xs
xsm
sm
md
lg

ส่องพลัง "อีลอน มัสก์" คุมดาวเทียม 2 ใน 3 ของโลก หลัง SpaceX บล็อกสัญญาณ Starlink 2,500 ชุดในเมียนมา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


  ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม เผยให้เห็นจานรับสัญญาณ Starlink ติดตั้งบนหลังคาอาคารที่คาดว่าเคยเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงออนไลน์
เกาะติดเทคโนโลยี "สตาร์ลิงค์" (Starlink) ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อสื่อสารในพื้นที่ห่างไกล แต่กลับถูกใช้เป็นเครือข่ายหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมกลายเป็นช่องทางหลักของการหลอกลวงระดับโลก

สัปดาห์ที่ผ่านมา สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ต้นสังกัด Starlink ต้องบล็อกสัญญาณในสินค้าของตัวเองกว่า 2,500 ชุดที่เมียนมา ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกต้องยุติบริการเชิงพาณิชย์เพื่อสกัดการใช้งานผิดวัตถุประสงค์

ล่าสุด SpaceX บริษัทอวกาศของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้ส่งดาวเทียม Starlink ดวงที่ 10,000 ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จเมื่อวันอาทิทย์ที่ผ่านมา หลังจากปล่อยดาวเทียมชุดใหม่จำนวน 56 ดวง ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้อีลอน มัสก์ ควบคุมดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ถึง 2 ใน 3 ของโลก ตามข้อมูลจาก Celestrak องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ติดตามดาวเทียม นำไปสู่ความกังวลเรื่องอำนาจผูกขาดของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก

***Elon Musk กดปุ่มตัดเน็ตมิจฉาชีพ

สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ SpaceX เป็นข่าวใหญ่เรื่องการตัดการเชื่อมต่อ Starlink กว่า 2,500 ชุดในเมียนมา หลังตรวจพบว่าเป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้ใน “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์” ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้ง SpaceX ต้นสังกัด Starlink
ศูนย์หลอกลวงออนไลน์นี้สามารถตั้งอยู่กลางป่า ใช้เพียงอินเทอร์เน็ตดาวเทียมและไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ ก็ทำงานได้เต็มรูปแบบเหมือนสำนักงานใหญ่ของบริษัทไอที ดังนั้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นหนึ่งในเคสหายากที่ SpaceX ต้องเข้าดำเนินการโดยตรง และได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก

ลอเรน เดรเยอร์ (Lauren Dreyer) หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจของ Starlink ระบุว่าในเมียนมาร์ SpaceX ได้ดำเนินการเชิงรุกในการระบุและปิดการใช้งานชุดอุปกรณ์ Starlink กว่า 2,500 ชุดในบริเวณใกล้เคียงกับ 'ศูนย์หลอกลวง' ที่ต้องสงสัย โดยย้ำว่าบริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าบริการนี้จะยังคงสร้างความดีและรักษาความไว้วางใจทั่วโลก ทั้งการเชื่อมต่อผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง และการตรวจจับและป้องกันการใช้งานในทางที่ผิดโดยผู้ไม่หวังดี

จุดที่ถูกตัดสัญญาณส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่สงสัยว่าเป็น “ศูนย์หลอกลวง” ซึ่งใช้เทคโนโลยีดาวเทียม Starlink เพื่อดำเนินอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ โดยการปิดการใช้งานครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากกองทัพเมียนมาเข้ายึดพื้นที่ KK Park หนึ่งในคอมเพล็กซ์ใหญ่ของขบวนการหลอกลวง ซึ่งพบ Starlink มากกว่า 30 ชุด และแรงงานกว่า 2,000 คนถูกปลดปล่อย

ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม เผยให้เห็นจานรับสัญญาณ Starlink ติดตั้งบนหลังคาอาคารที่คาดว่าเคยเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงออนไลน์ สร้างรายได้มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี โดยผู้รอดชีวิตได้เล่าถึงสภาพการทำงานสุดโหด ทั้งถูกหลอกมาทำงาน ถูกกักขัง และถูกทรมานหากทำยอดไม่ได้ โดยมีเหยื่อจำนวนมากมาจากทวีปแอฟริกา

ลักษณะการติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจาก Starlink
ด้านกองทัพเมียนมาระบุว่า ได้เคลียร์พื้นที่ KK Park และยึดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด พร้อมเพิ่มการตรวจสอบชายแดนหลังมีแรงงานต่างชาติจำนวนมากพยายามหลบหนี คาดว่าปัจจุบันยังมีศูนย์หลอกลวงอีกกว่า 30 แห่งที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ตามแนวชายแดน

***อีลอน มัสก์ คุมดาวเทียม 2 ใน 3 ของโลก หลังส่ง Starlink ดวงที่ 10,000 ขึ้นสู่วงโคจร

ข้อมูล ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ระบุว่า มีดาวเทียม Starlink จำนวน 8,562 ดวงจากดาวเทียมทั้งหมด 12,955 ดวงที่ใช้งานอยู่ในวงโคจรต่ำรอบโลก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 66% นอกจากนี้ยังมีดาวเทียม Starlink อีกประมาณ 1,500 ดวงที่ไม่ทำงานหรือออกจากวงโคจรแล้ว

การครอบงำของ SpaceX ในตลาดดาวเทียมทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอำนาจที่มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกมีผ่านการควบคุมเครือข่าย Starlink ในปี 2566 มัสก์เคยกล่าวว่าตัวเองมีข้อมูลเศรษฐกิจโลกแบบเรียลไทม์ต่อประชากร 1 คน มากกว่าที่ใครจะเคยมีมา จากการบริหารบริษัทรถไฟฟ้า Tesla, SpaceX และ X (Twitter เดิม)

คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดของ SpaceX ในด้านจำนวนดาวเทียมคือวันเว็บ (OneWeb) ที่มีดาวเทียม 651 ดวงในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม จีนกำลังมีโครงการหลายโครงการที่ตั้งเป้าส่งดาวเทียมมากกว่า 10,000 ดวงขึ้นสู่วงโคจรภายในปี 2573

SpaceX วางแผนขยายจำนวนดาวเทียม Starlink ให้ครบ 42,000 ดวง แม้ว่าปัจจุบันจะได้รับอนุญาตให้ส่งได้เพียง 12,000 ดวงเท่านั้น

การติดตั้งระบบรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจากดาวเทียม Starlink
ไม่ว่าอย่างไร การปล่อยดาวเทียม Starlink ครั้งล่าสุดยังทำให้ SpaceX เท่ากับสถิติการปล่อยจรวด Falcon 9 ประจำปีที่ 132 ครั้ง โดยยังมีการปล่อยอีกหลายสิบครั้งที่วางแผนไว้ก่อนสิ้นปี 2568

ดาวเทียม Starlink ที่ส่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกลับมายังโลก ถูกสร้างมาให้มีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี หลังจากนั้นจะทำการจุดเครื่องยนต์ขับดันเพื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและเผาไหม้จนสิ้นซาก สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ที่เห็นชัดคือคลิปวิดีโอเศษซากดาวเทียม Starlink ที่ลุกไหม้ในท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ปรากฏบนโซเชียลมีเดียในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในประเด็นนี้ นักดาราศาสตร์บางรายมีบันทึกว่ามีดาวเทียมของ SpaceX ออกจากวงโคจรโดยเฉลี่ยวันละ 1-2 ดวงในปี 2568 ทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็นประมาณวันละ 5 ดวง เมื่อ SpaceX ขยายกลุ่มดาวเทียมต่อไป ซึ่งแม้ว่าการออกจากวงโคจรจะไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้คนบนพื้นโลก แต่สารมลพิษจากการเผาไหม้อาจทำลายชั้นบรรยากาศและส่งผลต่อภาวะโลกร้อนได้.




กำลังโหลดความคิดเห็น