xs
xsm
sm
md
lg

บัญญัติตั้งโต๊ะวัดใจลูกพรรค เสธ.หนั่นยื่นใบลาออกแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรค และนายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่ง ประกาศก่อตั้งพรรคมหาชน ได้สร้างความปั่นป่วนภายในพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก มีสมาชิกออกมาเคลื่อนไหว กดดันให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคลาออกจากตำแหน่งด้วย เพื่อเปิดทางให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ เนื่องจากเห็นว่าทั้งนายบัญญัติ และนายประดิษฐ์ ได้ตำแหน่งดังกล่าวเพราะได้รับการสนับสนุนจาก พล.ต.สนั่น
ในเรื่องนี้ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความชัดเจน ได้ข้อยุติ จึงได้แจ้งกับนายทิวา เงินยวง ผู้อำนวยการพรรค ให้มีการตั้งโต๊ะและจัดเจ้าหน้าที่ ให้ผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค ตามข้อบังคับคับพรรค ซึ่งได้แก่ ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และ ประธานสาขาพรรค ให้มาลงชื่อ หากมีความต้องการที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 6ก.ค.นี้เป็นต้นไป จนไม่มีสมาชิกมาลงชื่อ โดยไม่ต้องมีการเรียกประชุมวิสามัญ ทั้งนี้ ตามข้อบังคับพรรค การเรียกประชุมวิสามัญ จะทำได้ต่อเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคเห็นสมควรหรือประธานสาขาพรรคจำนวน 1ใน 3บวกกับกรรมการบริหารพรรคจำนวน 1ใน 3เห็นสมควร
“ผมไม่ใช่เป็นคนยึดติดกับตำแหน่ง ถ้ามีเสียงจำนวนพอสมควรที่เห็นว่า ผมสมควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้ว ผมก็จะได้พิจารณาตัวเอง วันนี้จึงมีการตั้งโต๊ะไว้ต้อนรับคนที่มีความเห็นว่า อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงให้ได้มาลงชื่อ”นายบัญญัติ กล่าว และว่า ต้องเข้าใจว่าพล.ต.สนั่น เพียงคนเดียวไม่สามารถตั้งใครเป็นหัวหน้าพรรคได้ การเป็นหัวหน้าพรรคต้องมาจากการลงคะแนนเสียงของสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงตามข้อบังคับ ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพื่อไม่ให้เกิดข่าวปล่อย หรือซุบซิบกันต่อไป จึงมีการตั้งโต๊ะให้ลงชื่อกัน
“ผมไม่น้อยใจ เพราะคนที่มาจากการเลือกตั้ง วันหนึ่งเมื่อมีคนตั้งลงคะแนนเสียงให้เรา และวันหนึ่งเมื่อเขาเห็นว่า เขาอยากเปลี่ยนก็สมควรเปลี่ยนไม่มีปัญหา ผมคิดว่าช่วงเวลาที่ผ่าน มาคณะผู้บริหารชุดนี้ ซึ่งมีผมเป็นประธาน เราก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่า มีความพยายามมากน้อยอย่างไร ในเรื่องกิจกรรม การกำหนดนโยบาย การตรวจสอบก็ทำมาอย่างเต็มที่แล้ว”นายบัญญัติ กล่าว
ส่วนตำแหน่งหัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรค จะผูกโยงกันหรือไม่ ในการพ้นจากตำแหน่ง นายบัญญัติ กล่าวว่า ตามข้อบังคับพรรคทั้ง 2 ตำแหน่งไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกัน ส่วนการที่ ส.ส.บางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ว่า ส.ส.ที่สนิทสนมกับพล.ต.สนั่น จะต้องลาออกจากพรรคตามไปด้วยนั้น เป็นเรื่องที่พูดยาก ความผูกพันส่วนตัว หรือความเป็นเพื่อนฝูง หรือแม้ความเป็นพ่อลูกไม่ควรนำมาพัวพันกันมากเกินไป อีกทั้งการตัดสินใจทางการเมือง หรือ สิทธิทางการเมืองเป็นสิทธิเฉพาะตัวบุคคล เข้าใจว่าบางคนมีความเร่งร้อนที่อยากจะเห็นความชัดเจน ทั้งที่มีความชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อวันหนึ่งเมื่อมีคนออกไปตั้งพรรค บุคคลนั้นจะเป็นสมาชิกสองพรรคไม่ได้ เมื่อตั้งพรรคแล้วก็ต้องออกไป ซึ่งขณะนี้มีคนที่ลาออกแล้ว คือ นายอรรคพล สรสุชาติ อดีตรองเลขาธิการพรรค ส่วนจะถึงขั้นมีมติขับไล่ออกจากพรรคหรือไม่นั้น เชื่อว่าคนเหล่านั้นจะลาออกอยู่แล้วไม่ต้องไปขับไล่อะไร

**คนที่อยู่ต้องเป็นปชป.พันธ์แท้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนที่จะไปจากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปอยู่พรรคมหาชน ถือว่าไม่ใช่ประชาธิปัตย์ เพราะถือว่า คนที่เป็นประชาธิปัตย์แท้ต้องไม่ทำอย่างนี้ คนที่เป็นประชาธิปัตย์แท้ ต้องยึดถือเอาเจตนารมณ์ในการก่อตั้งพรรคนี้ขึ้นมาเมื่อปี 2489และได้พิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่า ทำการเมืองโดยพยายามปรับพรรคเข้าสู่มาตรฐานของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ท่ามกลางความยากลำบากของเงื่อนไขแต่ละยุคแต่ละสมัย
การมองกันว่าพรรคมหาชน เป็นสาขาพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคมหาชนมีความสำคัญกับพรรคอื่นอย่างไรก็เป็นสิทธิของเขา แต่พรรคประชาธิปัตย์ต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจนว่าพรรคมหาชน ไม่ใช่พรรคสาขาของประชาธิปัตย์ และไม่มีการเล่นละครตบตา
“วันนี้ผู้บริหารต้องสอบถามกันให้หมด และ ถ้าผู้บริหารชัดเจนก็ต้องแสดงความชัดเจนกับประชาชน ผมถึงได้บอกว่า บางเรื่องมันเป็นเรื่องยาก ผมเข้าใจดีถึงความสัมพันธ์ส่วนบุคคล แต่วันนี้เราต้องยึดส่วนร่วมมากกว่าความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และสิ่งที่ผมมาแสดงจุดยืน และเรียกร้องไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างใครกับใคร”นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า ขณะนี้ก็ยังพูดไม่ได้ว่า พรรคมหาชนเป็นพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม เพราะเรายังไม่ทราบว่าพรรคมหาชนมีท่าทีจุดยืนอย่างไร แต่การบริหารของพรรคการเมืองของทั้ง 2 พรรคต้องแยกออกจากกัน ไม่มีระบบผู้บริหารของพรรคไปทำงานกับพรรคอื่น

ด้านนายประมวล เอมเปีย ผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ จ.ชลบุรี กล่าวถึงกรณีที่นายบัญญัติ สั่งให้มีการตั้งโต๊ะลงชื่อแสดงความเห็นที่จะขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคว่า ตามที่ตนให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชน เป็นการถ่ายทอดคำพูดจากสมาชิกพรรค ประธานสาขาพรรค และ ส.ส.ส่วนหนึ่ง และได้พูดในฐานะสมาชิกที่รักพรรค เพราะหัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรคบอกตลอดว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นของประชาชนทุกคน แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้พูดในนามของนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลพื้นที่ภาคกลาง แม้ว่าตนจะทำงานให้นายโพธิพงษ์ ก็ตาม อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่วันก่อนพล.ต.สนั่น ก็พูดเองว่าจะอยู่กับพรรคจนตาย แต่เมื่อออกไปแล้วกลับมาพูดว่าถ้าท่านยังอยู่พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ ก็ไม่มีโอกาสโต ดังนั้นหัวหน้า และเลขาธิการพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากพล.ต.สนั่น ต้องรับฟัง และยอมรับความคิดเห็นของประชาชน
“ถ้าอยากให้พรรคเจริญก้าวหน้า ผู้บริหารมีความรู้สึกแฟร์ในหัวใจ ก็อย่ามาตั้งโต๊ะอย่างนี้เลย น่าจะทำจดหมายโปสการ์ด ส่งไปให้สมาชิกทั่วประเทศให้เขาลงความเห็นมา เพราะคงไม่มีใครเดินทางเข้ามา เพราะเสียเวลา ดังนั้นควรถามความเห็นจากประชาชนทั่วไปว่าเขาคิดอย่างไร”นายประมวล กล่าว
ด้านนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีขั้นตอนในการดำเนินการเรื่องหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค โดยในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งที่แล้ว นายบัญญัติ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค และนายประดิษฐ์ได้เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งมีวาระ 4ปี ขณะนี้ยังไม่ครบวาระ จึงยังไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องเปลี่ยนแปลง ส่วนกรณีที่นายประมวล เอมเปีย ผู้อำนวยการเลือกตั้ง จ.ชลบุรี ไปให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว ก็เป็นความเห็นของนายประมวลเอง ไม่ได้หมายความว่าตนมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับนายประมวล
“ท่านบัญญัติ มาถูกต้องตามวิถีทางในการเลือกตั้งตามข้อบังคับของพรรคแล้ว ผมก็ต้องสนับสนุนท่านในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรค เพราะผมเป็นรองหัวหน้าพรรค และเป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่ง และผมจะไม่มีการถอนตัวจากการดูแลพื้นที่ภาคกลาง”นายโพธิพงษ์ กล่าวว่า
**"เสธ.หนั่น"ยื่นใบลาออกแล้ว
สำหรับการประชุมคณะผู้บริหารพรรคในช่วงเช้า นายบัญญัติ ได้หยิบยกกรณีที่ พล.ต.สนั่น ออกไปตั้งพรรคมหาชนแล้วยังไม่ลาออกจากสมาชิกพรรค โดยขอให้สมาชิกอย่าออกมาแสดงความเห็นถึงขั้นขับไล่ พล.ต.สนั่น เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ของพรรคคนหนึ่ง และนายบัญญัติ เชื่อว่า พล.ต.สนั่น จะลาออกเอง แต่ผู้บริหารหลายคนก็ต้องการให้เกิดความชัดเจนว่า คนที่ออกไปตั้งพรรคนั้นไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ทำให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคอาสาที่จะเป็นคนประสานกับ พล.ต.สนั่นในเรื่องนี้เอง
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 15.00น.นายเจือ ราชสีห์ ส.ส.สงขลา ซึ่งเป็น ส.ส ที่ใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่น ได้นำใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของพล.ต.สนั่น มายื่นต่อ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค โดยในใบลาออกระบุเพียงสั้นๆว่า “กระผม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”พร้อมกับลงชื่อ
ส่วนนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นใบลาออกจากพรรคไปเมื่อวันที่ 5ก.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในวันที่ 6ก.ค.นายมหิดล จันทรางกูร ได้ยื่นลาออกจากความเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ โดยจะยุติบทบาททางการเมือง ทั้งนี้จะมีผลทำให้นายวิชัย ตันศิริ ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่37เลื่อนขึ้นมาเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแทน
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่าในการประชุมส.ส.วันนี้ (7 ก.ค.)มี ส.ส.กลุ่มหนึ่งเตรียมจะเสนอในที่ประชุมให้พรรคเปิดประชุมใหญ่วิสามัญแทนการตั้งโต๊ะ ของนายบัญญัติ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของสมาชิกทุกคน ที่ขณะนี้มีหลายส่วนไม่สบายใจ จึงไม่ควรเป็นเรื่องของ ส.ส.และผู้บริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งบางคนอาจมองว่า เป็นเรื่องรุนแรง แต่ก็จะเป็นความรุนแรงในแง่ของความรู้สึก ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ต้องการให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เข้ามาช่วยงานมากขึ้นนั้น มีรายงานข่าวว่า นายสุเทพ ได้หารือกับบรรดา ส.ส.ที่สนิทสนมกันว่า ต้องการเข้ามาช่วยงานของพรรคให้มากขึ้นกว่าเดิมที่ได้ช่วยอยู่แล้วเช่นกัน แต่ไม่ต้องการออกมาช่วยอยู่ด้านหน้า เพราะไม่มีตำแหน่งอะไรในพรรค เกรงว่าจะไม่เหมาะสม แต่จะขอช่วยแบบเงียบๆ ในด้านนโยบายของพรรค และการดำเนินกิจกรรมการเลือกตั้งของพรรคโดยขอให้พรรคมอบหมายมา
**เปิดแกนนำพรรคมหาชน
สำหรับความเคลื่อนไหวในส่วนของแกนนำผู้จัดตั้งพรรคมหาชนนั้น นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ และนายอรรคพล สรสุชาติ ได้ร่วมประชุมกับแกนนำสายนักวิชาการ และองค์กรเอกชน เช่น นายอภิชาติ ทองอยู่ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร และแกนนำก่อตั้งเอ็นจีโอ ในประเทศไทย และทีมงานจากสำนักโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่ง โดยเป็นการหารือถึงภาพรวมของนโยบาย รวมถึงปรัชญา และอุดมการณ์พรรค
โอกาสนี้ ได้มีการเปิดตัวที่ปรึกษาพรรคเพิ่มอีก 14คน และผู้บริหารพรรคเพิ่มเติม โดยมี นายเอนก เป็นหัวหน้าพรรค นายอรรคพล เป็นรองหัวหน้าพรรค นายจเด็จ อินสว่าง อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเลขาธิการพรรค นายอภิชาติ ทองอยู่ โฆษกพรรค ส่วนปรึกษาพรรคได้แก่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก พล.อ.วัฒนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.ท.แหลมทอง ญาณอุบล ผู้บัญชการตำรวจภูธรภาค 3 นายพุฒ วีระประเสริฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร นายสุรพล ดวงแข เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และยังมีตัวแทนนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
นายเอนก กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ เป็นการระดมสมองโดยเชิญน.พ.ประยงค์ เต็มชวาลา น.พ.สาธารณสุขนิเทศ ระดับ 10 นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อ.รัฐศาสตร์ รามคำแหง นายพิรุณ ฉัตรวณิชกุล อดีตเลขาธิการ กกต.นายธนากร ศรีสุกใส ผู้บริหารไอเอ็นเอ็น มาร่วมหารือถึงปรัชญาและอุดมคติของพรรค
สำหรับปรัชญาและอุดมการณ์ของพรรค 3 ข้อ คือ 1.พรรคมหาชน จะยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ โดยไม่ใช้ความอ่อนแอ ของประชาชนมากำหนดนโยบายเหมือนกับประชานิยม แต่พรรคมหาชนจะใช้นโยบายรัฐสวัสดิการนิยม ที่ไม่ยึดเอาความอ่อนแอของประชาชนมาหาเสียง แต่จะยึดเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา ให้เท่าเทียมทั่วถึงกัน รวมทั้งจะเคารพศักดิ์ความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม 2.ไม่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่รัฐบาล และครม.หรือนายกรัฐมนตรี แต่จะกระจายไปยังประชาคม องค์กรบริหารส่วน ท้องถิ่นให้มีบทบาทมากขึ้น 3.ต่อต้านการคอร์รัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน ป้องกันนายทุนผูกขาดอาศัย อำนาจการเมือง กีดกันนักธุรกิจรายเล็กและย่อย พรรคมหาชนจะไม่มีเรื่องของพลประโยชน์ทับซ้อน
“พรรคมหาชนจะเข้าร่วมกับรัฐบาลก็ต่อเมื่อยอมรับปรัญชาและอุดมการณ์ของพรรคทั้ง3ข้อ หากยอมรับไม่ได้ ก็ไม่เข้าร่วมรัฐบาล และจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน”นายเอนก กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับแนวทางของพรรคนั้น แตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคไทยรักไทยอย่างไร นายเอนก กล่าวว่าเวลานี้มีสองทางเลือกคือ ประชานิยมกับเสรีนิยม แต่พรรคมหาชน ทางเลือกที่สาม คือ สวัสดิการนิยม พรรคเราจะเน้นไปในด้านการลงทุนทางสังคมคือศึกษา และสาธารณสุข ประกันการมีงานทำ
สำหรับภาพลักษณ์ของพรรคมหาชน ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช่พรรคทางเลือกที่สาม เพราะมีนักการเมืองจากพรรคราษฎรเข้าร่วมด้วยนั้น นายเอนก กล่าวว่า ขอให้ดูต่อไปในอนาคต เพราะพรรคตั้งใจจะให้เป็นที่รวมของนักวิชาการมากกว่า นักการเมืองจากพรรคราษฎร จะมีมาร่วมเพียงไม่กี่คนเท่านั้น คือ นายมั่น พัธโนทัย และนายปาน พึ่งสุจริต ส่วนนายวัฒนา อัศวเหม และคนอื่นๆนั้น เมื่อพรรคมหาชนตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว คนเหล่านี้จะไม่มีส่วนร่วมเกี่ยวข้อง
**พรรคมหาชนเริ่มมีรอยร้าว
รายงานข่าวจากกลุ่มนักวิชาการพรรคมหาชน แจ้งว่า ภายหลังจากการที่พรรคมหาชน ยอมให้ นายวัฒนา อัศวเหม เข้ามามีส่วนร่วมโดยให้เป็นที่ปรึกษาพรรคนั้น ปรากฏว่าบรรดานักวิชาการที่นายเอนก ได้ไปทาบทามมาร่วมงาน เกิดความรู้สึกไม่สบายใจกับภาพลักษณ์ของพรรคเป็นอย่างยิ่ง เพราะเกรงว่าการขับเคลื่อนของพรรคจะมีปัญหาในสายตาประชาชน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะที่ นายเอนก ได้ประสานงานกับกลุ่มเกษตรกรต่างๆจากทั่วประเทศมาร่วมตั้งพรรคนั้น พล.ต.สนั่น ก็ไปจับมือกับกลุ่ม นายวัฒนา ทำให้กลุ่มเกษตรกรต่างๆไม่เชื่อมั่นกับแนวทางของพรรค เพราะเห็นว่า นักการเมืองเหล่านี้คิดถึงผลประโยชน์ตนเองมากว่าผลประโยชน์ของประชาชน อย่างไรก็ตาม มีเพียง นายสน รูปสูง อดีตประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่เห็นด้วยและพยามล็อบบี้ผู้นำเกษตรกรภาคอีสานให้ร่วมด้วย แต่ถูกปฏิเสธ โดยผู้นำเกษตรกรภาคอีสานยืนยันที่จะทำพรรคการเมืองทางเลือกอย่างแท้จริงในนามพรรคประชาชนไทย ที่มีนายบุญกาจ แจ้งพรหมมา เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งกลุ่มนี้มีฐานของเกษตรกรหลายแสนคน สำหรับเกษตรกรภาคใต้คือกลุ่มรักแผ่นดินเกิด ภาคเหนือ คือกลุ่มสุราพื้นบ้าน และภาคกลาง อาทิ เครือข่ายอนุรักษ์เกาะช้าง ก็ปฏิเสธที่จะร่วมกับพรรคมหาชนเช่นเดียวกัน
**"จเด็จ"ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งปลัดฯ
นายจเด็จ อินสว่าง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง กรณีที่ได้รับการทาบทามให้มาเป็นเลขาธิการพรรคมหาชน ว่ารู้สึกเสียใจอยู่อย่างหนึ่งว่าไม่ได้กราบเรียนเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่ง พล.ต.สนั่น บอกว่า เมื่อนายกฯเดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้วให้ไปเรียนเรื่องนี้กับนายกฯ แล้วพล.ต.สนั่น ก็จะโทรศัพท์หานายกฯอีกครั้ง ซึ่งเมื่อวันที่ 5ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.สนั่น ได้โทรศัพท์ไปขอกับนายสนธยา คุณปลื้ม รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กับนายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรคชาติไทย และตนก็ได้ยื่นใบลาออกแล้ว น่าจะมีผลภายใน1-2 วันนี้ เพราะถึงอย่างไร ก็ต้องเรียบร้อยก่อนการประชุมในวันที่ 11 ก.ค.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น