xs
xsm
sm
md
lg

เจาะฐานแฟน vivo ใช้ ‘กล้อง’ เป็นจุดขาย ขึ้นเบอร์ 1 ถ่ายคอนเสิร์ต (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สมาร์ทโฟน ‘vivo’ กลับขึ้นมาถูกพูดถึงในกลุ่มสมาร์ทโฟนพรีเมียม เกิดขึ้นหลังจากเริ่มทำตลาด vivo X100 ซีรีส์ ในประเทศไทย ก่อนมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดหลายเท่าตัวในปีที่ผ่านมากับ vivo X200 ซีรีส์ พร้อมกับขึ้นเป็นรุ่นยอดนิยมของบรรดาร้านปล่อยเช่าโทรศัพท์เพื่อใช้ในการถ่ายภาพในคอนเสิร์ต และศิลปินที่ชื่นชอบ

พร้อมกับในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ vivo มีแผนที่จะนำ vivo X300 ซีรีส์ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวไปแล้วในประเทศจีนช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งานจำนวนมาก เพราะในรอบนี้มาพร้อมกับชุดเลนส์เสริมที่ทำให้การถ่ายภาพระยะไกล ทำได้คมชัดมากขึ้น

จากข้อมูลบริษัทวิจัยการตลาดที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทำตลาดสมาร์ทโฟนในไทยช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า vivo ได้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มสมาร์ทโฟนพรีเมียมแล้ว เป็นรองเพียง Samsung และ Apple เท่านั้น เพียงแต่ด้วยส่วนแบ่งของอันดับ 1 และ 2 ก็ครองตลาดไปแล้วกว่า 60-70%

ทำให้กลายเป็นความท้าทายของ vivo ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาในกลุ่มสมาร์ทโฟนพรีเมียม เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่โดดเด่นในกลุ่มระดับกลาง จากสินค้าอย่าง vivo V ซีรีส์ ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่ รวมกับตัวเริ่มต้นอย่าง Y ซีรีส์ ที่เริ่มทำให้ผู้บริโภคเปิดใจเข้ามาลองใช้งาน

ภัทร โกมลฐิตินันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ วีโว่ ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า X100 Series คือจุดเริ่มต้นและเป็นเหมือนใบเบิกทางที่สำคัญของ vivo ที่ทำให้เติบโตในตลาดพรีเมียม ยอดขายของ X100 ซีรีส์ เพียงรุ่นเดียวสามารถเทียบได้กับยอดขายของ X ซีรีส์ รุ่นก่อนๆ รวมกันทั้งหมด

แม้ว่า vivo จะมี X ซีรีส์ ที่เป็นสมาร์ทโฟนที่นำนวัตกรรมเข้ามาทำตลาดในไทยมาหลายปีแล้ว ย้อนไปตั้งแต่ X21 ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือใต้จอ ต่อเนื่องมายัง X50, X60, X70, X80, X90 แต่กระแสที่มาแรงจริงๆ เริ่มต้นที่ X100 Series

“ตั้งแต่ X100 ซีรีส์มา vivo จะชูจุดเด่นเรื่องกล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะเลนส์ซูมที่ทำออกมาได้ดีกว่าคู่แข่งหลายๆ ค่าย ประกอบกับประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องที่ทำได้น่าประทับใจ ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และพอมาถึงรุ่น X200 ยอดขายก็ยิ่งเติบโตขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว”


สำหรับกลยุทธ์ต่อเนื่องจากนี้ของ vivo จะยังคงรักษาภาพของการเป็นสมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่มีจุดเด่นเรื่องการถ่ายภาพซูมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งในสมาร์ทโฟนตระกูล X ซีรีส์ และ V ซีรีส์ ควบคู่ไปกับการดึงดูดผู้ใช้งานจากแบรนด์อื่นเข้ามา

ขณะเดียวกัน จากการสำรวจความเห็นของผู้บริโภค ยังพบว่า คนส่วนใหญ่ใช้เรื่องกล้องเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาเลือกซื้อมือถือระดับแฟลกชิป รองลงมาคือเรื่องประสิทธิภาพความแรงของเครื่อง แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงก์ ปิดท้ายด้วยความลื่นไหล และความเสถียรของระบบปฏิบัติการ

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในประเทศจีน vivo X200 Pro ได้กลายเป็นมือถือรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในบรรดาร้านปล่อยเช่าสมาร์ทโฟนเพื่อนำไปใช้ในการถ่ายภาพศิลปินที่ชื่นชอบ หรือการถ่ายภาพคอนเสิร์ตระยะไกล ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 50% จนกลายเป็นว่าใครที่มองหามือถือเพื่อใช้ติ่ง ซีรีส์นี้ไม่ทำให้ผิดหวัง


โดยในการเปิดตัว vivo X300 และ vivo X300 Pro ในประเทศจีน ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า vivo ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของกล้องถ่ายภาพเป็นหลัก จากความร่วมมือในระยะยาวกับผู้ผลิตเลนส์ ZEISS และเลือกนำเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพระดับท็อปจากทาง Sony และ Samsung มาใช้งาน

นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรในการผลิตหน้าจอระดับโลกอย่าง BOE รวมถึงผู้ผลิตชิปเซ็ตอย่าง MediaTek ทำให้ใน vivo X300 ซีรีส์ เป็นการรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรระดับโลก ในการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

***พา OriginOS สู่ตลาดโลก


อีกความเคลื่อนไหวสำคัญในปีนี้ของ vivo คือในแง่ของการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่แต่เดิมสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศจีนจะทำงานบน OriginOS ในขณะที่ตลาดทั่วโลกจะเป็น FuntouchOS แต่หลังจากนี้ทาง vivo ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะนำ OriginOS มาให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้ใช้งาน

จุดเด่นของ OriginOS 6 ที่พัฒนาขึ้นในปีนี้ นอกจากการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ทั้งหมด โดยนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาใช้ ยังมีเสริมในแง่ความลื่นไหลของระบบปฏิบัติการที่เป็นจุดขายหลักของ OriginOS มาโดยตลอด ผสมผสานกับการขับเคลื่อนด้วย AI ที่ทำงานร่วมกับ Google มาใช้งานได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะในส่วนของ Origin Island ที่เป็นแถบอัจฉริยะส่วนบนของหน้าจอที่ใช้แสดงสถานะการทำงานของแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์แล้ว ในบางเวลายังให้คำแนะนำตามบริบทของการใช้งานเช่น เมื่อแตะที่ลิงก์ในการเข้าประชุมออนไลน์ หรือคัดลอกข้อความเบอร์โทร หรือข้อมูลนัดหมาย ก็จะเพิ่มทางลัดเข้าใช้งานให้ในทันที

รวมไปถึงการพัฒนาการเชื่อมต่อเพิ่มเติม อย่างเช่นการทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ทั้ง Windows และ Mac ที่สามารถแชร์สกรีนหน้าจอ ลาก-วางไฟล์ แชร์คลิปบอร์ด และใช้งานร่วมกับแอปฯ Notes บนคอมได้เต็มรูปแบบผ่านโปรแกรมอย่าง vivo Office Kit ไปจนถึงการถ่ายโอนรูปภาพ และวิดีโอไปยังสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นรวมถึง iPhone ด้วย


เบื้องต้น OriginOS 6 จะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้าอย่าง X200 ซีรีส์ X Fold 5 และ vivo V60 ได้รับการอัปเดตใช้งานก่อนในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นจึงเริ่มปล่อยอัปเดตให้สมาร์ทโฟนในรุ่นแฟลกชิปอย่าง X100 ซีรีส์ และ X Fold 3 Pro ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

ส่วนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ทำตลาดในปีนี้ และปีที่ผ่านๆ มาจะได้รับการอัปเดตเพิ่มเติมในช่วงกลางเดือนธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2026 ซึ่งครอบคลุมทั้ง X ซีรีส์, V ซีรีส์, T ซีรีส์ และ Y ซีรีส์ รวมถึงแบรนด์ iQOO ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น