MGR Online - ป.ป.ส. ร่วมภาคี สกัดกั้น "กรดอะซิติก" 22,200 กก. ป้องกันการนำไปใช้ผลิตยาบ้าปริมาณมหาศาลกว่า 1.4 พันล้านเม็ด – ไอซ์ 27 ตัน – เฮโรอีน 74 ตัน
ตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างสูงสุด โดยมี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำนโยบายดังกล่าวมาสู่การขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมด้วยการสร้างความปลอดภัยทางสังคม ชุมชน ครอบครัว สุขภาพของประชาชน และเน้นย้ำให้มีการแก้ไขปัญหาแบบครบวงจร ซึ่งมิติด้านการสกัดกั้นนอกจากจะดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดแล้ว ยังมุ่งเน้นให้มีการดำเนินการลดทอนศักยภาพการผลิตยาเสพติดด้วยการสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไม่ให้ผ่านประเทศไทยไปยังแหล่งผลิตนอกประเทศ
วันนี้ (17 พ.ย.) พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมศุลกากร , นายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม , น.ส.อารีภักดิ์ เงินบำรุง และ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบสารเคมีต้องสงสัยที่จะนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติด ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ภายใต้แนวคิด “No Chemical No Drugs”
สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการประสานงานการข่าวจากกรมศุลกากร ซึ่งเฝ้าระวังการนำเข้าสารเคมีที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติดผ่านทางท่าเรือ จึงได้ประสานไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว พบว่ามีบริษัทที่นำเข้าสารเคมี กรดอาเซติก (Acetic Acid) จำนวน 740 ถัง บรรจุถังละ 30 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 22,200 กิโลกรัม นำเข้ามาจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาประเทศไทย ณ ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยไม่มีใบอนุญาตนำเข้า และไม่มีการขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
กรดอะซีติก เป็นตัวทำปฏิกิริยาในกระบวนการผลิตสารตั้งต้น เพื่อนำไปใช้ในการผลิตเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า,ไอซ์) หรือเฮโรอีน ดังนี้ ใช้ผลิตสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิต ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) ได้ประมาณ 27,750 กิโลกรัม หรือใช้ผลิตสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิต ยาบ้า ได้มากถึง ประมาณ 1,400 ล้านเม็ด หรือใช้เป็นสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิต เฮโรอีน ได้ถึง ประมาณ 74,000 กิโลกรัม
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากสารเคมีหลุดรอดออกไปสู่กระบวนการผลิตยาเสพติด ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อประเทศต้นทางอย่างไทยแล้ว ยังรวมถึงประเทศปลายทางในภูมิภาคและทั่วโลก
กรดอะซีติก (Acetic Acid) จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้ผู้นำเข้าวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ จากนั้นจึงจะได้รับใบอนุญาตนำเข้าเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการนำเข้าราชอาณาจักร นอกจากนี้ กรดอาเซติก เป็นสารเคมีในบัญชีที่ 2 ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดชื่อสารเคมี พื้นที่ควบคุม และหน้าที่ของผู้ทำธุรกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ภายใต้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 32/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการตามกฎหมาย หรือระเบียบ ที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ
กรดอะซีติก (Acetic Acid) เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การผลิตพลาสติก ยาง การพิมพ์ สีย้อม การถนอมอาหาร เป็นตัวทำละลายสำหรับน้ำมันหอมระเหย และใช้สังเคราะห์สารอินทรีย์เคมี อย่างไรก็ตาม กรดอาเซติก (Acetic Acid) สามารถนำมาใช้เป็นตัวทำปฏิกิริยาในกระบวนการผลิตสารตั้งต้นเพื่อนำไปใช้ในการผลิตเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า,ไอซ์) หรือ เฮโรอีน ดังนั้น มาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จะต้องดำเนินงานอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการรั่วไหลไปสู่การผลิตยาเสพติดนอกประเทศ
ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อควบคุมและสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่นำไปใช้ในการผลิตยาเสพติด และภายใต้กลไกความร่วมมือปราบปรามยาเสพติดระหว่างท่าเรือสากล (SEAPORT INTERDICTION TASK FORCE : SITF) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ


