ล็อกซ์เล่ย์ผู้นำเข้ามือถือรายใหญ่ระบุยอดขายเครื่องโทรศัพท์ไตรมาส 2 วูบ รับผลกระทบการเมือง คาดกระเตื้องขึ้นไตรมาส 3-4 ขณะที่ผู้บริโภคยึดติดยี่ห้อ วงจรชีวิตสินค้าสั้นขึ้น มาร์จิ้นต่ำ ส่งผลรายเล็กอยู่รอดยาก ส่วนเทคโนโลยีมือถือปรับไปสู่การทำงานคล้ายคอมพิวเตอร์บวกโทรทัศน์ ยังมั่นใจเปิดตัว "กิ๊กกะไบต์" โทรศัพท์มือถือจากไต้หวันจะสามารถเจาะตลาดได้
นายสุรช ล่ำซำ กรรมการบริหารบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีนี้ คาดว่าไตรมาส 2 ยอดการซื้อเครื่องโทรศัพท์ใหม่ของคนไทยจะลดลง อันเป็นผลมาจากปัญหาการเมืองที่กระทบเศรษฐกิจ แต่คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ขณะที่ราคาเครื่องมีแนวโน้มลดลงและเปลี่ยนรุ่นเร็ว ทำให้วงจรสินค้าสั้นขึ้น ผู้ค้าจึงตัดราคาเพื่อแข่งขันส่งผลให้รายเล็กแข่งขันลำบาก ทำให้ผู้ผลิตเครื่องโทรศัพท์ในต่างประเทศเริ่มหันมาจับมือกับผู้ค้ารายใหญ่ในไทยมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด โดยส่วนต่างกำไรหรือมาร์จิ้นของสินค้าประเภทนี้อยู่ที่ร้อยละ 4-10 เท่านั้น
ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคในไทยส่วนใหญ่ยึดติดกับยี่ห้อเป็นหลัก ทำให้โนเกียจากฟินแลนด์ยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ถึงร้อยละ 60 รองลงมาคือซัมซุงร้อยละ 14 ขณะที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในไทยมีมากถึงร้อยละ 40 ของประชากรแล้ว ส่วนมากอยู่ในเมืองใหญ่ ทำให้ปีนี้ผู้ค้าเริ่มแข่งขันในตลาดต่างจังหวัดเป็นหลักเพราะมีจำนวนผู้ยังไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถืออยู่มาก
ส่วนทิศทางเทคโนโลยีพบว่าโทรศัพท์ที่มีกล้องถ่ายภาพและเล่นเพลงเอ็มพี 3 ได้กลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานไปแล้ว ผู้ผลิตจึงหันมาแข่งขันด้านหน่วยความจำหรือเพิ่มหน่วยความจำได้ รวมถึงสร้างความอัจฉริยะให้สินค้า เช่น รับสัญญาณโทรทัศน์จากเสาอากาศขนาดเล็กที่ติดกับหูฟัง และทำราคาให้ต่ำลงสำหรับผู้ใช้ระดับกลางและล่าง
ล่าสุดล็อกซเล่ย์ได้นำเข้าเครื่องยี่ห้อใหม่ในชื่อ "กิ๊กกะไบต์" จากไต้หวันเข้ามาทำตลาด หลังจากผู้ผลิตรายนี้ประสบความสำเร็จจากการผลิตเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์มาแล้ว จุดเด่นของยี่ห้อนี้คือรับโทรทัศน์ได้ และใช้วินโดวส์ โมบาย 5 เป็นระบบปฏิบัติการ ทำให้ใช้งานโปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซล และพาวเวอร์พอยท์ รวมถึงรับส่งอีเมลได้เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์
สำหรับล็อกซเล่ย์วางเป้าหมายชิงส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5 ด้วยยอดขาย 1,200 ล้านบาท โดยเป็นผู้นำเข้าเครื่องยี่ห้อแอลจี โซนีอีริคสัน เบนคิว กิ๊กกะไบต์ และซีซั่น ซึ่งเป็นยี่ห้อของบริษัทเอง (เฮ้าส์แบรนด์)
นายสุรช ล่ำซำ กรรมการบริหารบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีนี้ คาดว่าไตรมาส 2 ยอดการซื้อเครื่องโทรศัพท์ใหม่ของคนไทยจะลดลง อันเป็นผลมาจากปัญหาการเมืองที่กระทบเศรษฐกิจ แต่คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ขณะที่ราคาเครื่องมีแนวโน้มลดลงและเปลี่ยนรุ่นเร็ว ทำให้วงจรสินค้าสั้นขึ้น ผู้ค้าจึงตัดราคาเพื่อแข่งขันส่งผลให้รายเล็กแข่งขันลำบาก ทำให้ผู้ผลิตเครื่องโทรศัพท์ในต่างประเทศเริ่มหันมาจับมือกับผู้ค้ารายใหญ่ในไทยมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด โดยส่วนต่างกำไรหรือมาร์จิ้นของสินค้าประเภทนี้อยู่ที่ร้อยละ 4-10 เท่านั้น
ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคในไทยส่วนใหญ่ยึดติดกับยี่ห้อเป็นหลัก ทำให้โนเกียจากฟินแลนด์ยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ถึงร้อยละ 60 รองลงมาคือซัมซุงร้อยละ 14 ขณะที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในไทยมีมากถึงร้อยละ 40 ของประชากรแล้ว ส่วนมากอยู่ในเมืองใหญ่ ทำให้ปีนี้ผู้ค้าเริ่มแข่งขันในตลาดต่างจังหวัดเป็นหลักเพราะมีจำนวนผู้ยังไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถืออยู่มาก
ส่วนทิศทางเทคโนโลยีพบว่าโทรศัพท์ที่มีกล้องถ่ายภาพและเล่นเพลงเอ็มพี 3 ได้กลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานไปแล้ว ผู้ผลิตจึงหันมาแข่งขันด้านหน่วยความจำหรือเพิ่มหน่วยความจำได้ รวมถึงสร้างความอัจฉริยะให้สินค้า เช่น รับสัญญาณโทรทัศน์จากเสาอากาศขนาดเล็กที่ติดกับหูฟัง และทำราคาให้ต่ำลงสำหรับผู้ใช้ระดับกลางและล่าง
ล่าสุดล็อกซเล่ย์ได้นำเข้าเครื่องยี่ห้อใหม่ในชื่อ "กิ๊กกะไบต์" จากไต้หวันเข้ามาทำตลาด หลังจากผู้ผลิตรายนี้ประสบความสำเร็จจากการผลิตเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์มาแล้ว จุดเด่นของยี่ห้อนี้คือรับโทรทัศน์ได้ และใช้วินโดวส์ โมบาย 5 เป็นระบบปฏิบัติการ ทำให้ใช้งานโปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซล และพาวเวอร์พอยท์ รวมถึงรับส่งอีเมลได้เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์
สำหรับล็อกซเล่ย์วางเป้าหมายชิงส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5 ด้วยยอดขาย 1,200 ล้านบาท โดยเป็นผู้นำเข้าเครื่องยี่ห้อแอลจี โซนีอีริคสัน เบนคิว กิ๊กกะไบต์ และซีซั่น ซึ่งเป็นยี่ห้อของบริษัทเอง (เฮ้าส์แบรนด์)