ศูนย์ข่าวภูเก็ต -กมธ.การปกครอง วุฒิสภา ยืนยันการออกเอกสารสิทธิที่ดินหาดเลพัง ที่เป็นขุมเหมืองเก่า ของขุนวิเศษนุกูลกิจ และแปรสภาพเป็นโรงแรมห้าดาว 400 กว่าไร่ ออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย เตรียมนำเอกสารทางราชการที่นายอำเภอถลางและเจ้าพนักงานที่ดินส่วนแยกถลาง ยอมรับว่าออกไม่ถูกต้อง แต่ไม่ได้เจตนามาเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ พร้อมมอบเรื่องให้อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาจนกว่าจะชี้ขาด
วานนี้ (7 มิ.ย.) คณะทำงานติดตามการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐบริเวณหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.เมือง จ.ภูเก็ต วุฒิสภา ซึ่งนำโดยนายปรีชา ปิตานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา พร้อมคณะ ได้เดินทางมาประชุมร่วมกับหน่วยงาน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐบริเวณหาดเลพัง ที่ห้องประชุมอบจ.ภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้า การแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินหาดเลพัง และในช่วงบ่ายคณะทำงานฯได้ลงพื้นที่หาดเลพัง
นายปรีชา ปิตานนท์ ประธานคณะทำงานฯ เปิดเผยว่า กมธ.การปกครองฯได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า การออกเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณหาดเลพัง โดยเฉพาะขุมเหมืองของขุนวิเศษนุกูลกิจ ซึ่งเป็นขุมเหมืองเก่าพื้นที่ 400 กว่าไร่ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับ5 ดาว 5 แห่งของกลุ่มลากูน่า ออกเอกสารสิทธิมิชอบด้วยกฎหมาย แม้ว่ากรมที่ดินจะยืนยันว่า การออกเอกสารสิทธิที่ดินถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม และการเดินทางมาในวันนี้ เพื่อที่จะติดตามเอกสารทางราชการเพิ่มเติม ที่จะเป็นหลักฐานในการยืนยันว่า ที่ดินดังกล่าวออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ เพราะมีการยอมรับจากนายอำเภอถลาง และเจ้าพนักงานที่ดินส่วนแยกถลาง ในการชี้แจงต่อกมธ.การปกครอง วุฒิสภา ว่า การออกเอกสารสิทธิที่ดิน ออกไม่ถูกต้องตามกฎหมายจริง แต่เป็นการกระทำโดยไม่เจตนา ซึ่งทางฝ่ายผู้ซื้อรับทราบว่าที่ดินมีปัญหา แต่ก็ได้เซ็นรับรอง ความผิดพลาด และระบุว่าหากเกิดปัญหาทางผู้ซื้อจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง และเอกสารดังกล่าวก็อยู่ในมือกมธ.การปกครองฯแล้ว เพื่อนำไปเป็นเอกสารเพิ่มเติมในการพิจารณาที่ดินแปลงดังกล่าว เนื่องจากปี 2542 อัยการได้สั่งไม่ฟ้องที่ดินแปลงนี้ไปแล้ว แต่ผู้ว่าฯในขณะนี้ ได้ทำหนังสือแย้งไปแล้ว และเอกสารดังกล่าว ก็เป็นเอกสารที่มีความสำคัญชิ้นหนึ่ง ในการที่จะชี้ชัดลงไปว่า การออกเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม กรณีของที่ดินหาดเลพัง ขณะนี้กมธ.การปกครองฯได้ส่งเรื่องให้อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ตรวจราชการแผ่นดินรัฐสภา หลังจากที่ได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอดระยะเวลา 2 ปี เพราะการพิจารณาอาจจะต้องใช้เวลานาน หากเรื่องอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา จะไม่หมดอายุความ ผู้ตรวจการฯสามารถที่จะตรวจสอบได้ตลอดจนกว่าจะวินิจฉัยชี้ขาด โดยกมธ.ปกครองฯจะติดตามความคืบหน้าทุกๆเดือน และเอกสารที่ได้รับในครั้งนี้ ก็จะนำไปมอบให้ผู้ตรวจการแผ่นดินฯเช่นกัน
ส่วนกรณีที่กรมที่ดินได้ตรวจสอบแล้ว และเห็นว่า มีการออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย นายปรีชา กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบดังกล่าว เป็นเรื่องของกรมที่ดินที่ออกมาระบุว่า ออกถูกต้อง แต่ในส่วนของกมธ.การปกครองฯ ยืนยันว่าออกไม่ถูกต้อง และกมธ.การปกครองฯ ก็มีเอกสารหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าออกไม่ถูกต้อง ซึ่งได้มอบได้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินฯทั้งหมดแล้ว และจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้ในชั้นศาล
ทั้งนี้ เพราะการทำงานของกมธ.การปกครองฯ ต้องการที่จะให้ข้าราชการทำงาน โดยใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ควบคู่กันไป และมีความเป็นธรรมในสังคม ส่วนผลพิสูจน์ออกมาอย่างไร กรณีที่ทางฝ่ายบริหาร คือ กรมที่ดินชี้ออกมาว่าถูกต้อง กับฝ่ายกมธ.การปกครองฯเห็นว่า ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้คงจะต้องพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป
นายปรีชา กล่าวอีกว่า กรณีที่กมธ.การปกครองฯได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในข้อหาเพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปชี้แจงกับกมธ.การปกครองฯ และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว