MGR Online - ปปง. ผนึก ป.ป.ช. เดินหน้าตรวจสอบธุรกรรมการเงินเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ โยง "เบน สมิธ" ส่อมีเจ้าหน้าที่รัฐ-นักการเมืองเอื้อประโยชน์หรือไม่
วันนี้ (11 ธ.ค.) ณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. พร้อม นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ร่วมกันเปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือครั้งที่ 1/2568 ในประเด็นที่ ปปง. ได้ดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติกว่า 10,165 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 4 รายคดีสำคัญ คือ รายคดีนายเฉิน จื้อ, รายคดีนายก๊ก อาน, รายคดี น.ส.แตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก และรายคดีนายเอื้ออังกูร สันติรักษ์โยธิน กับพวก ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงานของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเอื้อประโยชน์อย่างไร หรือไม่ รวมถึงประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง พ.ศ. 2568 และกรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ประสานขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงาน ปปง. ดำเนินการตรวจสอบบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอีฯ ในยุคสมัยของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง และบริษัทจากประเทศสิงคโปร์ หลังพบเส้นทางเชื่อมโยงขบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลก แต่ใน MOU ได้ระบุว่า จะร่วมกันจัดทำโครงการศูนย์กลาง ธุรกิจดิจิทัลและการเงิน (TIDC)
โดย นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตามที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติกว่าหมื่นล้านบาท ที่อาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง มาเอื้อประโยชน์ หรือมาร่วมหรือไม่ และเรายังขอชื่นชมประกาศของ ปปง. ที่มีการกำหนดรายละเอียดบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง เพราะจะเป็นไปตามที่กฎหมาย ป.ป.ช. ได้กำหนดไว้อยู่แล้ว ทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อจะได้ประสานข้อมูลร่วมกันในอนาคต และบังคับใช้กฎหมายร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังได้ประสานข้อมูลสำคัญกับ ปปง. เพื่อป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ เพื่อรับแจ้งข้อมูลเบาะแสจากสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชน สกัดเหตุได้ทันท่วงที
นายพัฒนพงศ์ เผยอีกว่า สำหรับข้อมูลการยึดและอายัดทรัพย์สินหมื่นล้านบาทของ ปปง. ในคดีสแกมเมอร์ข้ามชาติที่ผ่านมา จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เบื้องต้น ป.ป.ช. ได้รับแจ้งว่า ปปง. อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบ แต่ตอนนี้ตอบได้ว่ายังไม่มีปรากฏว่าทีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ระหว่างการขยายผลนี้ ปปง. ก็จะดูว่ามีการโอนเงินมาจากแหล่งเงินใดบ้าง แล้วจะนำไปสู่การดูเพิ่มเติมว่าเงินนั้นมีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวโยงหรือไม่ หรือมีบริษัท หน่วยงานรัฐใดไปทำธุรกรรมร่วมกับตรงนั้นบ้าง อาทิ เรื่องภาษี เป็นต้น
นายพัฒนพงศ์ เผยว่า บทบาทของ ป.ป.ช. จะตรวจสอบเส้นทางการเงินและเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงิน ไม่ว่าจะเป็นระดับปฏิบัติการหรือระดับผู้บริหารนโยบาย หากพบว่ามีการใช้อำนาจมิชอบ หรือเอื้อประโยชน์ จะมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่รัฐมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ป.ป.ช. สามารถไต่สวนเรื่อง "ร่ำรวยผิดปกติ" ได้ รวมถึงการตรวจสอบภาพถ่ายกับบุคคลตามข่าว ซึ่งภาพถ่ายเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ถูกกล่าวหาเป็นเพียงจุดเริ่มต้น จะต้องดูพฤติการณ์ว่ามีการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบหรือไม่ โดยไม่ต้องรอเจ้าทุกข์แจ้งเรื่องร้องเรียน ทาง ป.ป.ช. ทำหน้าที่แทนรัฐ สามารถเริ่มไต่สวนได้ทันที หากมีเหตุอันควรสงสัย ไม่จำเป็นต้องรอให้มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ
เมื่อถามว่าบางภาพถ่ายก็ปรากฏถึงขนาดมีอดีตนายกรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงไปร่วมถ่ายภาพกับนายเบน สมิธ จะต้องเชิญให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นายพัฒนพงศ์ ระบุว่า ป.ป.ช. เป็นองค์กรอิสระ เรามีอำนาจตรวจสอบระดับผู้บริหารสูงสุด ทั้งข้าราชการฝ่ายการเมืองและระดับปฏิบัติการ เราเป็นหน่วยงานมืออาชีพอยู่แล้ว ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปเกี่ยวข้อง ป.ป.ช. ก็ต้องถือธงนำดำเนินการ
ด้าน นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในและฐานะโฆษก ปปง. เผยว่า กรณีว่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวข้องกับเงินหมื่นกว่าล้านบาทที่ ปปง. ยึดและอายัดมาจากคดีสแกมเมอร์ข้ามชาติหรือไม่นั้น ยืนยันว่า เราต้องดูทุกกระบวนการ แต่ในเบื้องต้น ปปง. เน้นไปที่การยึดอายัดทรัพย์สินที่เชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิดก่อน และหลังจากนั้น จึงจะดูที่กระบวนการโอนเงิน การรับโอน เส้นทางการเงินว่ามันมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในส่วนไหน อย่างไร นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องบันทึกข้อตกลง MOU ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้มีการจัดทำร่วมกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ นั้น ประเด็นนี้ ป.ป.ช. ก็มีข้อสังเกตว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวกันด้วยหรือไม่ จึงทำให้ ปปง. และ ป.ป.ช. ต้องประสานข้อมูลกันต่อไปสักระยะ เพื่อติดตามดำเนินการ แต่เราก็ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดแน่นอน ซึ่งถ้าเรื่องใดมันพอขยายผลไปต่อได้ อย่างน้อย ป.ป.ช. ก็จะได้ทำในส่วนของมูลฐานคดีทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ได้
"ส่วน ปปง. ก็ค่อยมาต่อยอดในคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิด หรือแม้ท้ายสุดไม่เจอคดีมูลฐาน แต่เรากลับเจอธุรกรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากที่ไม่สามารถให้คำตอบได้ ไม้ตายของ ป.ป.ช. ก็คือการดำเนินการเกี่ยวกับร่ำรวยผิดปกติ ทั้งนี้ โดยกระบวนการมันต้องมีเจ้าหน้ารัฐไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่มันก็ต้องดูว่าเขาทำถูกต้องหรือไม่ แต่ถ้าไปรู้เห็นเป็นใจให้คนเหล่านี้ เราก็ต้องพิสูจน์ทราบต่อไป"
นายวิทยา ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวนหมื่นกว่าล้านบาทในคดีสแกมเมอร์ และการขยายผลสู่เจ้าหน้าที่รัฐว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนยึดและอายัดทรัพย์สินชั่วคราว โดยเจ้าของทรัพย์สินมีเวลา 30 วันในการเข้ามาชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน ว่าไม่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยให้นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือจาก ปปง. และหากชี้แจงที่มาของทรัพย์ไม่ได้ ทาง ปปง. จะส่งเรื่องให้อัยการเพื่อเสนอศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินมาเฉลี่ยชดใช้คืนให้ผู้เสียหาย
ส่วนการตรวจสอบความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐ นายวิทยา บอกว่า เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงชัดเจน แต่กำลังขยายผลดูเส้นทางการเงินว่ามีส่วนไหนที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรู้เห็นเป็นใจ หรืออำนวยความสะดวกในการโอนย้ายถ่ายเทหรือไม่
ส่วนกรณีภาพถ่ายคนดังกับผู้ถูกกล่าวหา นายวิทยา ยอมรับว่าเป็น "จุดเริ่มต้น" ของการตรวจสอบความสัมพันธ์ แต่ลำพังแค่ภาพถ่ายยังบอกไม่ได้ว่าผิด ต้องพิสูจน์ทราบถึง "ความสัมพันธ์เชิงลึก" และธุรกรรมทางการเงิน พร้อมยืนยันว่าหน่วยงานรัฐสงสัยเช่นเดียวกับประชาชน และขอเวลาตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนกรณีที่กระทรวงดีอีฯ ได้ทำ MOU ร่วมกับบริษัทเอกชนในสิงคโปร์ นั้น นายวิทยา บอกว่า เรื่องนี้จะต้องมีการติดตามสืบสวนสอบสวนให้เกิดความชัดเจนก่อนว่าเป็นโครงการดำเนินการอย่างไรบ้าง เพราะในกระบวนการโดยปกติจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่จะต้องดูในขั้นตอนการดำเนินการว่าทำถูกต้องหรือไม่ และรู้เห็นเป็นใจให้กับกลุ่มบุคคลเหล่านี้หรือไม่ นอกจากนี้ กรณีที่เคยมีกระทรวงหน่วยงานใดของไทย หรือบริษัทนิติบุคคลใดได้เคยทำโครงการ หรือสัญญาการจ้างกับนายเบน สมิธ หรือบริษัทของนายเบน สมิธ นั้น เราก็จะดำเนินการตรวจสอบย้อนหลังเช่นเดียวกัน


