาะสมหากจะยกเลิกทั้ง 11 ฉบับ แต่กฎหมายฉบับใดมีปัญหาก็ต้องพิจารณาแก้ไข เช่นกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีปัญหา เพราะรัฐบาลนี้ใช้โดยไม่เข้าใจเรื่องหลักการการแปรรูปอย่างที่วางไว้ในรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่เน้นการเพิ่มการแข่งขันและสร้างระบบการดูแลที่เป็นอิสระ แต่รัฐบาลนี้เน้นขายโดยเข้าตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตามหากยกเลิกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจก็ต้องมีกฎหมายขึ้นมาทดแทน เพื่อให้การแปรรูปเป็นไปตามเจตนารมย์เดิม เพราะสร้างการแข่งขันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเรื่องจำเป็น
**มหาชนปฎิเสธเอกยุทธให้500ล.
นายอรรคพล สรสุชาติ รองหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวปฎิเสธข่าวที่ว่า ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 500 ล้านบาท จากนายเอกยุทธ แต่ยอมรับว่าเมื่อครั้ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคมหาชน เดินทางไปอังกฤษ ก่อนตั้งพรรค กลุ่มจัดตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 ได้นำนายเอกยุทธ ซึ่งรู้จักกันมาก่อนให้ไปคุยกับ พล.ต.สนั่น ที่ร้านอาหารกำทอง ซึ่งเป็นของภรรยานายเอกยุทธ
"นายเอกยุทธ แจ้งกับ พล.ต.สนั่น ว่า กำลังจัดตั้งพรรคประชาธรรม เพราะทนไม่ได้กับการเมืองไทยที่ถูกพรรคไทยรักไทยผูกขาด แต่นายเอกยุทธบอกว่าพรรคที่ตั้งขึ้นไม่ต้องการให้นักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีแต่ นักวิชาการ นักธุรกิจและเอ็นจีโอ แต่ พล.ต.สนั่นเห็นว่า แนวคิดที่จะไม่ให้มีนั้นเป็นไปได้ยาก อีกทั้งถ้าตั้งพรรคประชาธรรม อาจจะไม่ทันการเลือกตั้ง จากนั้นก็ได้พบกัน อีกครั้งแต่ไม่ได้พูดถึงเงินสนับสนุนพรรคมหาชน"
นายอรรคพล กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนักธุรกิจในต่างประเทศ เช่น กรณีนายเอกยุทธ ที่บอกว่าจะให้เงินพันล้านบาท คนไทยอาจจะคิดว่ามาก แต่ถ้าเทียบกับเงินปอนด์แล้ว ระดับของค่าก็ถือว่าไม่มาก หากจะสนับสนุนทางการเงินกับพรรคบางพรรค การจ่ายเงินคงไม่จ่ายเป็นก้อนเดียว เพราะมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย การโอนเงินระหว่างประเทศแต่คงให้เป็นงวดๆ และไม่ใช่มาจากนักธุรกิจในประเทศอังกฤษ เพียงแหล่งเดียว แต่อาจจะมาจากการรวมตัวของกลุ่มธุรกิจเครือข่าย นายเอกยุทธ ที่ไม่ต้องการให้มีการเมืองแบบผูกขาดโดยพรรคไทยรักไทยเพียง พรรคเดียว ข่าวเรื่องนี้ทราบมาว่ามาจากพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าไม่สร้างสรรค์เลย ในทางการเมืองเพราะทุกพรรคก็ต้องมีเงินสนับสนุนแต่จะใช้หรือไม่ใช้เป็นอีกเรื่องและเงินที่เขาจะนำมาให้เป็นเงินถูกต้องไม่น่าจะมีปัญ