นานมีบุ๊คส์ประกาศเตรียมเร่งเครื่องเต็มสูบในช่วงครึ่งปีหลัง หลังพลาดท่า 6 เดือนแรกแผ่วส่งผลยอดขายลด เผยไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ปลายปีมีแผนเปิดตัวหนังสือใหม่ 2 เล่ม และรีลอนซ์หนังสือใหม่ 1 เรื่อง มั่นใจหนังสือ 3 เรื่องนี้ฉุดยอดขายถึงเป้าที่ตั้งไว้โตขึ้น 20% ได้แน่
นางสุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ว่า บริษัทฯ เร่งทำตลาดมากขึ้นหลังจากที่ช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ จะต้องเร่งทำตลาดด้วยการเปิดตัวหนังสือใหม่ 2 เล่ม คือ "Good Luck" ซึ่งหนังสือจะเป็นจากประเทศสเปนแนวจิตวิทยาและสร้างกำไรใจ เหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ แปลมาแล้ว 25 ภาษาใน 55 ประเทศ
โดยตัวนี้ถือเป็นไฮไลท์เด็ดสุดของนานมีในปีนี้ที่คาดว่าจะทำยอดขายหนังสือประมาณ 5หมื่นเล่ม รวมไปถึงการที่คนอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเกิดความประทับใจและมีการซื้อหนังสือเป็นของขวัญในช่วงสิ้นปีหรือในเทศกาลต่างๆ
อีกเล่มเป็น"My Life" หนังสืออัตชีวประวัติของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาบิล คลินตัน ที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ประมาณเดือนตุลาคมหรือเปิดตัวทันในช่วงมหกรรมหนังสือ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายหนังสือเล่มนี้เบื้องต้น 5 หมื่นเล่ม
นอกจากนั้นบริษัทฯ มีแผนที่จะรีลอนช์หนังสือชุด "อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย" ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วพิมพ์ขายจำนวน 10 เล่ม จากทั้งหมด 13 เล่ม ทั้งนี้การที่นานมีหันมาทำตลาดหนังสือเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยมีความคิดที่จะทำหนังสือขายเป็นในลักษณะเป็นแพคเกจ 10 เล่ม ประกอบกับทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับบริษัทยูไอพีในการที่จะทำโปรโมทหนังเรื่องนี้ที่มีการนำเนื้อหาของหนังสือ 3 เล่มแรกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยมีจิม แคร์รี่แสดงนำ ซึ่งหนังเรื่องดังกล่าวจะเริ่มฉายประมาณต้นเดือนธันวาคมนี้ เบื้องต้นคาดว่ายอดขายทั้งหมดจะได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนเล่ม จากปัจจุบันที่มียอดขาย 10 เล่มประมาณ 5-6 หมื่นเล่ม
ทั้งนี้หนังสือของบริษัทนานมีโดยมากจะเน้นไปที่หนังสือวรรณกรรมและสารคดีที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนคิดเป็นสัดส่วน 70% และอีก 30%เป็นหนังสือผู้ใหญ่ , บริหารจัดการ,แนวธุรกิจและสุขภาพ เป็นต้น
ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายของนานมีจะเน้นขายผ่านทางร้านหนังสือทั่วไปที่มีประมาณ 500-600 เอาท์เล็ต หรือคิดเป็น 80% ที่เหลือเป็นห้องสมุดตามโรงเรียนหรือหอสมุดต่างๆ คิดเป็น 20%
ส่วนงบทางด้านกิจกรรมทางตลาดของบริษัทฯ ในแต่ละปีจะใช้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ผ่านทางกิจกรรมต่างๆ อาทิ โครงการเล่มโปรด บุ๊คส์คลับ จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เด็กไทยรักการอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นมาเป็นที่ 4 แล้วถือว่าประสบความสำเร็จมาก ด้วยงบประมาณ 1.5 ล้านบาท หรือโครงการประกวดวรรณกรรมเยาวชนแว่นแก้ว ที่แบ่งเป็นนวนิยายและสารคดีสำหรับเยาวชน
ล่าสุดโครงการส่งเสริมการอ่านในโรงเรียนวัน-ทู-คอล!ชวนน้องรักการอ่าน ค้นหาผู้กล้ากับคิงอาเธอร์ ที่ร่วมกับทางวัน-ทู-คอล! และบริษัท บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล โดยโครงการนี้นานมีได้มีส่วนร่วมกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ด้วยงบประมาณจำนวน 5 แสนบาท ในการแจกหนังสือเรื่อง "กษัตริย์อาเธอร์กับอัศวินโต๊ะกลม" ให้นักเรียนเป็นจำนวนทั้งหมด 10,000 เล่ม แบ่งเป็น 200 โรงเรียน โรงเรียนละ 50 เล่ม และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มโรงเรียนให้มากที่สุด
สำหรับผลประกอบการของนานมีปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโตขึ้น 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 100 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมายอดขายยังไม่ถึงเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้ในส่วนยอดขายหนังสือที่ขายดีที่สุดของนานมียังคงเป็น "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ทั้ง 5 ภาคที่ขายได้ประมาณ 1 ล้านกว่าเล่ม โดยแฮร์รี่ภาค 1 มียอดขายดีที่สุดในจำนวน 5 ภาค คือ 3 แสนเล่ม ในขณะที่ตลาดผู้นำยังคงเป็นซีเอ็ดบุ๊คส์ ส่วนนานมีบุ๊คส์ติดอันดับในด้านยอดขายหนังสือแฮร์รี่พอร์ตเตอร์
นางสุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ว่า บริษัทฯ เร่งทำตลาดมากขึ้นหลังจากที่ช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ จะต้องเร่งทำตลาดด้วยการเปิดตัวหนังสือใหม่ 2 เล่ม คือ "Good Luck" ซึ่งหนังสือจะเป็นจากประเทศสเปนแนวจิตวิทยาและสร้างกำไรใจ เหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ แปลมาแล้ว 25 ภาษาใน 55 ประเทศ
โดยตัวนี้ถือเป็นไฮไลท์เด็ดสุดของนานมีในปีนี้ที่คาดว่าจะทำยอดขายหนังสือประมาณ 5หมื่นเล่ม รวมไปถึงการที่คนอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเกิดความประทับใจและมีการซื้อหนังสือเป็นของขวัญในช่วงสิ้นปีหรือในเทศกาลต่างๆ
อีกเล่มเป็น"My Life" หนังสืออัตชีวประวัติของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาบิล คลินตัน ที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ประมาณเดือนตุลาคมหรือเปิดตัวทันในช่วงมหกรรมหนังสือ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายหนังสือเล่มนี้เบื้องต้น 5 หมื่นเล่ม
นอกจากนั้นบริษัทฯ มีแผนที่จะรีลอนช์หนังสือชุด "อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย" ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วพิมพ์ขายจำนวน 10 เล่ม จากทั้งหมด 13 เล่ม ทั้งนี้การที่นานมีหันมาทำตลาดหนังสือเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยมีความคิดที่จะทำหนังสือขายเป็นในลักษณะเป็นแพคเกจ 10 เล่ม ประกอบกับทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับบริษัทยูไอพีในการที่จะทำโปรโมทหนังเรื่องนี้ที่มีการนำเนื้อหาของหนังสือ 3 เล่มแรกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยมีจิม แคร์รี่แสดงนำ ซึ่งหนังเรื่องดังกล่าวจะเริ่มฉายประมาณต้นเดือนธันวาคมนี้ เบื้องต้นคาดว่ายอดขายทั้งหมดจะได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนเล่ม จากปัจจุบันที่มียอดขาย 10 เล่มประมาณ 5-6 หมื่นเล่ม
ทั้งนี้หนังสือของบริษัทนานมีโดยมากจะเน้นไปที่หนังสือวรรณกรรมและสารคดีที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนคิดเป็นสัดส่วน 70% และอีก 30%เป็นหนังสือผู้ใหญ่ , บริหารจัดการ,แนวธุรกิจและสุขภาพ เป็นต้น
ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายของนานมีจะเน้นขายผ่านทางร้านหนังสือทั่วไปที่มีประมาณ 500-600 เอาท์เล็ต หรือคิดเป็น 80% ที่เหลือเป็นห้องสมุดตามโรงเรียนหรือหอสมุดต่างๆ คิดเป็น 20%
ส่วนงบทางด้านกิจกรรมทางตลาดของบริษัทฯ ในแต่ละปีจะใช้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ผ่านทางกิจกรรมต่างๆ อาทิ โครงการเล่มโปรด บุ๊คส์คลับ จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เด็กไทยรักการอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นมาเป็นที่ 4 แล้วถือว่าประสบความสำเร็จมาก ด้วยงบประมาณ 1.5 ล้านบาท หรือโครงการประกวดวรรณกรรมเยาวชนแว่นแก้ว ที่แบ่งเป็นนวนิยายและสารคดีสำหรับเยาวชน
ล่าสุดโครงการส่งเสริมการอ่านในโรงเรียนวัน-ทู-คอล!ชวนน้องรักการอ่าน ค้นหาผู้กล้ากับคิงอาเธอร์ ที่ร่วมกับทางวัน-ทู-คอล! และบริษัท บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล โดยโครงการนี้นานมีได้มีส่วนร่วมกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ด้วยงบประมาณจำนวน 5 แสนบาท ในการแจกหนังสือเรื่อง "กษัตริย์อาเธอร์กับอัศวินโต๊ะกลม" ให้นักเรียนเป็นจำนวนทั้งหมด 10,000 เล่ม แบ่งเป็น 200 โรงเรียน โรงเรียนละ 50 เล่ม และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มโรงเรียนให้มากที่สุด
สำหรับผลประกอบการของนานมีปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโตขึ้น 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 100 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมายอดขายยังไม่ถึงเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้ในส่วนยอดขายหนังสือที่ขายดีที่สุดของนานมียังคงเป็น "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ทั้ง 5 ภาคที่ขายได้ประมาณ 1 ล้านกว่าเล่ม โดยแฮร์รี่ภาค 1 มียอดขายดีที่สุดในจำนวน 5 ภาค คือ 3 แสนเล่ม ในขณะที่ตลาดผู้นำยังคงเป็นซีเอ็ดบุ๊คส์ ส่วนนานมีบุ๊คส์ติดอันดับในด้านยอดขายหนังสือแฮร์รี่พอร์ตเตอร์