ฟูจิตสึ โน้ตบุ๊ก เดินหน้าขายแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20% พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งตลาดกลุ่มไฮเอนด์ เป็น 5% ชูกลยุทธ์บนจุดแข็งด้านเทคโนโลยี เน้นพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง รุกตลาดธุรกิจ การศึกษา ไตรสมาส 1-2 ส่งระดับราคาถูก 4 หมื่นชนคู่แข่ง เกาะกลุ่มผู้ใช้เริ่มต้น หวังใช้ชิมลางต่อยอดซื้อเครื่องถัดไปในอนาคต
นายชูศักดิ์ ธรรมสิทธิ์บูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มผลิตภัณฑ์พีซี บริษัท ฟูจิตสึ ซิสเต็ม บิสสิเนส กล่าวว่า แนวโน้มของตลาดคอมพิวเตอร์ในเมืองไทยในปี 2550 มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังขยายตัวได้อีก ประมาณ 10% โดยคิดเป็นยอดจำหน่ายประมาณ 1.4 – 1.5 ล้านยูนิต คิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 162,717 ล้านบาท โดยการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากปัจจัยด้านบวกต่างๆหลายประการ เช่น ความสามารถในการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐบาล ราคาน้ำมันในประเทศมีเสถียรภาพมากกว่าปี 2549 รวมถึง อัตราเงินเฟ้อในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลง และความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายซื้อสินค้ามากกว่าปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันอัตราการครอบครองคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของไทยยังอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เป็นช่องว่างให้ตลาดไอทีในไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในด้านพฤติกรรมผู้บริโภคได้มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น โดยทำการศึกษาข้อมูลเตรียมตัวก่อนที่เลือกซื้อคอมพิวเตอร์ มีการเลือกสเปคตามการใช้งาน บริการหลังการขาย มากกว่าการคำนึงถึงการลดราคา หรือ ใช้โปรโมชั่นราคาเป็นแรงจูงใจต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ
สำหรับการแข่งขันในตลาดไอที ปัจจุบันตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กมีการแข่งกันลดราคา โดยการตัดทอนอุปกรณ์เสริมบางอย่างเพื่อลดต้นทุนและยอมรับกำไรต่อเครื่องลดลง แต่ฟูจิตสึจะเน้นการบริการที่เป็นเลิศ พัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่องและไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ของฟูจิตสึ เช่น การรับประกันสินค้าฟูจิตสึจะรับประกันสินค้าทุกรุ่น 3 ปีในขณะที่โน้ตบุ๊กหลายแบรนด์จะรับประกันเพียง 1 ปี
“ในปี 2550 ฟูจิตสึ จะเน้นสร้างความแตกต่างระหว่างแบรนด์ฟูจิตสึเองกับแบรนด์อื่นๆในตลาด โดยเฉพาะในระดับไฮเอนด์ ที่จะเน้นถึงข้อดี ส่วนเพิ่มเติมทางด้านเทคโนโลยีและการใช้งาน ในขณะที่แบรนด์อื่นนั้นไม่มี ซึ่งจะให้เห็นถึงความแตกต่างในทุกๆด้าน รวมถึง ราคา เมื่อนำมาเปรียบกันแบบรุ่นต่อรุ่นโดยเป้าหมายของ ฟูจิตสึ คือเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมในตลาดโน้ตบุ๊ก”
ด้านแผนการตลาดในปี 2550 นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ฟูจิตสึยังคงเน้นเจาะกลุ่มระดับไฮเอนด์ เหมาะสำหรับผู้บริหาร และมืออาชีพในงานเฉพาะทางสำหรับมืออาชีพสาขาต่างๆ เช่น วิศวกร ดีไซเนอร์ นายแพทย์ นักการตลาด ส่วนกลยุทธ์สื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายจะเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง โดยใช้การสื่อสารแบบผสมผสานเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด ทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การจัดอีเวนท์และการบริการหลังการขาย
ในด้านช่องทางจัดจำหน่ายในกรุงเทพและปริมณฑล ปัจจุบันมีฟูจิตสึช็อป 8 แห่ง คือ ฟอร์จูนทาวน์,ซีคอนสแควร์, เซียร์รังสิต, ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต, เดอะมอลล์ งามวงค์วาน, เซ็นทรัลพระราม 2 ขอนแก่น, ภูเก็ต ส่วนฟูจิตสึ คอร์เนอร์ มี 7 แห่ง คือ ไอทีสแควร์, พันธ์ทิพย์ ชั้น 2 และชั้น 4, เสรีเซ็นเตอร์, ขอนแก่น, ภูเก็ต, เชียงราย, เชียงใหม่, ลำปาง, หาดใหญ่ และฟูจิตสึจะขยายฐานลูกค้าโดยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นทั้งในส่วนของศูนย์บริการและดีลเลอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในต่างจังหวัด และเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดสอบผลิตภัณฑ์ของฟูจิตสึได้มากขึ้น การสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านประสบการณ์การใช้งานสินค้าของฟูจิตสึผ่านตัวแทนจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของฟูจิตสึ
“ศูนย์บริการลูกค้าฟูจิตสึเซ็นเตอร์ซึ่งเปิดบริการโดยไม่มีวันหยุดอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 7 ปีเพื่อให้ลูกค้าได้รับสะดวก ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความประทับใจแก่ผู้บริโภคมาตลอด โดยความแตกต่างที่มีของเรากับคู่แข่งนั่น เห็นได้อย่างได้ชัด คือ เรื่องของเวลาการส่งซ่อม หากมาที่นี่ ก็จะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง เรามีอะไหล่สำรองให้ทันที หากเป็น ใน กทม. ก็ใช้เวลา 1 วัน แต่ถ้ามาจาก ต่างจังหวัด ที่ส่งผ่านตัวแทน ก็จะใช้เวลาไม่เกิน 3 – 4 วัน”
สำหรับตลาดโน๊ตบุ๊กในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นตลาดองค์กร, เอสเอ็มอี, ราชการ, โรงพยาบาล, กลุ่มผู้ใช้ในบ้านหรือตลาดการศึกษา เห็นได้ว่าตลาดนักเรียนนักศึกษาเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีการขยายตัวรวดเร็ว นอกจากมุ่งตลาดเอสเอ็มอี, องค์กรและคนทำงานแล้ว ฟูจิตสึยังเน้นการทำตลาดการบริการ เช่น การใช้แทบเบล็ตพีซีรุ่น P1510 ในการพัฒนาบริการที่ดีเลิศแก่ลูกค้าเอไอเอส เซเรเนดคลับ
ตลาดการศึกษา จะเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่ม เด็กรุ่นใหม่เป็น Mobility Generation เสริมสร้างประสบการณ์วัยเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้หลายสถาบันการศึกษาหันมาใช้โน๊ตบุ๊กและแทบเบล็ตพีซีเป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างกว้างขวางในระดับบนและกลาง ที่ผ่านมาฟูจิตสึได้ร่วมกับสถาบันการศึกษาหลายแห่งพัฒนาการใช้แทบเบล็ตพีซีในกิจกรรมการเรียนการสอนเช่น โรงเรียน NIST สั่งซื้อจำนวน แทบเบล็ตพีซี ฟูจิตสึ 200 เครื่อง ตลาดการศึกษาจะโตขึ้นจากปีที่แล้วอย่างน้อย 80% และคาดว่าในปี 2007 ตลาดภาคการศึกษาจะเติบโตถึง 28,000 ยูนิต ซึ่งโปรดักส์ในกลุ่มนี้ ฟูจิตสึ จะนำเสนอในรุ่นที่อยู่ในระดับราคา 4 – 5 หมื่นบาท ซึ่งเหมาะในกลุ่มผู้เริ่มต้น
“เราตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยมีส่วนแบ่งตลาด 3% ปีหน้าต้องทำให้ได้ 5% โดยคาดว่าตลาดรวมจะมีการเติบโตถึง 25% จากปีนี้ที่จะมียอดขายรวมประมาณ 550,000 เครื่อง”
นายชูศักด์ กล่าวอีกว่า ในช่วงต้นไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2550 ฟูจิตสึ จะนำ โน้ตบุ๊ก ที่ ใช้ชิพประมวลผลล่าสุดจากไมโครซอฟท์ Intel Core 2 Duo มาช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า ประหยัดพลังงาน และน้ำหนักเบา บางรุ่นน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม เช่น รุ่น LifeBook P1610, LifeBook Q2010 พร้อมกับนวัตกรรมระบบ Shock Sensor (SSU) ลดความเสี่ยงให้ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัยในการใช้เคลื่อนย้ายโน้ตบุ๊ค ป้องกันข้อมูลสูญหายหากโน้ตบุ๊คตกทระทบพื้น และลดความเสี่ยงต่อข้อมูลที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์
นอกจากรุ่นดังกล่าวแล้ว ฟูจิตสึ ยังได้เตรียมนำได้แก่ แทบเบล็ต พีซี P1610, T4215 Stylistic ST5111 / ST5112 ซึ่งจะเป็นแทปเล็ตพีซี รุ่นแรกในตลาด ที่จะไม่มีการใช้คีย์บอร์ด เข้ามาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งหากเปรียบได้ก็จะเหมือนพีดีเอ ขนาดใหญ่ ส่วนกลุ่ม โน้ตบุ๊ก Fujitsu LifeBook E8210, E8110 และ N6420 จะเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นแรกที่รองรับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ Windows Vista ซึ่งโปรแกรมนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสืบค้นข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มีเทคโนโลยีแสดงผลแบบสามมิติ ซึ่งระหว่างนี้ได้เริ่มมีการทดสอบผลิตภัณฑ์สินค้าในกลุ่มนี้แล้ว
"ปีหน้าคุณจะเห็นโน้ตบุ๊ก กลุ่มโลว์เอนด์ หรือ ระดับราคา 4 -5 หมื่นบาท ซึ่งทางฟูจิตสึ ญี่ปุ่น ได้ให้โควต้า เพิ่มขึ้น เป็น 20% หรือเข้ามาจำหน่าย 2-3 รุ่น จากเดิม มีเพียง 1 รุ่น เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัส และศึกษาเริ่มต้น นำไปเปรียบกับแบรนด์อื่นในตลาด ซึ่งยังไม่รวมเทรนด์แฟชั่น ที่ขายดีไซน์และสี เพื่อให้ลูกค้าในกลุ่มนี้มีโอกาสเลือกมากขึ้น”
Company Related Links:
Fujitsu