วานนี้( 10 มิ.ย.) ที่ศาลอาญาธนบุรี ผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือ กลม บางกรวย ผู้กว้างขวางในวงการหวยใต้ดินย่านนนทบุรี และนายพันแสง พุ่มมะภูติ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐาน ร่วมกันข่มขืนใจ เจ้าของวิน จักรยานยนต์รับจ้าง โดยข่มขู่ว่าจะได้รับอันตรายแก่กาย
บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. -4 พ.ค.46 จำเลยทั้งสอง และพวกรวม 30 คน ร่วมกันข่มขู่ ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง วินปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 45 , วินหน้าห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า, วินหน้าห้างเมอร์รี่คิงปิ่นเกล้า ซึ่งมี นางสมโภชน์ หอมชง ผู้เสียหาย เป็นผู้ดูแลเก็บค่าวินเป็นรายวันและค่าเสื้อวิน โดยจำเลยขู่ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนจากเสื้อวินสีส้มของนางสมโภชน์ มาใส่เสื้อวินสีน้ำเงินของพวกจำเลยแทน หากไม่ยอมทำตาม จะเกิดอันตรายต่อชีวิต และอาจไม่มีแผ่นดินอยู่ การกระทำของจำเลย ทำให้ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อวินของจำเลยแทน และห้ามนางสมโภชน์ เข้าไปยุ่งเกี่ยวเก็บค่าวินอีก โดยข่มขู่ทางโทรศัพท์ กระทั่ง นางสมโภชน์ไปแจ้งความต่อ สน.บางยี่ขัน ดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองในเวลาต่อมา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ และจากคำเบิกความของผู้เสียหายที่เป็นพยาน ไม่ได้เห็นเหตุการณ์เอง จึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนพยานโจทก์อีก 2 ปากเป็นเพียงพยานบอกเล่าและไม่ได้เต็มใจมาเป็นพยาน ซึ่งทางนำสืบยังพบว่า จำเลยที่ 2 มาที่วินดังกล่าวเป็นประจำ แต่ไม่มีการเรียกเก็บเงินจากใคร หลังเกิดเหตุผู้ขับขี่ก็ยังใส่เสื้อวินสีส้ม และไม่มีผู้ใดได้รับความเดือดร้อน ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลก็ไม่ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จ่ายเงินให้กับผู้ใด ดังนั้น การเปลี่ยนเสื้อวินสีส้มมาเป็นสีน้ำเงินน่าจะเกิดจากความสมัครใจของผู้ขับขี่รถ ไม่ใช่เกิดจากการข่มขู่ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองข่มขู่ผู้เสียหายและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ พิพากษายกฟ้อง
หลังฟัง คำพิพากษา นายณรงค์ กล่าวว่า ศาลได้ให้ความเป็นธรรม และแสดงให้เห็นชัดว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกี่ยวข้องกับวินจักรยานยนต์ ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งคงจะไม่ดำเนินการฟ้องกลับนางสมโภชน์เพราะต้องการให้เรื่องยุติ ส่วนตัวยังมีคดีหวยล็อกค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาอาญา สำหรับอนาคตก็วางไว้แล้วว่าจะลงการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดนนทบุรีแน่นอน
บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. -4 พ.ค.46 จำเลยทั้งสอง และพวกรวม 30 คน ร่วมกันข่มขู่ ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง วินปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 45 , วินหน้าห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า, วินหน้าห้างเมอร์รี่คิงปิ่นเกล้า ซึ่งมี นางสมโภชน์ หอมชง ผู้เสียหาย เป็นผู้ดูแลเก็บค่าวินเป็นรายวันและค่าเสื้อวิน โดยจำเลยขู่ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนจากเสื้อวินสีส้มของนางสมโภชน์ มาใส่เสื้อวินสีน้ำเงินของพวกจำเลยแทน หากไม่ยอมทำตาม จะเกิดอันตรายต่อชีวิต และอาจไม่มีแผ่นดินอยู่ การกระทำของจำเลย ทำให้ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อวินของจำเลยแทน และห้ามนางสมโภชน์ เข้าไปยุ่งเกี่ยวเก็บค่าวินอีก โดยข่มขู่ทางโทรศัพท์ กระทั่ง นางสมโภชน์ไปแจ้งความต่อ สน.บางยี่ขัน ดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองในเวลาต่อมา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ และจากคำเบิกความของผู้เสียหายที่เป็นพยาน ไม่ได้เห็นเหตุการณ์เอง จึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนพยานโจทก์อีก 2 ปากเป็นเพียงพยานบอกเล่าและไม่ได้เต็มใจมาเป็นพยาน ซึ่งทางนำสืบยังพบว่า จำเลยที่ 2 มาที่วินดังกล่าวเป็นประจำ แต่ไม่มีการเรียกเก็บเงินจากใคร หลังเกิดเหตุผู้ขับขี่ก็ยังใส่เสื้อวินสีส้ม และไม่มีผู้ใดได้รับความเดือดร้อน ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลก็ไม่ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จ่ายเงินให้กับผู้ใด ดังนั้น การเปลี่ยนเสื้อวินสีส้มมาเป็นสีน้ำเงินน่าจะเกิดจากความสมัครใจของผู้ขับขี่รถ ไม่ใช่เกิดจากการข่มขู่ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองข่มขู่ผู้เสียหายและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ พิพากษายกฟ้อง
หลังฟัง คำพิพากษา นายณรงค์ กล่าวว่า ศาลได้ให้ความเป็นธรรม และแสดงให้เห็นชัดว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกี่ยวข้องกับวินจักรยานยนต์ ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งคงจะไม่ดำเนินการฟ้องกลับนางสมโภชน์เพราะต้องการให้เรื่องยุติ ส่วนตัวยังมีคดีหวยล็อกค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาอาญา สำหรับอนาคตก็วางไว้แล้วว่าจะลงการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดนนทบุรีแน่นอน