xs
xsm
sm
md
lg

'เอกสิทธิ์' เสนอรัฐตัดเน็ต-เพิ่มโทษหนัก ล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



'เอกสิทธิ์' จี้รัฐล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เสนอเพิ่มโทษ-ตัดเน็ต-ตั้งพาสเวิร์ดในครอบครัว เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ลวงรัก หลอกลงทุน เชื่อหากเอาจริง ไล่ถึงนักการเมือง ต้นทางถึงปลายทาง ปราบได้แน่

นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เสนอแนะรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงดีอีและตำรวจไซเบอร์ ให้เร่งสร้างความรู้เท่าทันให้ประชาชนอย่างจริงจัง ผ่านการสื่อสารในทุกช่องทาง ทั้งสื่อหลักและสื่อออนไลน์ เพื่อให้เข้าใจกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์อย่างรอบด้าน พร้อมย้ำว่าประชาชนต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยี ไม่หลงเชื่อ และไม่โลภมาก เพราะมิจฉาชีพใช้หลากหลายวิธีล่อลวง ทั้งหลอกลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี หลอกให้รักแล้วโอนเงิน หรือชวนเล่นเว็บพนันก่อนเปลี่ยนเป็นการลงทุน

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องตั้งคณะทำงานที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์อย่างแท้จริง พร้อมเพิ่มโทษกับผู้กระทำผิดให้รุนแรงถึงขั้นเด็ดขาด โดยเฉพาะมาตรการตัดไฟ-ตัดอินเทอร์เน็ต ที่สามารถตัดวงจรขบวนการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากดำเนินการต่อเนื่องเชื่อว่าจะสามารถควบคุมปัญหาได้จริง

ย้อนกลับไปในช่วงปี 2564-2565 ขณะดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีดีอี เคยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร. หรือ PCT) ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา เพื่อออกหมายจับและจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยต้องเดินทางไปยังพนมเปญและสีหนุวิลล์หลายครั้ง ปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการเริ่มต้นลุยปราบปรามอย่างจริงจังในยุคนั้น

ผลจากการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด พบว่ามีหญิงไทยกว่า 100 คนถูกล่อลวงให้เข้าไปเป็นสมาชิกในแก๊ง ทางกระทรวงดีอี จึงประสานตำรวจไทยเพื่อขอหมายจับและจับกุมกลับประเทศ แม้การเข้าจับกุมจะไม่ง่าย ต้องประสานเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่เพื่อเปิดทาง แต่ก็สามารถดำเนินการได้อย่างสำเร็จ และยังตามจับเครือข่ายได้อีกหลายรอบในระยะต่อมา

อย่างไรก็ดี ปัญหานี้ยังไม่หมดไป เพราะขบวนการมีขนาดใหญ่และกระจายอยู่หลายประเทศ หากปล่อยให้ลุกลามจะสร้างความเสียหายรุนแรงอย่างมหาศาล ซึ่งขณะนี้หลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน และสหรัฐฯ ก็ลุกขึ้นมาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน

แม้สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาอาจไม่ราบรื่นนักในปัจจุบัน แต่ยังจำเป็นต้องประสานความร่วมมือข้ามชาติ เพราะเครือข่ายสแกมเมอร์มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ถูกล่อลวง กักขัง และถูกทำร้ายร่างกายในบางกรณี ดังนั้น หากไทยคิดจะจัดการปัญหานี้จริง ต้องร่วมมือกับทุกประเทศอย่างเต็มที่ ไม่สามารถทำเพียงลำพังได้

ขณะเดียวกัน ยังฝากเตือนประชาชนว่า ทุกคนโดยเฉพาะในครอบครัว ต้องช่วยกันรีเช็กข้อมูล อย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ ทั้งเด็กเล็กถูกหลอกให้เล่นพนัน และผู้สูงอายุถูกลวงให้โอนเงิน โดยมิจฉาชีพใช้ทั้งวิดีโอเห็นหน้า และเลียนเสียงได้เหมือนจริง ครอบครัวจึงตั้งกฎภายในว่าจะใช้พาสเวิร์ด เมื่อต้องยืมเงิน หากไม่รู้พาสเวิร์ดจะไม่ให้เด็ดขาด พร้อมเตือนให้ระวังเบอร์โทรแปลก เบอร์ยาวผิดปกติ เพราะอาจเป็นช่องทางของมิจฉาชีพ

ส่วนกระแสข่าวลือที่ระบุว่า มีนักการเมืองไทย 7 คนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์นั้น แม้ยังไม่มีการยืนยัน แต่หากเป็นเรื่องจริง ถือเป็นภัยต่อสังคมที่ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด เพราะนักการเมืองมีทั้งอำนาจและทรัพยากรในมือ หากปล่อยไว้ย่อมอันตรายอย่างยิ่ง รัฐบาลต้องเร่งเอาจริงกับผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องลำดับแรก โดยไม่ละเว้นเด็ดขาด

"การปราบแก๊งสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ผลประโยชน์มันมโหฬาร หากรัฐบาลเอาจริง ไล่ตั้งแต่ประเทศต้นทางถึงปลายทาง เชื่อว่าสามารถจัดการได้ไม่ยาก" นายเอกสิทธิ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น