เมื่อเวลา 09.35 น. วานนี้ (31พ.ค.) ได้มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณารายงานผลการดำเนินการ ของคณะรัฐมนตรี ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ในปีที่ 3 หรือการพิจารณาผลงานรัฐบาล โดยมี นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ประชุม โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีบางส่วนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า ตลอด1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เผชิญกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะความผันผวนที่นอกเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส สถานการณ์การเมืองของโลก ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และสถานการณ์ในภาคใต้ แต่รัฐบาลก็ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้โดยเร็ว และไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ส่วน โครงการต่างๆ ในด้านสังคม ก็เดินหน้าไปด้วยดี จะมีเพียงปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เท่านั้น ที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการแก้ไข ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการต่อไป (อ่านรายละเอียด หน้า 15)
หลังจากที่นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานจบลง พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ว.สระบุรี ได้อภิปรายก่อนเป็นคนแรก โดยอภิปรายถึงปัญหาด้านความมั่นคง
“ผมอยากให้นายกฯใช้ความรอบคอบในการแก้ไขปัญหาด้วยความมั่นคง การที่นายกฯได้รายงานถึงความมั่นคงแห่งชาติในปัจจุบัน และผลงานในรอบปีนั้น กลับขาดการรายงานความมั่นคงด้านการเมือง สังคม จิตวิทยา และเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเมืองการปกครองที่ประเทศขาดไม่ได้ ซึ่งการเข้าสู่อำนาจของนายกฯจากการเลือกตั้ง ดังนั้น ความมั่นคงที่นายกฯต้องทำ คือ การปราศจากศัตรูผู้รุกราน ประชาชนจะต้องอยู่รอดปลอดภัย อยู่ดีกินดี มีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ถ้าขาดรัฐธรรมนูญมาตรา 1, 2 และ 3 ท่านไปไม่รอดแน่” พล.ต.มนูญกฤต กล่าว
หลังจากนั้น สมาชิกวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นอภิปรายชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของรัฐบาลในการบริหารงานด้านต่างๆ เช่น นายสมเกียรติ อ่อนวิมล ส.ส.สุพรรณบุรี อภิปรายโจมตี นโยบายความมั่นคงระหว่างประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะการส่งทหารไทยไปประเทศอิรัก เช่นเดียวกับ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมา
ส่วน พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ส.ว.กรุงเทพฯ อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่มีผู้ติดยา 2.7 แสนคน ผู้ผลิตผู้ค้า 4.3 หมื่นคน ผู้ติดยาเหล่านี้รัฐบาลดูแลอย่างไร กลับไปติดยาซ้ำอีกหรือไม่ ส่วนผู้ผลิตผู้ค้าประกอบอาชีพอะไร หรือกลับไปค้ายาอีก
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประทินยังกล่าวถึงกรณีการสลายการชุมนุมม็อบท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่โรงแรมเจบีหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งคนที่สั่งให้สลายม็อบ คือ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ที่เป็น ผบ.ตร. ในขณะนั้น
จากนั้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่ารัฐบาลไทยไม่เคยสนับสนุนให้สหรัฐใช้กำลังบุกประเทศอิรัก โดยได้พยายามเตือนสหรัฐผ่านตัวแทนของสหรัฐในทุกวิถีทาง ว่าน่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น และการที่ไทยส่งทหารไป ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่อันตราย
“ตอนนี้ 5 ชาติในแคมป์ลิม่า ต่างมองกันว่า ใครจะเป็นคนถอนทหาร ทั้งโปแลนด์และ สเปน ซึ่งการถอนทหารคงจะมีหลังวันที่ 30 มิ.ย. ดังนั้น ในช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. คงจะได้รับคำตอบที่แน่นอนว่า จะถอนทหารอย่างไร หรือจะคงสภาพเดิมที่เป็นอยู่” พล.อ.ชวลิต กล่าว
ด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงเหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านโครงการก่อสร้างท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีหนังสือของคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาระบุไว้ชัดเจนว่าตนสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้ความอดทน แต่ถ้าฝูงชนไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็ให้ปฏิบัติหน้าที่เท่าที่ควรเป็น แล้วตนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ดังนั้นข้อกล่าวหาของพล.ต.อ.ประทิน จึงไม่เป็นความจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงถึงตรงนี้ พล.ต.อ.ประทิน ได้ลุกขึ้นตอบโต้ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้กล่าวหาว่า นายวันมูหะมัดนอร์ สั่งสลายม็อบ แต่ในการประชุมคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมฯ ได้มีการถามว่าคำสั่งสลายม็อบถูกต้องหรือไม่ ซึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ไ ด้บอกต่อที่ประชุมว่า พร้อมที่จะรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ตรงนี้ไปเปิดเทปพิสูจน์ได้ และที่บอกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมนั่งพัก เพื่อที่จะเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่พักแรมที่มีการจัดไว้ และว่า ็ท่านวันมูหะมัดนอร์เข้าใจหรือไมิ่
ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่า ตนอยู่ใกล้เหตุการณ์มากกว่าพล.ต.อ.ประทิน และได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตลอด รู้ดีว่าจะมีการประท้วงหรือไม่ และขอย้ำว่าตนไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้มีการสลายม็อบ
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม. กล่าวว่า ถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลได้ผล ในเรื่องการปราบปรามการลักลอบค่าสัตว์ป่า แต่ยังมีปัญหาเรื่องการบุกรุกป่า นอกจากนี้ กระบวนการทำประชาพิจารณ์ ยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะเหมืองโปแตสเซียม ในจังหวัดอุดรธานี รวมอีกหลายโครงการที่มีปัญหาคือ โครงการบ่อนอก หินกรูด แม่เมาะ และโครงการท่อก๊าซไทยมา-เลย์ ยังไม่เห็นมีความคืบหน้า
นายแก้วสรร ยังอภิปรายถึงการความสามรถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศ ในเรื่องเขตการค้าเสรี ที่รัฐบาลพยายามเจรากับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ทำให้เราเสียเปรียบมาก โดยผลเฉพาะผลไม้ ที่ไม่สามารถส่งออกได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นของการอภิปราย นายสุชน ชาลีเครือ
ประธานวุฒิสภา ได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ห้องรับประทานอาหาร อาคารรัฐสภา
เนื่องในโอกาสปิดสมัยประชุมสภา โดยได้เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย โดยมี ส.ว.มาร่วมประมาณ 80 คน
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดรัฐบาล โดย ส.ว.ที่มาร่วมโต๊ะอาหาร กับนายกฯ
อาทิ นายสุชน นายศรีเมือง เจริญศิริ นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ นายบุญเลิศ ไพรินทร์ พ.อ.สมคิด ศรีสังคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายโภคิน พลกุล นายอดิศัย โพธารามิก
บรรยากาศการจัดเลี้ยงไปเป็นอย่างคึกคัก โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แซว ส.ว.ว่า
“สภานี้อยู่ครบเทอมแน ่ไม่มียุบ เดี๋ยวคอยดูหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ทายผิดแน่” ทำให้ ส.ว.ที่นั่งร่วมโต๊ะ หัวเราะกันอย่างครึ้นเครง ขณะที่นายบุญเลิศ ไพรินทร์
ซึ่งเคยเป็นข่าวฮือฮา เพราะทำนายดวงชะตานายกและรัฐบาลว่า จะยุบสภาก่อนครบวาระ
ได้เดินมาทักนายกฯ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หยอกล้อว่า “ตกลงจะยุบหรือไม่ยุบ” นายบุญเลิศ ตอบไปว่า ไม่ยุบ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดด้วยท่าทีชอบใจว่า
“งั้นก็คอยดูว่า นายก หรือ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใครจะดูแม่นกว่ากัน”
เป็นที่น่าสังเกต ว่า ส.ว.สายเอ็นจีโอ และสายนักวิชาการ ต่างพร้อมใจกันไม่มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ โดยนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.กทม. ให้สัมภาษณ์ว่า เราเป็นราชสีห์อยู่แล้ว ไม่ใช่พวกที่ต้องอาศัยเงาราชสีห์กิน
นายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า ตลอด1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เผชิญกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะความผันผวนที่นอกเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส สถานการณ์การเมืองของโลก ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และสถานการณ์ในภาคใต้ แต่รัฐบาลก็ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้โดยเร็ว และไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ส่วน โครงการต่างๆ ในด้านสังคม ก็เดินหน้าไปด้วยดี จะมีเพียงปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เท่านั้น ที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการแก้ไข ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการต่อไป (อ่านรายละเอียด หน้า 15)
หลังจากที่นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานจบลง พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ว.สระบุรี ได้อภิปรายก่อนเป็นคนแรก โดยอภิปรายถึงปัญหาด้านความมั่นคง
“ผมอยากให้นายกฯใช้ความรอบคอบในการแก้ไขปัญหาด้วยความมั่นคง การที่นายกฯได้รายงานถึงความมั่นคงแห่งชาติในปัจจุบัน และผลงานในรอบปีนั้น กลับขาดการรายงานความมั่นคงด้านการเมือง สังคม จิตวิทยา และเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเมืองการปกครองที่ประเทศขาดไม่ได้ ซึ่งการเข้าสู่อำนาจของนายกฯจากการเลือกตั้ง ดังนั้น ความมั่นคงที่นายกฯต้องทำ คือ การปราศจากศัตรูผู้รุกราน ประชาชนจะต้องอยู่รอดปลอดภัย อยู่ดีกินดี มีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ถ้าขาดรัฐธรรมนูญมาตรา 1, 2 และ 3 ท่านไปไม่รอดแน่” พล.ต.มนูญกฤต กล่าว
หลังจากนั้น สมาชิกวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นอภิปรายชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของรัฐบาลในการบริหารงานด้านต่างๆ เช่น นายสมเกียรติ อ่อนวิมล ส.ส.สุพรรณบุรี อภิปรายโจมตี นโยบายความมั่นคงระหว่างประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะการส่งทหารไทยไปประเทศอิรัก เช่นเดียวกับ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมา
ส่วน พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ส.ว.กรุงเทพฯ อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่มีผู้ติดยา 2.7 แสนคน ผู้ผลิตผู้ค้า 4.3 หมื่นคน ผู้ติดยาเหล่านี้รัฐบาลดูแลอย่างไร กลับไปติดยาซ้ำอีกหรือไม่ ส่วนผู้ผลิตผู้ค้าประกอบอาชีพอะไร หรือกลับไปค้ายาอีก
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประทินยังกล่าวถึงกรณีการสลายการชุมนุมม็อบท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่โรงแรมเจบีหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งคนที่สั่งให้สลายม็อบ คือ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ที่เป็น ผบ.ตร. ในขณะนั้น
จากนั้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่ารัฐบาลไทยไม่เคยสนับสนุนให้สหรัฐใช้กำลังบุกประเทศอิรัก โดยได้พยายามเตือนสหรัฐผ่านตัวแทนของสหรัฐในทุกวิถีทาง ว่าน่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น และการที่ไทยส่งทหารไป ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่อันตราย
“ตอนนี้ 5 ชาติในแคมป์ลิม่า ต่างมองกันว่า ใครจะเป็นคนถอนทหาร ทั้งโปแลนด์และ สเปน ซึ่งการถอนทหารคงจะมีหลังวันที่ 30 มิ.ย. ดังนั้น ในช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. คงจะได้รับคำตอบที่แน่นอนว่า จะถอนทหารอย่างไร หรือจะคงสภาพเดิมที่เป็นอยู่” พล.อ.ชวลิต กล่าว
ด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงเหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านโครงการก่อสร้างท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีหนังสือของคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาระบุไว้ชัดเจนว่าตนสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้ความอดทน แต่ถ้าฝูงชนไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็ให้ปฏิบัติหน้าที่เท่าที่ควรเป็น แล้วตนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ดังนั้นข้อกล่าวหาของพล.ต.อ.ประทิน จึงไม่เป็นความจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงถึงตรงนี้ พล.ต.อ.ประทิน ได้ลุกขึ้นตอบโต้ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้กล่าวหาว่า นายวันมูหะมัดนอร์ สั่งสลายม็อบ แต่ในการประชุมคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมฯ ได้มีการถามว่าคำสั่งสลายม็อบถูกต้องหรือไม่ ซึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ไ ด้บอกต่อที่ประชุมว่า พร้อมที่จะรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ตรงนี้ไปเปิดเทปพิสูจน์ได้ และที่บอกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมนั่งพัก เพื่อที่จะเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่พักแรมที่มีการจัดไว้ และว่า ็ท่านวันมูหะมัดนอร์เข้าใจหรือไมิ่
ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่า ตนอยู่ใกล้เหตุการณ์มากกว่าพล.ต.อ.ประทิน และได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตลอด รู้ดีว่าจะมีการประท้วงหรือไม่ และขอย้ำว่าตนไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้มีการสลายม็อบ
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม. กล่าวว่า ถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลได้ผล ในเรื่องการปราบปรามการลักลอบค่าสัตว์ป่า แต่ยังมีปัญหาเรื่องการบุกรุกป่า นอกจากนี้ กระบวนการทำประชาพิจารณ์ ยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะเหมืองโปแตสเซียม ในจังหวัดอุดรธานี รวมอีกหลายโครงการที่มีปัญหาคือ โครงการบ่อนอก หินกรูด แม่เมาะ และโครงการท่อก๊าซไทยมา-เลย์ ยังไม่เห็นมีความคืบหน้า
นายแก้วสรร ยังอภิปรายถึงการความสามรถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศ ในเรื่องเขตการค้าเสรี ที่รัฐบาลพยายามเจรากับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ทำให้เราเสียเปรียบมาก โดยผลเฉพาะผลไม้ ที่ไม่สามารถส่งออกได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นของการอภิปราย นายสุชน ชาลีเครือ
ประธานวุฒิสภา ได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ห้องรับประทานอาหาร อาคารรัฐสภา
เนื่องในโอกาสปิดสมัยประชุมสภา โดยได้เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย โดยมี ส.ว.มาร่วมประมาณ 80 คน
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดรัฐบาล โดย ส.ว.ที่มาร่วมโต๊ะอาหาร กับนายกฯ
อาทิ นายสุชน นายศรีเมือง เจริญศิริ นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ นายบุญเลิศ ไพรินทร์ พ.อ.สมคิด ศรีสังคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายโภคิน พลกุล นายอดิศัย โพธารามิก
บรรยากาศการจัดเลี้ยงไปเป็นอย่างคึกคัก โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แซว ส.ว.ว่า
“สภานี้อยู่ครบเทอมแน ่ไม่มียุบ เดี๋ยวคอยดูหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ทายผิดแน่” ทำให้ ส.ว.ที่นั่งร่วมโต๊ะ หัวเราะกันอย่างครึ้นเครง ขณะที่นายบุญเลิศ ไพรินทร์
ซึ่งเคยเป็นข่าวฮือฮา เพราะทำนายดวงชะตานายกและรัฐบาลว่า จะยุบสภาก่อนครบวาระ
ได้เดินมาทักนายกฯ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หยอกล้อว่า “ตกลงจะยุบหรือไม่ยุบ” นายบุญเลิศ ตอบไปว่า ไม่ยุบ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดด้วยท่าทีชอบใจว่า
“งั้นก็คอยดูว่า นายก หรือ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใครจะดูแม่นกว่ากัน”
เป็นที่น่าสังเกต ว่า ส.ว.สายเอ็นจีโอ และสายนักวิชาการ ต่างพร้อมใจกันไม่มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ โดยนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.กทม. ให้สัมภาษณ์ว่า เราเป็นราชสีห์อยู่แล้ว ไม่ใช่พวกที่ต้องอาศัยเงาราชสีห์กิน