xs
xsm
sm
md
lg

ตีความ TIME ยก “Architects of AI” บุคคลแห่งปี 2025 เกมปั่นหุ้นหรือสัญญาณฟองสบู่?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นิตยสาร TIME ประกาศยกย่อง “Architects of AI” หรือ “เหล่าสถาปนิกแห่งปัญญาประดิษฐ์” ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2025 โดยเป็นการยกย่องในลักษณะ “กลุ่มบุคคล” แทนบุคคลเดียว สะท้อนชัดว่า AI ได้ก้าวข้ามสถานะเทคโนโลยีแห่งอนาคต กลายเป็นพลังที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ในอีกมุม มีกระแสถกเถียงในหมู่นักลงทุนบางกลุ่มว่านี่คือการปั่นหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ทางอ้อม เพราะการบอกว่า AI ได้กลายเป็นโครงสร้างหลักของเศรษฐกิจโลกไปแล้ว ย่อมมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อทิศทางความเชื่อและการประเมินมูลค่าหุ้น AI

TIME ระบุในบทบรรณาธิการว่าปี 2025 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ “เครื่องจักรเริ่มคิดได้” และกำลังแสดงศักยภาพอย่างเต็มรูปแบบ โดยสร้างทั้งความตื่นตะลึงและความกังวลไปพร้อมกัน การตัดสินใจยกย่อง “Architects of AI” จึงไม่ใช่เพียงการยกย่องผู้พัฒนาเทคโนโลยี แต่คือการชี้ให้เห็นถึงอำนาจ ความรับผิดชอบ และผลกระทบเชิงโครงสร้างที่ AI กำลังสร้างต่อมนุษยชาติ

*** จากที่เคยถกเถียง วันนี้แข่งขันเต็มรูปแบบ

TIME ชี้ว่า หากในอดีตโลกยังถกเถียงว่า AI ควรถูกพัฒนาไปไกลแค่ไหน ปี 2025 คือปีที่การถกเถียงนั้นถูกแทนที่ด้วย “การแข่งขันเพื่อการใช้งานจริง” อย่างเต็มรูปแบบ เครื่องมือ AI ถูกเร่งนำออกจากห้องทดลอง สู่ที่ทำงาน ห้องเรียน และชีวิตประจำวันในวงกว้าง

ภาพเหล่าผู้นำองค์กรด้าน AI บนที่สูงเหนือมหานคร สื่อถึงความทะเยอทะยานและความเสี่ยง
โครงสร้างพื้นฐานของ AI ได้กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจใหม่ ชิปประมวลผลของเอ็นวิเดีย (NVIDIA) ภายใต้การนำของเจนเซน หวง ถูกมองว่าเป็นสาธารณูปโภคเหมือนระบบไฟฟ้าของยุค AI ขณะที่ แชต จีพีที (ChatGPT) ของโอเพ่นเอไอ (OpenAI) ถูกชูว่ามีผู้ใช้งานมากกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทำให้ AI ไม่ใช่เทคโนโลยีเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นบริการพื้นฐานของโลกดิจิทัล

ผู้นำในวงการ AI จึงมีบทบาทสูงในสมรภูมิอำนาจโลก โดยบุคคลที่ TIME กล่าวถึงบนปก มีทั้งเจนเซน หวง, อีลอน มัสก์, แซม อัลต์แมน, มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก, มาซาโยชิ ซัน และ โรบิน หลี่ ซึ่งสะท้อนการแข่งขันระดับโลกเพื่อครอบครองแพลตฟอร์ม AI ศูนย์ข้อมูล และบุคลากรคุณภาพสูง

สหรัฐฯ วาง AI เป็นยุทธศาสตร์ความมั่นคงและความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ ขณะที่จีนเร่งพัฒนา AI ภายใต้แรงหนุนจากรัฐ ผ่านบริษัทอย่างไป่ตู๋ (Baidu) และดีฟซีค (DeepSeek) การแข่งขันนี้จึงไม่ใช่แค่เชิงธุรกิจ แต่เชื่อมโยงกับภูมิรัฐศาสตร์และอำนาจต่อรองในเวทีโลกโดยตรง

*** โอกาสมหาศาล VS ความเสี่ยง

TIME ไม่ได้มอง AI ในมุมบวกเพียงด้านเดียว บทความชี้ว่า แม้จะมีการคาดการณ์ว่า AI สามารถเพิ่มมูลค่า GDP โลกได้อย่างก้าวกระโดด แต่ในทางปฏิบัติ หลายองค์กรยังไม่เห็นผลตอบแทนตามคาด ขณะเดียวกัน ความกังวลเรื่องการแทนที่แรงงาน ข่าวปลอม ดีพเฟก และจริยธรรมการใช้ข้อมูล กำลังเกิดขึ้นจริงเร็วกว่ากรอบกำกับดูแลของรัฐจะตามทัน

ประเด็นจริยธรรมจึงไม่ใช่คำถามเชิงทฤษฎีอีกต่อไป แต่เป็นโจทย์ที่สังคมต้องเผชิญแบบเรียลไทม์ ท่ามกลางแรงกดดันให้ “เดินหน้าเร็วที่สุด” ในการแข่งขัน AI




จุดนี้ต้องขยายเรื่องสัญลักษณ์บนปกของ TIME กับความหมายเชิงอุปมา เพราะปก TIME ฉบับนี้ใช้ภาพสื่อความหมายอย่างชัดเจน ปกหนึ่งจำลองภาพถ่ายประวัติศาสตร์ Lunch Atop a Skyscraper (1932) โดยแทนที่คนงานเหล็กด้วยผู้นำ AI บนที่สูงเหนือมหานคร สื่อถึงความทะเยอทะยานและความเสี่ยง ขณะที่อีกปกแสดงภาพผู้นำ AI กำลังก่อสร้างตัวอักษร AI บนโครงนั่งร้าน ตอกย้ำว่าระบบแห่งอนาคตนี้ยังอยู่ระหว่างการสร้าง และยังไม่เสร็จสมบูรณ์

Lunch Atop a Skyscraper (1932) คือภาพถ่ายประวัติศาสตร์ของคนงาน 11 คน นั่งรับประทานอาหารบนคานเหล็กสูง 850 ฟุต เหนือนครนิวยอร์ก เพื่อประชาสัมพันธ์การสร้างตึก RCA ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
การมอบตำแหน่ง Person of the Year ให้กับ “Architects of AI” ถือเป็นเพียงครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ TIME เลือกยกย่องแบบไม่ใช่บุคคลเดี่ยว ต่อจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปี 1982 และ “โลกที่ใกล้สูญพันธุ์” ในปี 1988 ซึ่งมูฟเมนต์ครั้งล่าสุดสะท้อนว่า AI ถูกยกระดับเป็นพลังแห่งยุคสมัยที่ชัดเจน

*** ไม่ใช่การปั่นหุ้น?

เสียงจากนักวิจารณ์บางรายมองว่ารายงานของ TIME อาจจะมีผลต่อการลงทุนในหุ้นเทคสหรัฐฯ เนื่องจากที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในมหาสมุทร AI นี้ถูกขับเคลื่อนด้วย “ความเชื่อร่วม” มากกว่าตัวเลขกำไรในปัจจุบัน โดยทุกวันนี้ ชิปของ Nvidia ถูกมองเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ ขณะที่ ChatGPT กลายเป็นบริการพื้นฐานของชีวิตดิจิทัล และการลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI ถูกอธิบายว่าเป็นเงื่อนไขของความสามารถแข่งขันของประเทศ

การยก AI เทียบกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปี 1982 ซึ่ง TIME เคยยกให้เป็น Person of the Year มาก่อน นั้นอาจมีผลทางจิตวิทยาอย่างรุนแรง เพราะเท่ากับบอกตลาดว่ามูลค่าหุ้นแสนแพงหรือ Valuation ระดับใหม่ นั้นเป็นเรื่องสมเหตุสมผล แม้รายได้จริงของหลายบริษัทจะยังตามไม่ทันความคาดหวัง

การยก AI เทียบกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปี 1982 ซึ่ง TIME เคยยกให้เป็น Person of the Year มาก่อน นั้นอาจมีผลทางจิตวิทยาอย่างมาก
หากมองเร็วๆ จะพบว่าผู้ได้ประโยชน์ชัดเจนจากการเล่าเรื่องของ TIME นั้นไม่ได้มีเพียงบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน AI (GPU, Cloud, Data Center) แต่ยังมีนักลงทุนสถาบันและ Big Tech ที่เข้าลงทุนตั้งแต่ต้นรอบ รวมถึง สหรัฐฯ ในฐานะผู้กำหนดทิศทางเทคโนโลยีโลก ขณะที่ความเสี่ยงกลับถูกผลักไปยังนักลงทุนรายย่อยที่เข้าซื้อในช่วงราคาสูง รวมถึงบริษัทที่ “ประกาศใช้ AI” แต่ยังสร้างผลตอบแทนไม่ได้จริง

ในอีกด้าน ตลาดแรงงานยังถูกกลบด้วยเรื่องเล่าเชิงบวก มากกว่าการถกผลกระทบเชิงโครงสร้างด้วย

ที่ลืมไม่ได้ คือสัญญาณเตือนที่ TIME เลือกจะพูดอย่างระวัง เพราะแม้จะยกย่อง แต่ TIME ก็ไม่ได้ขายฝันฝ่ายเดียว ภาพปกที่สื่อถึงการนั่งบนที่สูงและการก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จ เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า AI คือพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่ความเสี่ยงจากการ “ตกจากที่สูง” ก็มีอยู่จริง หากความคาดหวังนำหน้าความเป็นจริงนานเกินไป

สรุปแล้ว การยก “Architects of AI” เป็นบุคคลแห่งปี ถึงแม้ไม่ใช่การปั่นหุ้นแบบโจ่งแจ้ง แต่ในเชิงตลาดทุน นี่คือการเร่งกระแสและทำให้เรื่องเล่าของ AI แข็งแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับนักลงทุน คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า AI จะเปลี่ยนโลกหรือไม่ แต่คือหุ้น AI ตัวใดกำลังสะท้อนอนาคต และตัวใดกำลังสะท้อนความคาดหวังที่ไปไกลเกินจริงแล้ว.


กำลังโหลดความคิดเห็น