กสท.เตรียมเปิดบริการนำร่องมือถือซีดีเอ็มเอ 10 จว.ภูมิภาค 1 ต.ค.นี้ หวังหาประสบการณ์ตลาดก่อนเปิดใช้เต็มรูปแบบ 51 จว.ปลายม.ค. 2550 หลังรับมอบโครงข่ายเฟสสองครบ 1,600 สถานีฐาน พรัอมสนับสนุนเทคโนพระจอมเกล้า 10 ล้านบาทพัฒนาแอปพลิเคชั่นบนระบบซีดีเอ็มเอ
นายพิศาล จอโภชาอุดม รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่าในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ กสท จะเริ่มเปิดให้บริการนำร่องเชิงพาณิชย์ (Soft Commercial Luanch)โทรศัพท์มือถือระบบซีดีเอ็มเอ ในภูมิภาคโดยได้เลือกจังหวัดที่มีความพร้อมก่อนประมาณ 10 จังหวัด อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น ก่อนจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบหลังการส่งมอบโครงข่าย ทั้ง 51 จังหวัดปลายเดือนม.ค.2550 ซึ่ง กสท ต้องการศึกษาพฤติกรรมรูปแบบการใช้งานและทดสอบการให้บริการบนระบบ ซีดีเอ็มเอ 20001x EVDO
“กสทจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการนำร่องให้บริการเชิงพาณิชย์ เพื่อทดสอบและศึกษาพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อนำมาวางแผนการตลาดเพื่อให้บริการในไตรมาสแรกปีหน้า หลังรับมอบโครงข่ายเฟสสอง”
สำหรับการเปิดทดลองให้บริการในครั้งนี้ลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือของฮัทช์ สามารถนำโทรศัพท์ไปใช้ในต่างจังหวัดได้ ทั้งรูปแบบของเสียงและบริการด้านข้อมูล เพราะกสทได้เจรจาโรมมิ่งเครือข่ายกับบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ในระหว่างนี้ กสท กับ ฮัทช์ ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาหาข้อสรุปในด้านการร่วมบริการและการลงทุนซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้านี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยถึงแนวทางการเจรจาได้
เขายังกล่าวอีกว่า การเข้ามาแข่งขันในช่วงแรกของตลาดโทรศัพท์มือถือต้องยอมรับว่า กสท ยังเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดแต่หาก กสท ทำตลาดได้อย่างเต็มรูปแล้วก็สามารถแข่งขันได้เท่าเทียมกับรายอื่นได้อย่างไม่มีปัญหาเพราะได้มีการลงทุนสร้างโครงข่ายไว้ 51 จังหวัด รวมทั้งกสทยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องในการพัฒนาบริการให้คลอบคลุมกับความต้องการลูกค้าให้มากที่สุด ทั้งนี้ กสทเตรียมพิจารณาติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มในเฟส 3 และ 4 โดยในส่วนของงบประมาณที่จะนำมาลงทุนเพิ่มเติมนั้นจะต้องพิจารณาจากจำนวนอุปกรณ์ที่จะนำมาติดตั้งก่อนว่าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ จึงจะสามารถกำหนดตัวเลขการลงทุนได้
สำหรับอัตราค่าบริการในช่วงนำร่องเชิงพาณิชย์ จะคิดประมาณเดือนละ 300 บาทในส่วนการใช้งานด้านเสียง ส่วนการสื่อสารข้อมูลผ่านแอร์การ์ด อยู่ระหว่างการตัดสินใจ
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกลยุทธ์องค์กร กสท กล่าวว่าฝ่ายบริหารได้เสนอแผนการแข่งขันและปัญหาที่มีผลกระทบกับทิศทางการเติบโตทางธุรกิจให้กับบอร์ดกสทชุดใหม่รับทราบแล้วเพื่อให้ไม่เกิดภาวะสุญญากาศ และเพื่อให้สานต่อโครงการที่ชะลออยู่ได้ทันทีซึ่งจะช่วยให้ กสทสามารถเดินหน้าแข่งขันได้
“ทุกกลุ่มธุรกิจและบริการได้เตรียมแผนธุรกิจไว้หมดแล้ว แต่มีปัญหาจากบอร์ดเก่าลาออก ซึ่งอาจทำให้แผนสะดุดลงบ้างแต่เชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะเข้ารูปเข้ารอยเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างไทยโมบายก็เชื่อว่าจะจบได้เร็วไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นทีโอทีเอาไปบริหารหรือออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับบอร์ดจะพิจารณา”
นอกจากนี้ในเรื่องเทคโนโลยีซีดีเอ็มเอ กสทยังได้ลงนามร่วมเป็นพันธมิตรทางวิชาการกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเข้าคุณทหารลาดกระบัง สนับสนุนเงิน 10 ล้านบาท ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ซอฟต์แวร์ นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ด้านสื่อสารโทรคมนาคม พร้อมการต่อยอดด้านการศึกษาให้กับบุคลากร
สำหรับโครงการวิจัย ที่ทำวิจัยและเสร็จสิ้นไปแล้ว ได้แก่โครงการระบบจัดส่งรถให้บริการขนส่งและบริการขนส่งอย่างชาญฉลาดผ่านเครือข่ายซีดีเอ็มเอที่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือซีดีเอ็มเอหรือใช้ผ่านคอลเซ็นเตอร์ เรียกรถแท็กซี่ คันที่อยู่ใกล้ โดยระบบนี้จะสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างแท็กซี่ไปยังศูนย์ข้อมูลเพื่อการเดินทาง โดยผ่านคลื่นซีดีเอ็มเอ โดยได้ใช้งบประมาณไปเป็นจำนวน 749,700 บาท
ส่วนโครงการที่ยังดำเนินการอยู่ ได้แก่ โครงการวิดีโอบล็อกบนเครือข่ายซีดีเอ็มเอ สำหรับการสื่อสารข้อมูล ภาพ เสียงให้กับลูกค้าใช้เป็นสังคมสื่อสารเฉพาะใช้งบ 899,000 บาท และโครงการซิพเซิร์ฟเวอร์ ซิพมัลติมีเดียเทอร์มินัล และชิพมัลติพอยท์คอนโทรลยูนิต เพื่อรองรับบริการวีโอไอพี การประชุมทางไกล ที่จะนำไปใช้บริหารจัดการในธุรกิจส่วนสื่อสารข้อมูลและอินเทอร์เน็ต โดยได้ใช้งบ 827,000 บาท
“ยังมีอีกหลายโปรเจกต์ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนาโดยเฉพาะตู้คีออส จำหน่ายบัตรโทรศัพท์โทรระหว่างประเทศ พร้อมการชำระเงินออนไลน์ ผ่านระบบเครือข่ายซีดีเอ็มเอ ที่ กสท ได้ลงทุนไปหลายล้านบาท ซึ่งปลายปีนี้ก็อาจจะเปิดตัวและนำมาให้บริการ”
การพัฒนาครั้งนี้กสทต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มและจุดแข็งให้กับส่วนบริการต่างๆ โดยเฉพาะบริการผ่านระบบซีดีเอ็มเอเพราะในส่วนนี้จะเป็นจุดแข็งในด้านการสร้างความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นและการสร้างบริการในรูปแบบใหม่ให้เป็นทางเลือกที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในชีวิตประจำวันนอกเหนือจากการใช้บริการมือถือเพียงอย่างเดียวและใช้โครงข่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Company Related Link:
CAT
นายพิศาล จอโภชาอุดม รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่าในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ กสท จะเริ่มเปิดให้บริการนำร่องเชิงพาณิชย์ (Soft Commercial Luanch)โทรศัพท์มือถือระบบซีดีเอ็มเอ ในภูมิภาคโดยได้เลือกจังหวัดที่มีความพร้อมก่อนประมาณ 10 จังหวัด อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น ก่อนจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบหลังการส่งมอบโครงข่าย ทั้ง 51 จังหวัดปลายเดือนม.ค.2550 ซึ่ง กสท ต้องการศึกษาพฤติกรรมรูปแบบการใช้งานและทดสอบการให้บริการบนระบบ ซีดีเอ็มเอ 20001x EVDO
“กสทจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการนำร่องให้บริการเชิงพาณิชย์ เพื่อทดสอบและศึกษาพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อนำมาวางแผนการตลาดเพื่อให้บริการในไตรมาสแรกปีหน้า หลังรับมอบโครงข่ายเฟสสอง”
สำหรับการเปิดทดลองให้บริการในครั้งนี้ลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือของฮัทช์ สามารถนำโทรศัพท์ไปใช้ในต่างจังหวัดได้ ทั้งรูปแบบของเสียงและบริการด้านข้อมูล เพราะกสทได้เจรจาโรมมิ่งเครือข่ายกับบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ในระหว่างนี้ กสท กับ ฮัทช์ ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาหาข้อสรุปในด้านการร่วมบริการและการลงทุนซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้านี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยถึงแนวทางการเจรจาได้
เขายังกล่าวอีกว่า การเข้ามาแข่งขันในช่วงแรกของตลาดโทรศัพท์มือถือต้องยอมรับว่า กสท ยังเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดแต่หาก กสท ทำตลาดได้อย่างเต็มรูปแล้วก็สามารถแข่งขันได้เท่าเทียมกับรายอื่นได้อย่างไม่มีปัญหาเพราะได้มีการลงทุนสร้างโครงข่ายไว้ 51 จังหวัด รวมทั้งกสทยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องในการพัฒนาบริการให้คลอบคลุมกับความต้องการลูกค้าให้มากที่สุด ทั้งนี้ กสทเตรียมพิจารณาติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มในเฟส 3 และ 4 โดยในส่วนของงบประมาณที่จะนำมาลงทุนเพิ่มเติมนั้นจะต้องพิจารณาจากจำนวนอุปกรณ์ที่จะนำมาติดตั้งก่อนว่าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ จึงจะสามารถกำหนดตัวเลขการลงทุนได้
สำหรับอัตราค่าบริการในช่วงนำร่องเชิงพาณิชย์ จะคิดประมาณเดือนละ 300 บาทในส่วนการใช้งานด้านเสียง ส่วนการสื่อสารข้อมูลผ่านแอร์การ์ด อยู่ระหว่างการตัดสินใจ
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกลยุทธ์องค์กร กสท กล่าวว่าฝ่ายบริหารได้เสนอแผนการแข่งขันและปัญหาที่มีผลกระทบกับทิศทางการเติบโตทางธุรกิจให้กับบอร์ดกสทชุดใหม่รับทราบแล้วเพื่อให้ไม่เกิดภาวะสุญญากาศ และเพื่อให้สานต่อโครงการที่ชะลออยู่ได้ทันทีซึ่งจะช่วยให้ กสทสามารถเดินหน้าแข่งขันได้
“ทุกกลุ่มธุรกิจและบริการได้เตรียมแผนธุรกิจไว้หมดแล้ว แต่มีปัญหาจากบอร์ดเก่าลาออก ซึ่งอาจทำให้แผนสะดุดลงบ้างแต่เชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะเข้ารูปเข้ารอยเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างไทยโมบายก็เชื่อว่าจะจบได้เร็วไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นทีโอทีเอาไปบริหารหรือออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับบอร์ดจะพิจารณา”
นอกจากนี้ในเรื่องเทคโนโลยีซีดีเอ็มเอ กสทยังได้ลงนามร่วมเป็นพันธมิตรทางวิชาการกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเข้าคุณทหารลาดกระบัง สนับสนุนเงิน 10 ล้านบาท ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ซอฟต์แวร์ นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ด้านสื่อสารโทรคมนาคม พร้อมการต่อยอดด้านการศึกษาให้กับบุคลากร
สำหรับโครงการวิจัย ที่ทำวิจัยและเสร็จสิ้นไปแล้ว ได้แก่โครงการระบบจัดส่งรถให้บริการขนส่งและบริการขนส่งอย่างชาญฉลาดผ่านเครือข่ายซีดีเอ็มเอที่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือซีดีเอ็มเอหรือใช้ผ่านคอลเซ็นเตอร์ เรียกรถแท็กซี่ คันที่อยู่ใกล้ โดยระบบนี้จะสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างแท็กซี่ไปยังศูนย์ข้อมูลเพื่อการเดินทาง โดยผ่านคลื่นซีดีเอ็มเอ โดยได้ใช้งบประมาณไปเป็นจำนวน 749,700 บาท
ส่วนโครงการที่ยังดำเนินการอยู่ ได้แก่ โครงการวิดีโอบล็อกบนเครือข่ายซีดีเอ็มเอ สำหรับการสื่อสารข้อมูล ภาพ เสียงให้กับลูกค้าใช้เป็นสังคมสื่อสารเฉพาะใช้งบ 899,000 บาท และโครงการซิพเซิร์ฟเวอร์ ซิพมัลติมีเดียเทอร์มินัล และชิพมัลติพอยท์คอนโทรลยูนิต เพื่อรองรับบริการวีโอไอพี การประชุมทางไกล ที่จะนำไปใช้บริหารจัดการในธุรกิจส่วนสื่อสารข้อมูลและอินเทอร์เน็ต โดยได้ใช้งบ 827,000 บาท
“ยังมีอีกหลายโปรเจกต์ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนาโดยเฉพาะตู้คีออส จำหน่ายบัตรโทรศัพท์โทรระหว่างประเทศ พร้อมการชำระเงินออนไลน์ ผ่านระบบเครือข่ายซีดีเอ็มเอ ที่ กสท ได้ลงทุนไปหลายล้านบาท ซึ่งปลายปีนี้ก็อาจจะเปิดตัวและนำมาให้บริการ”
การพัฒนาครั้งนี้กสทต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มและจุดแข็งให้กับส่วนบริการต่างๆ โดยเฉพาะบริการผ่านระบบซีดีเอ็มเอเพราะในส่วนนี้จะเป็นจุดแข็งในด้านการสร้างความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นและการสร้างบริการในรูปแบบใหม่ให้เป็นทางเลือกที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในชีวิตประจำวันนอกเหนือจากการใช้บริการมือถือเพียงอย่างเดียวและใช้โครงข่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Company Related Link:
CAT