MFEC เดินทางลัดในการรุกตลาดเอสเอ็มอี ด้วยการควบรวมกิจการกับโมเดอร์นฟอร์ม ร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์ ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม หวังทำให้รายได้ในกลุ่มสูงถึง 2,300 ล้านบาท หรือโตขึ้น 70% ขณะเดียวกันเล็งซื้อบริษัทซอฟต์แวร์เพิ่ม เพื่อร่วมกันพัฒนาให้เป็นซอฟต์แวร์เฮาส์เต็มตัว และมีแผนจะดันโฟร์บิซิเนทเข้าระดมทุนในตลาด MAI ต้นปี 49
ผู้บริหารของบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้ดำเนินธุรกิจบริการให้คำปรึกษา พัฒนา และวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งประกอบด้วยนายอดิเรก ปฎิทัศน์ ประธานกรรมการบริหาร และนายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมกันเปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2548 ว่า MFEC ได้มีการควบรวมกิจการกับบริษัท โมเดอร์นฟอร์ม อินทิเกรชั่น เซอร์วิสเซส หรือ MIS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ MFEC ซึ่งกลุ่มโมเดอร์นฟอร์ม เป็นผู้ดำเนินธุรกิจในการเป็นตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงานต่างๆ และการพัฒนาระบบโปรแกรม ERP Software Solution
สำหรับกลุ่มโมเดอร์นฟอร์มมีบริษัทในเครือ 2 บริษัทคือ Sky Biz ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับซอฟต์แวร์การวางแผนด้านทรัพยากรทางธุรกิจ (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) และเอ็มเอสไอ เอาต์ซอร์ส ซึ่งดำเนินกิจการด้านเอาต์ซอร์สซิ่งเกี่ยวกับการจัดการบุคลากร
หลังจากมีการควบรวมกิจการบริษัทในเครือโมเดอร์นฟอร์มทั้ง 2 บริษัท ก็จะเป็นบริษัทในเครือ MFEC พร้อมผลักดันให้ Sky Biz เป็นบริษัทที่พัฒนาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์หรือซอฟต์แวร์เฮาส์เต็มตัว
นอกจากกลุ่มโมเดอร์นฟอร์มแล้ว MFEC ยังมีบริษัทในเครืออีกคือ บริษัท Promptnow บริษัท เอไอเอ็ม ซึ่งทั้ง 2 บริษัท เป็นผู้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับเกม อีกบริษัทคือ โฟร์บิซิเนท ซึ่งเป็นผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับองค์กรขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี
การควบรวมกิจการครั้งนี้ เป็นการฉายภาพที่ชัดเจนของ MFEC ที่จะผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ MFEC ต้องการจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่
เหตุผลที่ MFEC รุกเข้าสู่ตลาดเอสเอ็มอี เพราะเห็นว่าปัจจุบันกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีความชัดเจนในการที่จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มดังกล่าว จึงทำให้ MFEC มั่นใจว่าการควบรวมกิจการกับโมเดอร์นฟอร์ม จะทำใหสามารถขยายช่องทางด้านการตลาดและเสริมสร้างศักยภาพการทำกำไรได้มากขึ้น โดยอาศัยฐานลูกค้าเดิมของโมเดอร์นฟอร์มที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในการช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายช่องทางการทำตลาด
“เราใจใช้โมเดอร์นฟอร์มเป็นแขนขาในการทำตลาดเอสเอ็มอี เพราะ MFEC จะเข้าไปทำตลาดตรงนี้โดยตรงอาจจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี ถึงจะโต แต่ถ้ามีโมเดอร์นฟอร์มน่าจะใช้เวลาแค่ 3 ปี” นายศิริวัฒน์กล่าว
ปัจจุบันผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อีอาร์พีที่เห็นชัดเจนขณะนี้มีออราเคิล และ SAP ซึ่งส่วนใหญ่จะโฟกัสที่องค์กรขนาดใหญ่ ส่วนการเข้ามาทำตลาดของ MFEC เพราะเชื่อว่ามีโอกาส เนื่องจากกลุ่มเอสเอ็มอีเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการรายอื่นในธุรกิจเดียวกันยังไม่ให้ความสำคัญมากนัก
นายศิริวัฒน์กล่าวว่า ภายหลังควบรวมกิจการ ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะปรับกลยุทธ์การดำเนินงานของโมเดอร์นฟอร์มจากเดิมที่เป็นธุรกิจพีซีให้เป็นธุรกิจที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้ามากขึ้น และจะเป็นช่องทางการตลาดสำหรับโซลูชันของบริษัทในกลุ่ม และวางตำแหน่งในการเติบโตเป็นผู้นำในกลุ่มโซลชั่นแบบครบวงจรเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี โดยอาศัยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีเกือบ 2,000 องค์กรทั่วประเทศ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจรในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนทางการเงินได้มากขึ้น
การควบรวมกิจการดังกล่าว MFEC จะเข้าไปถือหุ้นใน MIS ในสัดส่วนเต็ม 100%
และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 650-700 ล้านบาท และกำไร 30 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ MFEC โดยรวมในปีนี้มียอดขายประมาณ 2,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 70% และกำไรประมาณ 180 ล้านบาท
นอกจากนี้ MFEC ยังมีแผนจะซื้อบริษัทรายเล็กที่ดำเนินเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อีกประมาณ 1-2 ราย ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจที่มีอยู่ เพื่อพัฒนาบริษัทในเครือให้เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แบบครบวงจร พร้อมกันนี้ MFEC ยังมีแผนจะนำบริษัท โฟร์บิซิเนท ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท เข้าระดมทุนในตลาด MAI ประมาณต้นปี 2549 หลังจากมีผลประกอบการในรอบปี 2547 อยู่ที่ 14 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าทำได้ 80 ล้านบาท หรือโตขึ้นประมาณ 500%
Company Related Links :
MFEC
ผู้บริหารของบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้ดำเนินธุรกิจบริการให้คำปรึกษา พัฒนา และวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งประกอบด้วยนายอดิเรก ปฎิทัศน์ ประธานกรรมการบริหาร และนายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมกันเปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2548 ว่า MFEC ได้มีการควบรวมกิจการกับบริษัท โมเดอร์นฟอร์ม อินทิเกรชั่น เซอร์วิสเซส หรือ MIS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ MFEC ซึ่งกลุ่มโมเดอร์นฟอร์ม เป็นผู้ดำเนินธุรกิจในการเป็นตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงานต่างๆ และการพัฒนาระบบโปรแกรม ERP Software Solution
สำหรับกลุ่มโมเดอร์นฟอร์มมีบริษัทในเครือ 2 บริษัทคือ Sky Biz ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับซอฟต์แวร์การวางแผนด้านทรัพยากรทางธุรกิจ (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) และเอ็มเอสไอ เอาต์ซอร์ส ซึ่งดำเนินกิจการด้านเอาต์ซอร์สซิ่งเกี่ยวกับการจัดการบุคลากร
หลังจากมีการควบรวมกิจการบริษัทในเครือโมเดอร์นฟอร์มทั้ง 2 บริษัท ก็จะเป็นบริษัทในเครือ MFEC พร้อมผลักดันให้ Sky Biz เป็นบริษัทที่พัฒนาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์หรือซอฟต์แวร์เฮาส์เต็มตัว
นอกจากกลุ่มโมเดอร์นฟอร์มแล้ว MFEC ยังมีบริษัทในเครืออีกคือ บริษัท Promptnow บริษัท เอไอเอ็ม ซึ่งทั้ง 2 บริษัท เป็นผู้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับเกม อีกบริษัทคือ โฟร์บิซิเนท ซึ่งเป็นผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับองค์กรขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี
การควบรวมกิจการครั้งนี้ เป็นการฉายภาพที่ชัดเจนของ MFEC ที่จะผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ MFEC ต้องการจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่
เหตุผลที่ MFEC รุกเข้าสู่ตลาดเอสเอ็มอี เพราะเห็นว่าปัจจุบันกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีความชัดเจนในการที่จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มดังกล่าว จึงทำให้ MFEC มั่นใจว่าการควบรวมกิจการกับโมเดอร์นฟอร์ม จะทำใหสามารถขยายช่องทางด้านการตลาดและเสริมสร้างศักยภาพการทำกำไรได้มากขึ้น โดยอาศัยฐานลูกค้าเดิมของโมเดอร์นฟอร์มที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในการช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายช่องทางการทำตลาด
“เราใจใช้โมเดอร์นฟอร์มเป็นแขนขาในการทำตลาดเอสเอ็มอี เพราะ MFEC จะเข้าไปทำตลาดตรงนี้โดยตรงอาจจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี ถึงจะโต แต่ถ้ามีโมเดอร์นฟอร์มน่าจะใช้เวลาแค่ 3 ปี” นายศิริวัฒน์กล่าว
ปัจจุบันผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อีอาร์พีที่เห็นชัดเจนขณะนี้มีออราเคิล และ SAP ซึ่งส่วนใหญ่จะโฟกัสที่องค์กรขนาดใหญ่ ส่วนการเข้ามาทำตลาดของ MFEC เพราะเชื่อว่ามีโอกาส เนื่องจากกลุ่มเอสเอ็มอีเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการรายอื่นในธุรกิจเดียวกันยังไม่ให้ความสำคัญมากนัก
นายศิริวัฒน์กล่าวว่า ภายหลังควบรวมกิจการ ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะปรับกลยุทธ์การดำเนินงานของโมเดอร์นฟอร์มจากเดิมที่เป็นธุรกิจพีซีให้เป็นธุรกิจที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้ามากขึ้น และจะเป็นช่องทางการตลาดสำหรับโซลูชันของบริษัทในกลุ่ม และวางตำแหน่งในการเติบโตเป็นผู้นำในกลุ่มโซลชั่นแบบครบวงจรเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี โดยอาศัยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีเกือบ 2,000 องค์กรทั่วประเทศ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจรในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนทางการเงินได้มากขึ้น
การควบรวมกิจการดังกล่าว MFEC จะเข้าไปถือหุ้นใน MIS ในสัดส่วนเต็ม 100%
และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 650-700 ล้านบาท และกำไร 30 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ MFEC โดยรวมในปีนี้มียอดขายประมาณ 2,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 70% และกำไรประมาณ 180 ล้านบาท
นอกจากนี้ MFEC ยังมีแผนจะซื้อบริษัทรายเล็กที่ดำเนินเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อีกประมาณ 1-2 ราย ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจที่มีอยู่ เพื่อพัฒนาบริษัทในเครือให้เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แบบครบวงจร พร้อมกันนี้ MFEC ยังมีแผนจะนำบริษัท โฟร์บิซิเนท ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท เข้าระดมทุนในตลาด MAI ประมาณต้นปี 2549 หลังจากมีผลประกอบการในรอบปี 2547 อยู่ที่ 14 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าทำได้ 80 ล้านบาท หรือโตขึ้นประมาณ 500%
Company Related Links :
MFEC