นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์วานนี้ (21 มิ.ย.) ถึงปัญหาวัดร้างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากสถิติพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีวัดร้างถาวรที่ร้างมานานอยู่หลายวัด โดย จ.นราธิวาสมีวัดร้าง 30 กว่าวัด ปัตตานี 20 กว่าวัด และยะลา 10 กว่าวัด ซึ่งวัดทั้งหมดได้ร้างมาตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รัฐบาลมีนโยบายว่าจะนิมนต์พระที่สนใจและใจกล้าไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยทางรัฐบาลจะสนับสนุนด้านปัจจัยถวายให้ ขณะเดียวกันจะจัดกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยให้แต่ละวัดด้วย ซึ่งขณะนี้มีพระที่แสดงความประสงค์ที่จะไปจำวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้างแล้ว
นายวิษณุ ยังยอมรับว่า รัฐบาลรู้สึกเป็นห่วงวัดที่กำลังจะร้างมากกว่าประเด็นอื่นรัฐบาลจึงจะดำเนินการสำรวจความต้องการของวัดที่กำลังจะร้างว่า วัดดังกล่าวต้องการที่จะให้รัฐบาลลงไปจัดความช่วยเหลือในด้านใดบ้าง เพื่อที่จะนำเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ในวันอังคารที่ 29 มิ.ย.นี้ที่ จ.ลำพูน เพื่อขออนุมัติเงินอุดหนุนวัดดังกล่าว ถือเป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยจะต้องสำรวจว่าวัดในพื้นที่ดังกล่าวต้องการอะไรบ้าง แล้วรัฐบาลจัดไปให้
นายวิษณุ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีพระจากวัดใน จ.ปัตตานี มีหนังสือมาถึงในเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอาศัยวัดเป็นที่พักผ่อนหลับนอนและตั้งเป็นกองบัญชาการ มีนัยว่าไปรักษาความปลอดภัย ทำให้วัดต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล เพราะอาศัยจากคนที่จะมาทำบุญก็ไม่มี ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ทางรัฐบาลก็ต้องจัดสรรงบประมาณให้
ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการประชุมกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.)โดยมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานด้านความมั่นคง เป็นประธาน
พล.อ.ชวลิต กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้หยิบยกหลายเรื่องขึ้นมาพิจารณา เช่น แผนการพัฒนาเพื่อประชาชนที่ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยากได้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 94 โครงการและเรื่องการกำหนดวันเวลาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็คงต้องมีการปรับแนวทางทั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีและแนวทางปฏิบัติกันเพิ่มเติม รวมทั้งเรื่องการเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ตามที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม เสนอมา ส่วนเรื่องงบประมาณนั้นไม่ได้มีการพิจารณา เพราะทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
สำหรับที่นายกรัฐมนตรีขีดเส้นตายให้แก้ไขปัญหาภายใน 30 วันนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังมีเวลาเหลืออีก 18 วัน เพราะนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ส่วนที่คนร้ายมุ่งแต่ทำร้ายเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า "คงเป็นการชำระแค้น ล้างหนี้ ที่อาจจะมีความขัดแย้งโกรธเคืองกันที่ไปทำอะไรเขาไว้ในอดีต ซึ่งคนที่ถูกทำร้ายมีทั้งคนดีและไม่ดี ซึ่งต้องแก้ไขอีกมาก
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม ยอมรับว่า สถานการณ์ด้านการข่าวในพื้นที่ภาคใต้ยังไม่สมบูรณ์แบบ ถึงแม้ประชาชนจะให้ความร่วมมือ แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดปากอย่างเต็มที่ เพราะคนที่ก่อความไม่สงบส่วนหนึ่งเป็นลูกหลานและญาติพี่น้อง การที่คนเหล่านี้ไม่ยอมให้ข้อมูลก็เป็นผลมาจากที่คนใต้สาบานไว้จึงพูดไม่ได้ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถแยกคนร้ายออกจากประชาชนได้ แต่ยังไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบอนุมัติโครงการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 100 โครงการ จำนวนเงินงบประมาณ 1,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นยังจะต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง เพราะมีบางโครงการซ้ำกับทางราชการ ซึ่งจะยึดโครงการของราชการเป็นหลัก และนำความเห็นของประชาชนเข้าไปเสริม
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับปรุงโครงการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้เป็นอำนาจของ กอ.สสส. เป็นผู้พิจารณา เพื่อความคล่องตัวและจะได้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ที่ปัตตานี วานนี้ (21 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงค์ ผบช.ภ. 9 พร้อมคณะได้เดินทางไปที่ สภ.อ.หนองจิก เพื่อติดตามความคืบหน้าผลการสอบสวนหลังเกิดคดี 2 คนร้าย ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่ม ด.ต.สมเกียรติ รวยรื่น และตำรวจ สภ.ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานีเมื่อเย็นวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คนคือนายสะกรี สะแลแม อายุ 25 ปี โดย พล.ต.ท.มาโนช กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื่องต้นเชื่อว่านายสะกรี น่าจะมีส่วนในการก่อเหตุสูงถึง 90%
ขณะที่นายมะดาโอ๊ะ ยีสีดิ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 บ้านปรัง ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก อาชีพขับรถสองแถว ได้ออกมายืนยันว่านายสะกรี ไม่ใช้คนร้าย โดยในวันเกิดเหตุนายสะกรี ได้ออกจากบ้านตนเมื่อเวลา 15.00 น.เพื่อไปดูสวนที่บริเวณหมู่ 7 บ้านปาแด ต.ท่ากำชำ ใกล้กับที่เกิดเหตุ ซึ่งนายสะกรี จะออกมาดูแลสวนเป็นประจำทุกวัน
ก่อนเกิดเหตุนายสะกรี ก็กำลังทำสะพานข้ามคลองเล็กเพื่อเข้าภายในสวนได้มีนายอับดุลเลาะ สะแต อายุ 25 ปีวิ่งมาบริเวณสวนของตนแล้วเอารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีน้ำเงินทะเบียน กนย. 512 ปัตตานี ขับหนีไปโดยไม่รู้สาเหตุ
หลังจากนั้นได้มีทหารเข้ามาควบคุมตัว เพราะสงสัยจะเป็นคนร้าย ทั้งที่ชาวบ้านที่ทำสวนใกล้กันยืนยันว่า นายสะกรี ไม่เกี่ยวข้อง ส่วนสวนที่นายสะกรี ทำนั้นก็เป็นของนายมะดาโอ๊ะ ยีสีดิ พ่อตาของนายสะกรี
นายมะดาโอ๊ะ ยืนยันว่าพร้อมที่จะพิสูจน์ว่านายสะกรี กำลังทำสะพานข้ามจริง เพราะยังมีหลักฐานอุปกรณ์อยู่ในที่เกิดเหตุ วันนี้จึงได้นำหลักทรัพย์เป็นที่ดินจำนวน 200,000 บาทเพื่อเตรียมยื่นขอประกันตัวโดยมีนายอดิศักดิ์ แวยูโซ๊ะ นายก อบต. ท่ากำชำ ช่วยติดต่อและประสานงานให้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รัฐบาลมีนโยบายว่าจะนิมนต์พระที่สนใจและใจกล้าไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยทางรัฐบาลจะสนับสนุนด้านปัจจัยถวายให้ ขณะเดียวกันจะจัดกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยให้แต่ละวัดด้วย ซึ่งขณะนี้มีพระที่แสดงความประสงค์ที่จะไปจำวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้างแล้ว
นายวิษณุ ยังยอมรับว่า รัฐบาลรู้สึกเป็นห่วงวัดที่กำลังจะร้างมากกว่าประเด็นอื่นรัฐบาลจึงจะดำเนินการสำรวจความต้องการของวัดที่กำลังจะร้างว่า วัดดังกล่าวต้องการที่จะให้รัฐบาลลงไปจัดความช่วยเหลือในด้านใดบ้าง เพื่อที่จะนำเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ในวันอังคารที่ 29 มิ.ย.นี้ที่ จ.ลำพูน เพื่อขออนุมัติเงินอุดหนุนวัดดังกล่าว ถือเป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยจะต้องสำรวจว่าวัดในพื้นที่ดังกล่าวต้องการอะไรบ้าง แล้วรัฐบาลจัดไปให้
นายวิษณุ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีพระจากวัดใน จ.ปัตตานี มีหนังสือมาถึงในเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอาศัยวัดเป็นที่พักผ่อนหลับนอนและตั้งเป็นกองบัญชาการ มีนัยว่าไปรักษาความปลอดภัย ทำให้วัดต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล เพราะอาศัยจากคนที่จะมาทำบุญก็ไม่มี ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ทางรัฐบาลก็ต้องจัดสรรงบประมาณให้
ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการประชุมกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.)โดยมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานด้านความมั่นคง เป็นประธาน
พล.อ.ชวลิต กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้หยิบยกหลายเรื่องขึ้นมาพิจารณา เช่น แผนการพัฒนาเพื่อประชาชนที่ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยากได้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 94 โครงการและเรื่องการกำหนดวันเวลาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็คงต้องมีการปรับแนวทางทั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีและแนวทางปฏิบัติกันเพิ่มเติม รวมทั้งเรื่องการเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ตามที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม เสนอมา ส่วนเรื่องงบประมาณนั้นไม่ได้มีการพิจารณา เพราะทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
สำหรับที่นายกรัฐมนตรีขีดเส้นตายให้แก้ไขปัญหาภายใน 30 วันนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังมีเวลาเหลืออีก 18 วัน เพราะนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ส่วนที่คนร้ายมุ่งแต่ทำร้ายเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า "คงเป็นการชำระแค้น ล้างหนี้ ที่อาจจะมีความขัดแย้งโกรธเคืองกันที่ไปทำอะไรเขาไว้ในอดีต ซึ่งคนที่ถูกทำร้ายมีทั้งคนดีและไม่ดี ซึ่งต้องแก้ไขอีกมาก
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม ยอมรับว่า สถานการณ์ด้านการข่าวในพื้นที่ภาคใต้ยังไม่สมบูรณ์แบบ ถึงแม้ประชาชนจะให้ความร่วมมือ แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดปากอย่างเต็มที่ เพราะคนที่ก่อความไม่สงบส่วนหนึ่งเป็นลูกหลานและญาติพี่น้อง การที่คนเหล่านี้ไม่ยอมให้ข้อมูลก็เป็นผลมาจากที่คนใต้สาบานไว้จึงพูดไม่ได้ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถแยกคนร้ายออกจากประชาชนได้ แต่ยังไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบอนุมัติโครงการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 100 โครงการ จำนวนเงินงบประมาณ 1,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นยังจะต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง เพราะมีบางโครงการซ้ำกับทางราชการ ซึ่งจะยึดโครงการของราชการเป็นหลัก และนำความเห็นของประชาชนเข้าไปเสริม
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับปรุงโครงการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้เป็นอำนาจของ กอ.สสส. เป็นผู้พิจารณา เพื่อความคล่องตัวและจะได้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ที่ปัตตานี วานนี้ (21 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงค์ ผบช.ภ. 9 พร้อมคณะได้เดินทางไปที่ สภ.อ.หนองจิก เพื่อติดตามความคืบหน้าผลการสอบสวนหลังเกิดคดี 2 คนร้าย ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่ม ด.ต.สมเกียรติ รวยรื่น และตำรวจ สภ.ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานีเมื่อเย็นวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คนคือนายสะกรี สะแลแม อายุ 25 ปี โดย พล.ต.ท.มาโนช กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื่องต้นเชื่อว่านายสะกรี น่าจะมีส่วนในการก่อเหตุสูงถึง 90%
ขณะที่นายมะดาโอ๊ะ ยีสีดิ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 บ้านปรัง ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก อาชีพขับรถสองแถว ได้ออกมายืนยันว่านายสะกรี ไม่ใช้คนร้าย โดยในวันเกิดเหตุนายสะกรี ได้ออกจากบ้านตนเมื่อเวลา 15.00 น.เพื่อไปดูสวนที่บริเวณหมู่ 7 บ้านปาแด ต.ท่ากำชำ ใกล้กับที่เกิดเหตุ ซึ่งนายสะกรี จะออกมาดูแลสวนเป็นประจำทุกวัน
ก่อนเกิดเหตุนายสะกรี ก็กำลังทำสะพานข้ามคลองเล็กเพื่อเข้าภายในสวนได้มีนายอับดุลเลาะ สะแต อายุ 25 ปีวิ่งมาบริเวณสวนของตนแล้วเอารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีน้ำเงินทะเบียน กนย. 512 ปัตตานี ขับหนีไปโดยไม่รู้สาเหตุ
หลังจากนั้นได้มีทหารเข้ามาควบคุมตัว เพราะสงสัยจะเป็นคนร้าย ทั้งที่ชาวบ้านที่ทำสวนใกล้กันยืนยันว่า นายสะกรี ไม่เกี่ยวข้อง ส่วนสวนที่นายสะกรี ทำนั้นก็เป็นของนายมะดาโอ๊ะ ยีสีดิ พ่อตาของนายสะกรี
นายมะดาโอ๊ะ ยืนยันว่าพร้อมที่จะพิสูจน์ว่านายสะกรี กำลังทำสะพานข้ามจริง เพราะยังมีหลักฐานอุปกรณ์อยู่ในที่เกิดเหตุ วันนี้จึงได้นำหลักทรัพย์เป็นที่ดินจำนวน 200,000 บาทเพื่อเตรียมยื่นขอประกันตัวโดยมีนายอดิศักดิ์ แวยูโซ๊ะ นายก อบต. ท่ากำชำ ช่วยติดต่อและประสานงานให้