xs
xsm
sm
md
lg

Disney+ เตรียมเปิดทางสร้าง "Frozen 3" ด้วย AI !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ "ดิสนีย์พลัส" (Disney+) ประกาศว่าแฟน Frozen จะไม่ต้องรอภาค 3 ที่ล่าช้าอีกต่อไป แต่สามารถพิมพ์พรอมต์ง่ายๆ ลงในระบบ ก็อาจได้ชมภาพเอลซ่ากับอันนาเต้นรำในเวอร์ชันสุดเพี้ยน โดยสามารถผสมผสานกลิ่นอาณาจักรน้ำแข็งเข้ากับตัวละครจาก Star Wars ในแบบที่ดิสนีย์ไม่ทำมาก่อน

การประกาศนี้ชวนให้นึกถึงบริการชื่อ Sora ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัวไปในฐานะเครื่องมือสร้างวิดีโอ AI ที่โด่งดังไปทั่ว แต่กลับมีกระแสดราม่าตามมาหนักมากในช่วงแรกของการเปิดตัว อย่างไรก็ตาม การประกาศสะท้อนโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับการเชื่อมโยงแฟนดิสนีย์ทั่วโลก ซึ่งจะตอกย้ำวิสัยทัศน์ที่ Disney+ จะไม่ใช่แค่บริการสตรีมภาพยนตร์ แต่เป็นจักรวาลดิจิทัล ที่ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง

หากทำสำเร็จ Disney+ อาจเพิ่ม engagement ได้มหาศาล แต่หากพลาด ย่อมสร้างความวุ่นวายมาสู่จักรวาลดิสนีย์ สร้างความเสียหายต่อแบรนด์ที่สร้างมาหลายทศวรรษแน่นอน

***ทำไมหลายคนไม่ปลิ้ม?

บ็อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) CEO ดิสนีย์ เปิดเผยในงานเปิดผลประกอบการล่าสุดว่า Disney+ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 6 ปีก่อน โดยจะให้ผู้ใช้สร้างคอนเทนต์ด้วย AI บนแพลตฟอร์มได้เลย

ซีอีโอคนดังนั้นมีชื่อเสียงมากเรื่องการนำดิสนีย์ฝ่าพายุวิกฤตสตรีมมิงมาหลายต่อหลายครั้ง แต่คราวนี้ ไอเกอร์อธิบายอย่างตื่นเต้นในที่ประชุมว่า AI จะช่วยให้ผู้ใช้ Disney+ มีส่วนร่วมมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างและชมเนื้อหาที่ผู้ใช้รังสรรค์เอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคลิปสั้นๆ จากผู้อื่น


อย่างไรก็ตาม แม้ดิสนีย์ไม่ได้พูดถึงรายละเอียดว่าจะเริ่มทดลองเมื่อใด หรือใช้โมเดล AI ตัวใด แต่จากแนวโน้มนี้ คาดว่าแพลตฟอร์มจะกลายเป็น "TikTok เวอร์ชันดิสนีย์" ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดและแชร์คลิปสั้นๆ ได้ทันใจ อาจช่วยดึงดูดวัยรุ่นและ Gen Z ที่เบื่อคอนเทนต์แบบดั้งเดิมของดิสนีย์

นอกจากนี้ ไอเกอร์ยังแย้มถึงการผสาน "ฟีเจอร์คล้ายเกม" เข้ากับ Disney+ ผ่านข้อตกลงกับ Epic Games ผู้พัฒนา Fortnite ชื่อดัง ซึ่งอาจหมายถึงการเพิ่มองค์ประกอบ เช่น การสร้างตัวละคร AI เพื่อเล่นเกมในแอปสตรีมมิง ซึ่งจะเปิดโอกาสยิ่งใหญ่สำหรับการเชื่อมโยงแฟนดิสนีย์ทั่วโลก

***เสี่ยงละเมิด?


บริการนี้ถูกมองว่ามีความเสี่ยงที่ดิสนีย์ต้องเผชิญในฐานะยักษ์ใหญ่ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ที่เคยฟ้องร้องคู่แข่งไม่ยั้ง โดยดิสนีย์เพิ่งยกเลิกหลายโครงการ AI เมื่อเดือนสิงหาคม ตามรายงานของ Wall Street Journal ด้วยเหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการ "โคลน" นักแสดง ซึ่งอาจจุดชนวนความขัดแย้งกับสหภาพแรงงานฮอลลีวูดที่ยังคัดค้าน AI อย่างดุเดือด

เบื้องต้น ไอเกอร์ยืนยันว่าดิสนีย์ได้เจรจากับบริษัทเอไอหลายแห่ง เพื่อปกป้อง IP แล้ว แต่คำถามคือ เมื่อเปิดให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหาเอง ดิสนีย์จะควบคุมอย่างไร? และการเคลื่อนไหวนี้จะเป็นกลยุทธ์ให้ดิสนีย์ต่อกรกับคู่แข่งอย่าง Netflix และ TikTok ที่ครองตลาด UGC อยู่แล้วได้หรือไม่? หากทั้ง 2 คำถามนี้ได้คำตอบที่ดีพอ AI ย่อมจะเป็นตัวเร่งให้ Disney+ เติบโตในยุคที่รายได้สตรีมมิงชะลอตัวได้แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น