ซินเน็คเห็นกระแสการเติบโตอุปกรณ์นำทางในตลาดโลกไปได้สวย หวังเป็นผู้บุกเบิกสร้างตลาดในไทย จับมือ MIO ผู้ผลิตอุปกรณ์ GPS เบอร์หนึ่งของโลกเปิดตลาดอุปกรณ์นำทางในไทย วิเคราะห์จากตัวเลขการใช้งานไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบันจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขอเวลา 3 ปีดัน MIO ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในเมืองไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาด 30 เปอร์เซ็นต์ จากตลาดรวมที่คาดว่าจะสูงถึง 1 ล้านเครื่อง พร้อมตั้งเป้ายอดขายซินเน็คสิ้นปีที่ 11,000 ล้านบาท
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าไอทีแบบครบวงจร กล่าวว่า ซินเน็คมีพัฒนาการในการเป็นผู้ทำตลาดสินค้าไอทีมาอย่างต่อเนื่องปัจจุบันมีสินค้าทำตลาดกว่า 40 แบรนด์ มียอดขายในปีที่ผ่านมาประมาณ 9500 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 11,000 ล้านบาท หรือมีการเติบโตประมาณ 12-13 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดเห็นแนวโน้มการเติบโตของตลาดอุปกรณ์นำทางว่าจะมีการขยายตัวได้ดีอันเนื่องจากประโยชน์การใช้งานที่เหมาะกับสภาพการจราจรของประเทศไทยจำเป็นต้องมีเครื่องมือนำทางเพื่อมิให้หลงทางในสภาพการจราจรติดขัดอย่างทุกวันนี้ จึงเปิดตัวเป็นผู้ทำตลาด PND (Personal Navigation Device) แบรนด์ MIO ในประเทศไทย
น.ส.โซเนีย ชาน ผู้จัดการฝ่ายขาย Mio Technology Limited กล่าวว่า MIO เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ GPS ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก และเป็นตัวแทนผลิตให้กับอักหลายแบรนด์ในโลก ในปี 2006 อุปกรณ์GPS ภายใต้แบรดน์ MIO มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลก มียอดจำหน่ายมากว่า 1.4 ล้านเครื่องทั่วโลก โดย MIO เป็นแบรนด์เดียวที่มีอัตราการเติบโตในตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2007 ตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่ 3 ล้านเครื่อง
ในภาพรวมตลาดคาดว่าภายใน 3 ปีตลาดรวม GPS ในประเทศไทยจะขยายตัวถึง 1 ล้านเครื่อง ซึ่งในจำนวนนี้ MIO ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งในตลาดให้ได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยในครึ่งปีแรก MIO มียอดขายทั่วโลกรวมประมาณ 1.2 ล้านเครื่อง คาดว่าในสิ้นปีจะมียอดขายรวม 3.4 ล้านเครื่อง โดยมีส่วนแบ่งในการตลาดในเอเชียประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรวมทั้งหมดหรือประมาณ 6.8 แสนเครื่องในอนาคตตั้งเป้ามีส่วนแบ่งในตลาดโลกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ในปี 2008
นายสุพันธุ์กล่าวว่า การทำตลาด GPS ในเมืองไทยยังไม่ค่อยมีคู่แข่งมากนักอันเนื่องจากยังเป็นตลาดเฉพาะ แต่ทิศทางการขยายตัวเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อเทียบกับประเทศไต้หวันรถทุกคนที่ผลิตขึ้นจะมีอุปกรณ์เนวิเกตอร์ติดมาเป็นมาตรฐานในรถยนต์ทุกคันซึ่งเมื่อเทียบกับบ้านเราแล้วยังห่างไกลอีกมาก ซึ่งก็หมายถึงอัตราการเติบโตยังมีอีกมากเช่นกัน
ซินเน็คเปิดตัวเป็นผู้ทำตลาด MIO ในเมืองไทย เริ่มจากการเปิดตัว 2 รุ่นแรกคือ C520 และC 220 โดย MIO PND C520 มีจุดเด่นที่หน้าจอกว้างถึง 4.3 นิ้ว เหมาะสำหรับเป็นเครื่องมือนำทาง ทั้งเป็น โฟโต้ อัลบัม และเอ็มพี 3 ในตัว ตลอดจนสามารถใช้เป็นแฮนด์ฟรีติดรถยนต์ได้ด้วยการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ ใช้เป็นแฮนด์ฟรีโดยไม่ต้องยกหูทำตลาดในราคาเครื่องละ 16,900 บาท ส่วน C 220 เน้นการใช้งานติดในรถยนต์และจักรยานเสือภูเขา ทำตลาดในราคาเครื่องละ 11,900 บาท
เป้าหมายของซินเน็คในการทำตลาด MIO ในเมืองไทยอยู่ที่นักธุรกิจ คนทำงานรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยว ที่ต้องการความสะดวก สบายในการเดินทางโดยในปีแรกตั้งเป้าทำตลาดจีพีเอสของ MIO ไว้ที่ 150 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมจีพีเอสโฟนในปี 2007 ที่ประมาณ 700 ล้านบาท โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรวม
“เรามองว่าตลาดจีพีเอสน่าจะขยายตัวได้อีกมากไม่เฉพาะอยู่แต่ในตลาดวงการราชการเหมือนที่ผ่านมา โดยในเอกชนทั่วไปน่าจะมีความนิยมในงานมากขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่ตัวเครื่องมีราคาถูกลงจากก่อนหน้าที่จีพีเอสที่มีแผนที่ราคาประมาณ 30,000 บาท แต่ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท โดยในส่วนซินเน็คมองว่า นอกจากตลาดผู้ใช้ทั่วไปแล้วซินเน็คจะมีการจับมือกับค่ายรถยนต์ยี่ห้อต่างๆในการทำการตลาดรวมกัน”
ซินเน็คคาดว่าการเปิดตัว MIO ทั้ง 2 รุ่นในประเทไทยจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาอัตราการใช้GPS เมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์ในประเทศไทยยังต่ำกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มเป็น 0.7 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2551 และ 2.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2552
ผู้บริหารซินเน็คกล่าวว่ าในการทำตลาด MIO ซินเน็คตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดให้ได้ใน 3 ปี คือมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 50,000 เครื่อง จากปัจจุบันตลาดรวม GPS ในเมืองไทยตกประมาณ 7-8 หมื่นเครื่องต่อปี โดยในสิ้นปีนี้คาดว่าจะทำตลาดได้ประมาณ 3,000 เครื่อง จากการเติบโตของตลาดGPS ปีละประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
Company Related Links :
Synnex