MGR Online - ’ทนายปราบโกง‘ บุกร้อง ดีเอสไอ เปิดโปงขบวนการ "บ่อบาดาลเถื่อน 74 บ่อ" ในที่ดิน ส.ป.ก. โคราช เชื่อมโยงโรงงานแป้งมัน ยักษ์ใหญ่
วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายกฤษฎา อินทามระ หรือ "ทนายปราบโกง" ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เพื่อขอให้พิจารณารับเรื่อง "ขบวนการบ่อบาดาลเถื่อน 74 บ่อ" ในพื้นที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดนครราชสีมา เป็นคดีพิเศษ โดยมี นายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ (ดีเอสไอ) เป็นผู้รับหนังสือเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายกฤษฎา กล่าวว่า ขบวนการดังกล่าวเข้าข่ายการใช้เอกสารเท็จเพื่อเอื้อประโยชน์แก่โรงงานอุตสาหกรรม และอาจเชื่อมโยงกับความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน โดยวันนี้ได้มาร้องเรียนเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมกิจการน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตใช้น้ำบาดาลและต่อใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลให้แก่บริษัทเอกชน โรงงานแป้งมันสำปะหลังใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ สปก.จังหวัดนครราชสีมา ผู้มีหน้าที่ เกี่ยวข้องในการควบคุมดูแลที่ดิน สปก.ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงาน
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า โดยเมื่อปลายปี 67 ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดนครราชสีมา และตำรวจท้องที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน สปก. ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่ว กรณีโรงงานมีการปล่อยน้ำเสียลงในที่ดิน สปก.กว่า 600 ไร่ พบหัวสูบน้ำบาดาลหลายหัวอยู่ในที่ดิน จึงได้ตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลจำนวน 74 บ่อ ( 74 ใบอนุญาต ) ระหว่างปี พ.ศ. 2556 ถึง 2558 ของโรงงานดังกล่าวจึงพบข้อพิรุธหลายประการ เช่น ใบอนุญาตจำนวนมากใช้พิกัดซ้ำกันอย่างผิดธรรมชาติ แสดงถึงการคัดลอกข้อมูลแทนการสำรวจจริง และใบอนุญาตระบุว่าเป็นที่ดินเอกชน
นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า แต่ตรวจสอบจากภาพถ่ายดาวเทียมพบว่าอยู่ในที่ดิน สปก. ปริมาณการใช้น้ำต่อวันสูงมากถึง 200-300 ลบ.ม./วัน เข้าข่ายใช้พื้นที่ของรัฐเพื่อประโยชน์อุตสาหกรรม ค่าคุณภาพน้ำซ้ำกันหลายบ่อ แสดงว่าไม่มีการตรวจคุณภาพน้ำจริง ใบอนุญาตจำนวนมากออกในวันเดียวและหมดอายุในวันเดียวกัน ซึ่งผิดรูปแบบการออกใบอนุญาตปกติ ระบุข้อความในใบอนุญาตว่า “ใช้น้ำเพื่อธุรกิจอุตสาหกรรม” ทั้งที่ เป็นพื้นที่ สปก.ซึ่งขัดวัตถุประสงค์และนโยบายของ สปก.อย่างชัดแจ้ง จึงเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยหรือร่วมกันเอื้อประโยชน์แก่เอกชน เข้าข่ายมาตรา 157 และเข้าข่ายฟอกเงิน
"มาร้องขอให้ ดีเอสไอ รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีความเสียหายระดับโครงสร้างและเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่าย มีความสลับซับซ้อนทำเป็นขบวนการและขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของใบอนุญาตน้ำบาดาลทั้งหมด 74 บ่อ และขยายผลตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่ามีการร่วมกันกระทำผิดหรือไม่ โดยสืบสวนตรวจสอบเส้นทางผลประโยชน์และผลกระทบต่อรัฐ ซึ่งอาจเข้าข่ายฟอกเงิน และดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามกฎหมายจนถึงที่สุด"
นายกฤษฎา กล่าวเสริมว่า ส่วนคดีอาญาที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. บก.ปทส. กองบัญชาการตำรวจส่วนกลาง ร่วมกับ สปก. น้ำกำลังเข้าตรวจสอบและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตและเจ้าของโรงงาน เมื่อปี 2567 นั้น ได้ดำเนินการตามกฎหมายส่งฟ้องขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นอัยการ ทางทนายปราบโกง ยังเห็นว่าทางโรงงานแป้งมันฯ ยังมีการลักลอบสูบน้ำใช้อยู่เหมือนเดิม จึงต้องมาร้องขอให้ ดีเอสไอ รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษในวันนี้


