แอปเปิล (Apple) เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่รอบนี้ มาด้วยกัน 4 รุ่นย่อย เพิ่มไลน์อัปใหม่ iPhone Air โดดเด่นในเรื่องความบาง มีเฉพาะรุ่นที่รองรับ eSIM เท่านั้น ส่วน iPhone 17 ได้หน้าจอ ProMotion ขณะที่ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max อัปเกรดกล้องทุกระยะเป็น 48 ล้านพิกเซล พร้อมสีใหม่ ส้มคอสมิก ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทุกรุ่นอัปเกรดกล้องหน้าเป็น Center Stage 18 ล้านพิกเซลด้วย
ไฮไลท์ของปีนี้อยู่ที่ iPhone Air กับการทำ iPhone รุ่นที่บางที่สุดออกสู่ตลาด โดยมีความบางเพียง 5.6 มม. กับขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี ProMotion 120 Hz พร้อมจอแบบ Always On เพียงแต่จะมีการปรับโมดูลกล้องเหลือเลนส์เดี่ยวความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ขณะที่กล้องหน้าอัปเกรดเป็น 18 ล้านพิกเซล
อย่างไรก็ตาม iPhone Air ยังคงใช้วัสดุเป็นไทเทเนียม ร่วมกับกระจกเซรามิกซิลด์ทั้งหน้า และหลัง ทำให้มั่นใจได้ถึงเรื่องความแข็งแรงของตัวเครื่อง มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี คือ ดำ ขาว ทอง และฟ้า ในราคาเริ่มต้น 39,900 บาท
ส่วน iPhone 17 ปรับมาให้หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ได้หน้าจอ ProMotion แล้ว จากเดิมใน iPhone 16 อยู่ที่ 6.1 นิ้ว เนื่องจากพัฒนาให้ขอบจอบางลง รุ่นนี้ยังมากับกล้อง 2 ระยะ คือเลนส์ Wide 48 ล้านพิกเซล คู่กับเลนส์มุมกว้าง 48 ล้านพิกเซล และอัปเกรดกล้องหน้าเป็น 18 ล้านพิกเซล
ทั้งนี้ iPhone 17 ทำงานบนชิป Apple A19 ที่ให้ประสิทธิภาพดีขึ้นเมื่อเทียบกับ A18 โดยรุ่นเริ่มต้นมากับพื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB ขณะที่ iPhone Air ปรับมาใช้ชิป A19 Pro ที่กลายเป็นชิปประมวลผลบนสมาร์ทโฟนที่แรงที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการนำชิปการเชื่อมต่อไร้สาย Apple N1 และชิปโมเด็ม Apple C1X ที่ใช้พลังงานน้อยลง มาใช้งานด้วย
สำหรับ iPhone รุ่น Pro ปีนี้ ยังมากับ 2 ขนาดหน้าจอเช่นเดิมคือ iPhone 17 Pro ขนาด 6.3 นิ้ว และ iPhone 17 Pro Max ขนาดหน้าจอ 6.9 นิ้ว มากับเทคโนโลยี ProMotion 120 Hz ทำงานบนชิป A19 Pro มีให้เลือก 3 สีคือ สีเงิน สีน้ำเงิน Deep Blue และ ส้มคอสมิก
โดยจุดหลักที่มีการปรับปรุงคือกล้องโมดูลใหม่ในลักษณะแนวนอน พร้อมกับปรับดีไซน์หลังตัวเครื่อง มากับเลนส์ 3 ระยะเช่นเดิมคือ เลนส์ปกติ เลนส์มุมกว้าง และเลนส์เทเลโฟโต้ ที่จะให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งหมด เทียบเท่าระยะเลนส์ตั้งแต่ 13 - 200 มม. พร้อมอัปเกรดกล้องหน้าเป็น 18 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกัน
เหตุผลที่ iPhone 17 Pro กลับมาใช้อะลูมิเนียม ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของการระบายความร้อน โดยในรุ่นนี้ได้มีการเชื่อมต่อ Vapor Chamber เข้ากับโครงเครื่อง ทำให้ตัวเครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้งานได้แบบเต็มประสิทธิภาพนานขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับ iPhone 16 Pro โดยราคาจำหน่ายของ iPhone 16 Pro เริ่มต้นที่ 43,900 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดราคา iPhone 17 ซีรีส์
- Apple เปิดตัว AirPods Pro 3 เพิ่มแปลภาษา-วัดอัตราการเต้นหัวใจ
- ยกชุด Apple Watch ใหม่ ทั้งซีรีส์ Ultra 3, Watch 11 และ Watch SE 3