xs
xsm
sm
md
lg

ในสถานการณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในสถานการณ์
บิ๊กเบญ

แปะป้าย...เปรมปรีดิ์
หลากหลายข้อความ หลากหลายสีสัน ที่คนเมืองกรุง เห็นกันจนชาชิน จนชินตากันไปแล้วในช่วงนี้กับป้ายหาเสียงของบรรดาผู้ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
มีทั้งตัวเต็ง สีสัน และไม้ประดับ ต่างชิงยึดพื้นที่ ติดป้ายหาเสียงในทำเลที่เชื่อว่า จะมีผู้คนชาว กทม.เห็นมากที่สุด ทั้ง ป้ายรถเมล์สามแยก-สี่แยกไฟแดง ทางโค้ง หัวมุม ยังไม่รวมถึงวิวบอร์ดอันใหญ่มหึมาตามท้องถนน-บนทางด่วน ที่ผู้สมัคร(มีทุน)รายใหญ่เท่านั้น จึงจะมีโอกาส โชว์รูปโชว์สโลแกนบนวิวบอร์ดยักษ์ให้ผู้คนเห็นได้
เสาไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) คือเป้าหลัก ที่ทีมงานของผู้สมัคร ต่างแย่งชิงติดป้ายให้ได้ก่อน ไม่ว่าจะด้วยวิธีเสียบ แปะ ร้อย โยงหรือแม้แต่ขอพ่วงก็ยังเอา ! เสาไฟฟ้าบางเสา จึงมีป้ายผู้สมัครแทบเกือบจะครบทุกคนยังดีที่ปัจจุบัน กทม. สั่งห้าม ตอกตะปูติดป้ายหาเสียงกับต้นไม้ริมทางไม่เช่นนั้นบรรดารุกขเทวดา เทพารักษ์ และนางตานีมีอันต้องเลือดซิปๆกันเป็นทิวแถว
นอกเหนือจากนี้ ยังมีการจัดทำสติ๊กเกอร์อาบมันอย่างดีไว้แจกจ่ายให้คนกรุงนำไปติดตามที่ต่างๆ ทั้งหน้าบ้าน หลังรถ ริมรั้ว เสาไฟฟ้าในตรอกซอกซอยต่างๆ ซึ่งบางคนรักผู้สมัครมาก ถึงขนาดแอบเอาไปติดแปะไว้บนเบาะโซฟาเบาะเก้าอี้ ไม่เว้นแม้แต่เบาะรถแท็กซี่ สามล้อ !หรือร่มที่กางใช้บังแดดบังฝนยามค้าขาย ถือเป็นการอภินันทน์กันอย่างสุดคุ้ม !
งานนี้ งบประมาณรวมที่ กกต.ขีดเส้นให้ไว้แค่ 37 ล้านในการใช้หาเสียงนั้นเฉพาะค่าป้ายอย่างเดียว เชื่อว่า ต้องหมดกันไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เป็นแน่
หลากป้าย หลายสี ที่ทีมงาน- ครีเอทีฟช่วยกันรังสรรค์ให้รังรองสดใสออกมาเพื่อผู้สมัครแต่ละรายนั้น สุดท้ายส่วนใหญ่กลายไปเป็น ฝาบ้าน ฝ้าเพดานฝาผนังและอีกจิปาถะให้กับคนจนเมืองกรุง ซึ่งมีหน่วยเฉพาะกิจ ตระเวณแกะเก็บให้เสร็จสรรพ ในวันและเวลาสุดท้ายของการลงคะแนนเสียง !
สงครามป้าย ที่ผู้สมัครแต่ละรายต่างต้อง(ลงทุน)ต่อสู้กันเพื่อมุ่งหวังให้ตนได้คะแนนเสียงให้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่ชัยชนะแห่งการเลือกตั้งนั้น ถือเป็นวิถีแห่งประชาธิปไตยอันสมบูรณ์เป็นการแข่งขันกันอย่างเสรีและเป็นธรรม
เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้กับผู้สมัครทุกคนสุดแท้แต่ใคร จะมีทุนรอนกันมากน้อยแค่ไหน แต่นั่น ไม่ใช่บรรทัดฐาน เพราะในอดีตเพียงแค่(ป้าย)ฝาเข่ง ยังชนะขาดลอยมาให้ได้เห็นกันไปแล้ว
ยังมีสงครามที่น่ากลัวในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้กว่าสงครามป้ายดังที่ว่ายิ่งนักนั่นก็คือ สงคราม(ใส่ร้าย)ป้ายสี รวมทั้งการสาดโคลนเข้าหากันแต่สงคราม(ใส่ร้าย)ป้ายสีมักจะปรากฏให้เห็นในเวลาที่ใกล้วันลงคะแนนเสียงเสียเป็นส่วนใหญ่ด้วยต่างหวังผลการเมืองให้เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น แต่นั่นก็เริ่มก่อตัวมาจากสงครามป้ายเช่นกัน ทั้งการเติมหนวด เติมเครา แต้มสีใส่ป้าย ฉีกทำลายป้ายผู้สมัครฝ่ายตรงข้าม หรือแม้กระทั่งป้ายของตัวเอง เพื่อขอคะแนนความเห็นใจ
อย่างไรก็ตาม สงคราม(ใส่ร้าย)ป้ายสี ก็มักหนีไม่พ้น วังวนคนใกล้ตัวผู้สมัคร เริ่มจากคนในครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อนสนิท มิตรสหายยิ่งหากมีิกิ๊กิมาป้ายใส่สีด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้มีโอกาสชนะสงครามได้มากขึ้น
สุดท้าย สงครามป้าย(หาเสียง) ขึ้นอยู่บนพื้นฐานแห่งประชาธิปไตยแต่สงคราม(ใส่ร้าย)ป้ายสี ขึ้นอยู่ที่สามัญสำนึกของผู้สมัครทุกคน!
กำลังโหลดความคิดเห็น