หัวเหว่ยหวังครองเจ้าตลาดไอพีเน็ตเวิร์ก

หัวเหว่ยโชว์ศักยภาพตลาดสื่อสารข้อมูลโดยเฉพาะเรื่องไอพีเน็ตเวิร์กที่เป็นเจ้าตลาดในประเทศไทยระดับโอเปอเรเตอร์ พร้อมเล็งโครงการไอพีเน็ตเวิร์กของทีโอที ที่คาดว่าจะสร้างยอดขายให้หัวเหว่ยในไทยระดับหลายพันจนถึงหมื่นล้านบาท

Tony Hu หัวหน้าวิศวกรแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูล บริษัท หัวเหว่ย (มาเลเซีย) กล่าวถึงตลาดสื่อสารข้อมูล (Data Communications) ในงานคอมมิวนิคเอเชียที่ประเทศสิงคโปร์ว่า ในประเทศไทยมีความต้องการและการเติบโตสูง โดยหัวเหว่ยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มลูกค้าโอเปอเรเตอร์แซงหน้าซิสโก้ ซิสเต็มส์ ตั้งแต่ปี 2005 ที่ผ่านมาถึงแม้ตลาดองค์กร (Enterprise) ยังเป็นรองซิสโก้ก็ตาม แต่เป้าหมายหัวเหว่ยในปี 2008 ตั้งใจที่จะเป็นที่หนึ่งในตลาดโลกให้ได้ เนื่องจากปัจจุบันโลกของการสื่อสารได้มุ่งไปสู่ไอพีเป็นหลัก โดยที่รายได้จากธุรกิจสื่อสารข้อมูลคิดเป็น 10%จากรายได้รวม และธุรกิจนี้มีอัตราการเติบโตมากกว่า 100% สำหรับลูกค้าของหัวเหว่ยในไทยคือกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่น ทีทีแอนด์ที เอไอเอสและบริษัท แอดวานซ์ ดาต้าเน็ทเวอร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์ หรือเอดีซี

ในส่วนของบริษัท ทีโอที กำลังเป็นเป้าหมายสำคัญของหัวเหว่ย เนื่องจากไม่มีโครงข่ายไอพีเน็ตเวิร์กเป็นของตัวเอง มีแต่การเช่าใช้จากเอกชน ซึ่งตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ถึงต้นปีหน้า หัวเหว่ยมีโอกาสที่ดีมากที่จะได้งานด้าน Data Communications จากทีโอทีด้วยมูลค่าหลายพันล้านจนอาจถึงระดับหมื่นล้านบาท

สำหรับตลาดสื่อสารข้อมูลในส่วนของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ ในประเทศไทยพบว่ากว่า 80% ของการใช้งาน เป็นการส่งสัญญาณผ่านอุปกรณ์ที่หัวเหว่ยขายให้โอเปอเรเตอร์ และในส่วนของ GPRS ของโอเปอเรเตอร์โทรศัพท์มือถือพบกว่า 50% ของการใช้งานของลูกค้าเป็นการใช้ผ่านอุปกรณ์ของหัวเหว่ยเช่นกัน โดยที่ธุรกิจด้านนี้มีการแข่งขันที่รุนแรงโดยคู่แข่งสำคัญของหัวเหว่ยคือซิสโก้และจูนิเปอร์

การแข่งขันดุเดือดจนกระทั่งในการทดสอบอุปกรณ์ด้านไอพีของทีทีแอนด์ทีที่ไซต์งานแห่งหนึ่ง เมื่อเร็วๆ นี้ มีพนักงานของซิสโก้ ได้แอบถ่ายรูปสินค้าในตระกูล CX series ของหัวเหว่ยเนื่องจากสินค้ารุ่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง ด้วยประสิทธิภาพสูงขึ้นและต้นทุนถูกลงซึ่งหัวเหว่ยก็ได้ทำหนังสือแจ้งไปแล้วว่าเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก แต่วันนี้หัวเหว่ยได้เปิดตัวสินค้ารุ่นนี้อย่างเป็นทางการออกสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว

Dony Tang ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ปลายทางไร้สาย (wireless terminal) บริษัท หัวเหว่ย เทคโนโลยีส์ กล่าวถึงธุรกิจในส่วนของอุปกรณ์ปลายทางไร้สายหรือ ไวร์เลส เทอร์มินอลว่ามีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์ระบบซีดีเอ็มเอ UMTS ไม่น้อยกว่า 50% ในเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งในส่วนของตลาดยุโรป ซึ่งนิยมใช้เทคโนโลยี W-CDMA หัวเหว่ยก็มีส่วนแบ่งตลาดในระดับที่น่าพอใจ

แต่อุปกรณ์ที่ถือว่าหัวเหว่ยเป็นที่หนึ่งในตลาดโลกคือ fixed wireless terminal โดยตลาดสำคัญอยู่ที่ บริษัท ทีโอทีในประเทศไทยที่นำไปใช้ในโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบทนอกจากนี้ data card ที่ใช้ในระบบ CDMA และ W-CDMA หัวเหว่ยก็มียอดขายเป็นอันดับที่ 2 ในตลาดโลกด้วย

ก่อนหน้านี้ผู้บริหารทีโอทีมีแผนที่จะจ้างบริติชเทเลคอม (บีที) เป็นที่ปรึกษาในการวางโรดแมป ระบบ Next Generation Network(NGN) ซึ่ง NGN นี้เป็นเครือข่ายที่พัฒนาในรูปของไอพี เน็ตเวิร์ก ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนการรวมเน็ตเวิร์กในส่วนของฟิกซ์ไลน์ทั้งหมดมาอยู่ด้วยกันนอกจากนี้ NGN ยังเป็นตัวเชื่อมกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทีโอทีมีแผนจะพัฒนาไทยโมบายเป็น 3G แต่ที่สำคัญบีทีมีหัวเหว่ยเป็นพาร์ตเนอร์หลักรายหนึ่ง

Company Related Link:
Huawei