แกร็บ (Grab) เปิดรายงาน “ที่สุดแห่งปี 2025” เจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ สะท้อนเทรนด์ฮิตผ่านยอดใช้บริการเรียกรถและฟู้ดเดลิเวอรี พบปีแห่งความเชื่อ “สายมู” ดันยอดเรียกรถไปเทวาลัยพระพิฆเนศ ห้วยขวาง โตกระฉูด ขณะที่ “ส้มตำ” ยืนหนึ่งเมนูอาหารแห่งชาติ ฟาก “ชาไทย” ล้มแชมป์กาแฟดำ ขึ้นแท่นเครื่องดื่มยอดนิยมแห่งปีจากกระแสลิซ่าฟีเวอร์
บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในกลุ่มผู้ใช้ชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยในปี 2025 มีสถิติที่น่าสนใจ อย่างแลนด์มาร์กยอดฮิต ที่กลายเป็น “เซ็นทรัลเวิลด์” คว้าแชมป์จุดหมายปลายทางประเภทห้างสรรพสินค้าที่มีผู้เดินทางไปมากที่สุด
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมยังคงเป็น พระบรมมหาราชวัง แต่ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่คือ “เทวาลัยพระพิฆเนศ สี่แยกห้วยขวาง” ที่กลายเป็นฮอตสปอตมาแรงที่สุด ด้วยยอดเรียกใช้บริการเติบโตถึง 678% รับกระแสคนไทยและต่างชาติแห่ขอพรเพื่อความสำเร็จ
ขณะเดียวกันยังพบท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว “จีน” ยังคงครองแชมป์ชาติที่ใช้บริการมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงโกลเด้นวีคที่ยอดพุ่งเกือบ 50% ขณะที่นักท่องเที่ยวจาก “จอร์เจีย” กลายเป็นกลุ่มดาวรุ่งที่มียอดใช้บริการโตกว่า 10 เท่า
นอกจากนี้ จากอานิสงส์นโยบายรัฐบาล ดันให้ “นครนายก” กลายเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองที่มาแรงที่สุด ด้วยยอดเรียกรถโตกว่า 9 เท่า ตอบโจทย์เทรนด์เที่ยวใกล้กรุงฯ แบบไปเช้าเย็นกลับ ตามมาด้วย อุดรธานี และอุบลราชธานี
สำหรับคอนเสิร์ตและเทศกาลกลายเป็นแม่เหล็กสำคัญ โดยคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR IN BANGKOK ดันยอดเรียกรถไปราชมังฯ โตเกือบ 5 เท่า เช่นเดียวกับเทศกาลยี่เป็ง เชียงใหม่ ที่กระตุ้นยอดใช้บริการเพิ่มขึ้น 44%
ส่วนเทรนด์ประหยัดและรักษ์โลก ส่งผลให้บริการรถราคาประหยัด (GrabCar SAVER) ได้รับความนิยมถล่มทลาย โตขึ้น 289% สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคยุครัดเข็มขัด ควบคู่ไปกับกระแสรถยนต์ไฟฟ้า (Grab EV Rides) ที่มียอดเรียกใช้เพิ่มขึ้น 58%
เทรนด์ฟู้ดเดลิเวอรี “ส้มตำ” แชมป์ตลอดกาล “ชาไทย” โค่นอเมริกาโน
ในส่วนของบริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน พบการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์การกินที่น่าจับตามอง อย่าง “ส้มตำ” ยังคงครองบัลลังก์เมนูขายดีที่สุดด้วยยอดสั่งกว่า 16 ล้านจาน โดยเฉพาะส้มตำปูปลาร้า ตามมาด้วย “ข้าวมันไก่” (1.5 ล้านจาน) ที่ได้รับอานิสงส์จากกระแส Gundum Effect และ “ลาบหมู” (1 ล้านจาน)
ขณะที่ปีนี้ “ชาไทยและชานมไข่มุก” สร้างประวัติศาสตร์โค่นแชมป์เก่าอย่างอเมริกาโนเย็นได้สำเร็จ กวาดยอดสั่งไปกว่า 11 ล้านแก้ว โดยได้รับอิทธิพลจากเมนูไวรัลของ “ลิซ่า” (Thai up the World) ส่วนชาเขียวมัทฉะตามมาเป็นอันดับสอง (9 ล้านแก้ว) เบียดอเมริกาโนเย็นตกไปอยู่อันดับสาม
“ชิโอะปัง” หรือ ขนมปังเกลือ มาแรงในกลุ่มเบเกอรี ยอดขายโต 36 เท่า ตามด้วย “ชาองุ่นเคียวโฮครีมชีส” โต 17 เท่า และ “แฮนด์โรล” อาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะที่เข้าถึงง่ายขึ้น มียอดสั่งโต 300%
กินที่ร้าน-คนละครึ่งพลัส ดันยอดขายพุ่ง
นอกจากเดลิเวอรี พฤติกรรมการ Dine-in (ทานที่ร้าน) ผ่านการซื้อดีลและจองโต๊ะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยร้าน “Kanori Hand Roll Bar” มียอดขายโตกว่า 5 เท่า ส่วนมาตรการรัฐ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายมื้อเที่ยง โดยร้าน “สยามกะเพราคาเฟ่ - บรรทัดทอง” ทำยอดขายผ่านแกร็บโตสูงสุดถึง 14 เท่าจากโครงการนี้


