สคส.ตรวจข้อมูลรั่วเข้มทุกมิติ ชี้โพสต์ส่วนตัวไม่อยู่ใต้ PDPA แต่ยังเสี่ยงคดีหมิ่นประมาท ขณะ สตช.แจ้งเหตุละเมิดแล้ว อยู่ระหว่างขอข้อมูลเพิ่ม หากพบฝ่าฝืนกฎหมาย เดินหน้าพิจารณาโทษทางปกครอง ย้ำไม่เลือกปฏิบัติ
พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC หรือ สคส.) ออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าและหลักการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลในสื่อสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใกล้ชิดของ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยยืนยันว่า สำนักงานได้ดำเนินการตรวจสอบทุกประเด็นอย่างเร่งด่วน รอบคอบ และเป็นไปตามหลักนิติธรรม ทั้งนี้ ได้ยึดบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เป็นหลักสำคัญในการพิจารณา
พ.ต.อ.สุรพงศ์ ระบุว่า ผลการตรวจสอบเบื้องต้นสามารถจำแนกประเด็นสำคัญออกเป็น 2 ส่วน โดยในประเด็นแรกเป็นเรื่องการกระทำของผู้โพสต์ข้อมูล สำนักงานได้พิจารณาแล้วพบว่า การโพสต์ดังกล่าวเป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลของคู่กรณีมาเผยแพร่ในลักษณะประชดประชัน และมิได้มีเจตนาเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่องเพื่อกิจการทางธุรกิจหรือวิชาชีพ ดังนั้น การกระทำจึงเข้าข่ายเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย PDPA ตามมาตรา 4(1)
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ PDPC เน้นย้ำว่า แม้การกระทำดังกล่าวจะอยู่นอกขอบเขตการกำกับดูแลของกฎหมาย PDPA แต่หากการโพสต์ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น ผู้กระทำอาจยังคงมีความรับผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป อาทิ ความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ และผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมได้
ขณะที่ประเด็นที่สองเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลจากหน่วยงานผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งถือเป็นผู้ควบคุมข้อมูลตามกฎหมาย PDPA นั้น พ.ต.อ.สุรพงศ์ ชี้แจงว่า ประเด็นดังกล่าวอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมาย PDPA อย่างเต็มรูปแบบ และตามกฎหมาย สตช.มีหน้าที่ต้องตรวจสอบและแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลต่อ PDPC ภายใน 72 ชั่วโมง
ทั้งนี้ สตช.ได้มีการแจ้งเหตุการละเมิดมายัง PDPC แล้ว แต่อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่ส่งมายังยังไม่ครบถ้วนเพียงพอสำหรับการสรุปข้อเท็จจริง ดังนั้น สำนักงานจึงได้มีหนังสือเร่งด่วนถึง สตช. เพื่อขอให้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมและจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
"หากผลการตรวจสอบในขั้นต่อไปพบว่า สตช.มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ไม่ว่าจะเป็นการไม่จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมเพียงพอ หรือหากมีผู้เสียหายใช้สิทธิร้องเรียนอย่างเป็นทางการ สำนักงานจะดำเนินการรายงานเรื่องต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาโทษทางปกครองตามกฎหมายต่อไปอย่างเคร่งครัด และไม่มีการละเว้นในทุกกรณี" พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าว


