แคนนอนวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตในตลาดกล้องมือโปรเปลี่ยนเลนส์ได้จะได้รับความนิยมอย่างมากในปีนี้ คาดตลาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% อินเทนต์ตามกระแสโลกและการตอบรับจากผู้ใช้ที่ต้องการฟังกชันการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ผู้นำตลาดอย่างแคนนอนทุ่มงบการตลาดกว่า 25 ล้าน หวังขยายตลาดกล้องระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ ตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำด้วยจุดขายการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ล่าสุดจัดงาน “Canon EOS Expo 2006” รวมพลคนรักกล้อง ให้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่ๆจากแคนนอนโดยตรง
นายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ส่วน Consumer Imaging and Information บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) กล่าวถึงทิศทางการทำตลาดกล้องดิจิตอลในประเทศไทยว่า จากภาพรวมของตลาดกล้องซึ่งแบ่งเป็นกล้องประเภทคอมแพ็ก ที่เน้นการใช้งานง่าย เป็นตลาดหลักได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ที่เหมาะสำหรับนักเล่นกล้องมืออาชีพ ซึ่งโดยรวมของตลาดแล้วสัดส่วนใหญ่ยังเป็นของกล้องคอมแพ็กที่มีส่วนแบ่งในตลาดมากถึง 70 % โดยมีกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ เป็นตลาดที่รองลงมา
แต่ในปี 49 ประเทศไทยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างชัดเจน โดยตลาดกล้องระดับนี้จะได้รับความนิยมเพิ่มมากยิ่งขึ้น คาดว่าตลาดรวมจะมีการเติบโตประมาณ 20% โดยการเติบโตของตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ เติบโตขึ้นตามแนวโน้มของตลาดโลกที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน เมื่อใช้กล้องประเภทคอมแพ็กไประดับหนึ่งแล้วจะมีความต้องการใช้งานกล้องมีที่มีลูกเล่น และประสิทธิภาพการใช้งานที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น และเมื่อได้งานฟังก์ชันใหม่ๆ ในระดับหนึ่งแล้วก็จะต้องการฟังก์ชันการทำงานในระดับสูงขึ้นไป
ในส่วนของแคนนอนนอกจากจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดกล้องคอมแพ็กแล้วในปีนี้ยังให้ความสำคัญการทำตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างมาก
“จากตลาดรวมกล้องคอมแพ็กประมาณ 8 แสนตัว แคนนอนมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 10% และมีส่วนแบ่งในตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ประมาณ 40% จากตลาดรวมประมาณ 3-40,000 ตัว โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา แคนนอนทำยอดขายโดยรวมกล้องคอมแพ็กได้ประมาณ 40% และอีก 40% เช่นกันเป็นยอดขายที่มาจากกล้องระดับมือโปรหรือกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้
ที่ผ่านมาแคนนอนเป็นผู้นำอันดับในตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ในปีนี้แคนนอนวางงบการด้านการตลาดไว้ประมาณ 25 ล้านบาท เพื่อให้ความสำคัญกับตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้โดยเฉพาะ โดยจะออกมาในรูปแบบหลายอย่าง ส่วนหนึ่งเป็นการจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ เพื่อให้รักเล่นกล้องมืออาชีพได้สัมผัสความทันสมัยของกล้องระดับนี้อย่างจริงๆ
ล่าสุดแคนนอนทุ่มงบประมาณ 5 ล้านจัดงาน “Canon EOS Expo 2006” ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน แสดงและจำหน่ายอุปกรณ์การถ่ายภาพที่รวมเอากล้องดิจิตอลใหม่ล่าสุดของแคนนอนทุกรุ่น พร้อมเลนส์และอุปกรณ์เสริมต่างๆมาแสดง พร้อมจัดสัมมนา และมินิคอนเสิร์ต ตลอดจนร่วมถ่ายทอดประสบการณ์จริงด้านการถ่ายภาพจากดาราและนางแบบชื่อดัง
“แคนนอนตั้งเป้าให้งานนี้เป็นงานโชว์เทคโนโลยี ตลอดจนความทันสมัยต่างๆ ที่นักเล่นกล้องมืออาชีพจะได้มาสัมผัสโดยตรง โดยมีกล้องทุกระดับราคา อย่างตัวแพงสุดประมาณ 3 แสน บาท ไม่รวมเลนส์ พร้อมส่งเสริมการอัดภาพเองผ่านทางอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ โดยชูความเป็นตัวของผลงานที่ได้จากการอัด ไม่ต้องกลัวถูกก็อปปี้ไฟล์ไว้เหมือนอัดที่ร้านค้า”
แคนนอนสื่อสารการตลาดกับลูกค้าในกลุ่มระดับมือโปร หรือนักเล่นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้จากฐานลูกค้าของแคนนอนในตลาดที่มีอยู่ประมาณ 2,000 ราย ซึ่งคาดว่าลูกค้าในกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดงานประเภทนี้อย่างมาก
แคนนอนให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อให้แคนนอนเป็นผู้นำในตลาดอยู่ตลอดเวลา โดยในแต่ละปีแคนนอนใช้งบด้านการวิจัยและพัฒนาประมาณ 10% ของยอดขายรวมทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาแคนนอนประสบความสำเร็จในการสร้างความเป็นผู้นำตลาดด้วยเทคโนโลยีใหม่ อย่าง อายคอนโทรล การป้องกันภาพสั่นไหว หรือแม้แต่ล่าสุดที่อยู่ในโปรโตไทย์ ยังไม่มีการทำตลาดออกมา เช่น ความฉลาดของกล้องที่จะไม่ทำงานถ้าภาพบุคคลที่จะถ่ายไม่ยิ้ม และหากหลับตากล้องก็จะไม่โฟกัส เป็นต้น
ขณะที่แนวโน้มความทันสมัยของเทคโนโลยีใหม่ๆ มีให้เห็นกันอย่างไม่ขาดสาย ความนิยมของกล้องประเภทที่ต้องใช้ฟิลม์ก็ลดน้อยลงไปทุกวัน ผู้บริหารแคนนอนประมาณการว่าตลาดรวมของกล้องที่ใช้ฟิลม์ปัจจุบันน่าจะเหลืออยู่ไม่ถึง 10% ของตลาดรวมกล้องทั้งหมด
Company Related Links :
Canon
นายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ส่วน Consumer Imaging and Information บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) กล่าวถึงทิศทางการทำตลาดกล้องดิจิตอลในประเทศไทยว่า จากภาพรวมของตลาดกล้องซึ่งแบ่งเป็นกล้องประเภทคอมแพ็ก ที่เน้นการใช้งานง่าย เป็นตลาดหลักได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ที่เหมาะสำหรับนักเล่นกล้องมืออาชีพ ซึ่งโดยรวมของตลาดแล้วสัดส่วนใหญ่ยังเป็นของกล้องคอมแพ็กที่มีส่วนแบ่งในตลาดมากถึง 70 % โดยมีกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ เป็นตลาดที่รองลงมา
แต่ในปี 49 ประเทศไทยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างชัดเจน โดยตลาดกล้องระดับนี้จะได้รับความนิยมเพิ่มมากยิ่งขึ้น คาดว่าตลาดรวมจะมีการเติบโตประมาณ 20% โดยการเติบโตของตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ เติบโตขึ้นตามแนวโน้มของตลาดโลกที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน เมื่อใช้กล้องประเภทคอมแพ็กไประดับหนึ่งแล้วจะมีความต้องการใช้งานกล้องมีที่มีลูกเล่น และประสิทธิภาพการใช้งานที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น และเมื่อได้งานฟังก์ชันใหม่ๆ ในระดับหนึ่งแล้วก็จะต้องการฟังก์ชันการทำงานในระดับสูงขึ้นไป
ในส่วนของแคนนอนนอกจากจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดกล้องคอมแพ็กแล้วในปีนี้ยังให้ความสำคัญการทำตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างมาก
“จากตลาดรวมกล้องคอมแพ็กประมาณ 8 แสนตัว แคนนอนมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 10% และมีส่วนแบ่งในตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ประมาณ 40% จากตลาดรวมประมาณ 3-40,000 ตัว โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา แคนนอนทำยอดขายโดยรวมกล้องคอมแพ็กได้ประมาณ 40% และอีก 40% เช่นกันเป็นยอดขายที่มาจากกล้องระดับมือโปรหรือกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้
ที่ผ่านมาแคนนอนเป็นผู้นำอันดับในตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ในปีนี้แคนนอนวางงบการด้านการตลาดไว้ประมาณ 25 ล้านบาท เพื่อให้ความสำคัญกับตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้โดยเฉพาะ โดยจะออกมาในรูปแบบหลายอย่าง ส่วนหนึ่งเป็นการจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ เพื่อให้รักเล่นกล้องมืออาชีพได้สัมผัสความทันสมัยของกล้องระดับนี้อย่างจริงๆ
ล่าสุดแคนนอนทุ่มงบประมาณ 5 ล้านจัดงาน “Canon EOS Expo 2006” ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน แสดงและจำหน่ายอุปกรณ์การถ่ายภาพที่รวมเอากล้องดิจิตอลใหม่ล่าสุดของแคนนอนทุกรุ่น พร้อมเลนส์และอุปกรณ์เสริมต่างๆมาแสดง พร้อมจัดสัมมนา และมินิคอนเสิร์ต ตลอดจนร่วมถ่ายทอดประสบการณ์จริงด้านการถ่ายภาพจากดาราและนางแบบชื่อดัง
“แคนนอนตั้งเป้าให้งานนี้เป็นงานโชว์เทคโนโลยี ตลอดจนความทันสมัยต่างๆ ที่นักเล่นกล้องมืออาชีพจะได้มาสัมผัสโดยตรง โดยมีกล้องทุกระดับราคา อย่างตัวแพงสุดประมาณ 3 แสน บาท ไม่รวมเลนส์ พร้อมส่งเสริมการอัดภาพเองผ่านทางอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ โดยชูความเป็นตัวของผลงานที่ได้จากการอัด ไม่ต้องกลัวถูกก็อปปี้ไฟล์ไว้เหมือนอัดที่ร้านค้า”
แคนนอนสื่อสารการตลาดกับลูกค้าในกลุ่มระดับมือโปร หรือนักเล่นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้จากฐานลูกค้าของแคนนอนในตลาดที่มีอยู่ประมาณ 2,000 ราย ซึ่งคาดว่าลูกค้าในกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดงานประเภทนี้อย่างมาก
แคนนอนให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อให้แคนนอนเป็นผู้นำในตลาดอยู่ตลอดเวลา โดยในแต่ละปีแคนนอนใช้งบด้านการวิจัยและพัฒนาประมาณ 10% ของยอดขายรวมทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาแคนนอนประสบความสำเร็จในการสร้างความเป็นผู้นำตลาดด้วยเทคโนโลยีใหม่ อย่าง อายคอนโทรล การป้องกันภาพสั่นไหว หรือแม้แต่ล่าสุดที่อยู่ในโปรโตไทย์ ยังไม่มีการทำตลาดออกมา เช่น ความฉลาดของกล้องที่จะไม่ทำงานถ้าภาพบุคคลที่จะถ่ายไม่ยิ้ม และหากหลับตากล้องก็จะไม่โฟกัส เป็นต้น
ขณะที่แนวโน้มความทันสมัยของเทคโนโลยีใหม่ๆ มีให้เห็นกันอย่างไม่ขาดสาย ความนิยมของกล้องประเภทที่ต้องใช้ฟิลม์ก็ลดน้อยลงไปทุกวัน ผู้บริหารแคนนอนประมาณการว่าตลาดรวมของกล้องที่ใช้ฟิลม์ปัจจุบันน่าจะเหลืออยู่ไม่ถึง 10% ของตลาดรวมกล้องทั้งหมด
Company Related Links :
Canon