ปอศ. บุกจับจีนเทาเครือข่ายบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ บัญชาการจากพนมเปญ ลักลอบขายผ่าน Telegram-Tiktok พบซ่อนห้องลับใต้ดินย่านรัชดาฯ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท
วันนี้ (30 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. ร่วมกับ ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต และ นายรักษ์ศักดิ์ อินทร์ปราบ รองผู้ว่าการด้านการจำหน่ายและบริการลูกค้าการยาสูบแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงผลขบวนทลายเครือข่ายจีนเทาจำหน่ายบุหรี่เถื่อนออนไลน์รายใหญ่ ตรวจพบห้องลับใต้ดินย่านรัชดาภิเษก เก็บบุหรี่จีนเถื่อน 65,000 ซอง มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท โดยสามารถจับกุม นายฟาง เหว่ยซิน อายุ 34 ปี สัญชาติจีน พร้อมของกลางบุหรี่ ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากต่างประเทศจีน ที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน จำนวน 65,000 ซอง จากการตรวจค้น 2 จุด ได้เเก่ จุดที่ 1 ซอยรัชดาภิเษก 10 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ จุดที่ 2 ซอยลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่เถื่อน ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ telegram ซึ่งมีสมาชิกกว่า 4,000 คน โดยมีการบริการส่งถึงบ้าน จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน กก.2 บก.ปอศ. ได้แฝงตัวเข้าไปในกลุ่ม telegram ดังกล่าว และพบว่า มีชายชาวจีน คือ นายฟาง ที่เป็นทั้งแอดมินและเป็นผู้จำหน่ายบุหรี่เถื่อนดังกล่าว โดยมีการแอบซุกซ่อนบุหรี่เถื่อนไว้ในห้องใต้ดิน ภายในบ้านพัก ย่านรัชดา จากการเฝ้าสังเกตพบ พนักงานขนส่งเอกชน หมุนเวียน เข้า-ออก เป็นจำนวนมาก และพบว่า มีการเก็บซุกซ่อนบุหรี่เถื่อนไว้อีกแห่งภายในอาคารพาณิชย์ร้างย่านลาดพร้าว จึงได้เข้าค้นสถานที่ทั้ง 2 แห่งพร้อมยึดของกลางดังกล่าวซุกซ่อนอยู่บริเวณห้องใต้ดิน และพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนหลายเครื่องและกล่องพัสดุ สำหรับจำหน่ายให้ลูกค้า
พ.ต.ท.วันเผด็จ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน นายฟาง เหว่ยซิน รับว่า ตนเป็นแอดมินลักลอบจำหน่ายบุหรี่จีนเถื่อนให้แก่บุคคลโดยทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์ Telegram และ Tiktok ส่วนอาคารพาณิชย์จุดที่ 2 เป็นอาคารถูกปิดร้าง ที่ภายในเป็นสถานที่สำหรับเก็บซุกซ่อนบุหรี่ จากการตรวจค้นพบ บุหรี่จีนเถื่อน จำนวน 90 ลัง (45,000 ซอง) เจ้าหน้าที่ตำรวจฯจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา "ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร, ครอบครองสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือขายสินค้าที่มิได้เสียภาษีและเป็นบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต" ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.วันเผด็จ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาอ้างว่า มีนายจ้างชาวจีน ซึ่งเรียกว่า “บอส” อาศัยอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เปิดเป็นบริษัทจัดทำเป็นระบบทั้งการลักลอบนำเข้า, โฆษณา และขนส่งครบทุกวงจร โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 50,000 บาท และได้รับค่าคอมมิชชันจากการจำหน่ายบุหรี่แต่ละครั้ง ทั้งนี้ ผู้ต้องหารับว่าไม่เคยพบบอสคนจีน จะติดต่อกันแค่ทางช่องทางออนไลน์เท่านั้น ทำมาแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่จากการสืบสวนของทางตำรวจพบว่าทำมาแล้วกว่า 1 ปี อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะนำข้อมูลจากคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือที่ตรวจยึดได้ ไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชาหรือไม่
ด้าน ว่าที่ ร้อยตรี ยงยุทธ กล่าวว่า เป็นการจับบุหรี่จากประเทศจีนล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับได้ เพราะที่ผ่านมาจะไม่เพียงแค่หลักร้อยกล่องเท่านั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวสร้างมูลค่าความเสียหายต่อระบบภาษีสรรพสามิตของประเทศอย่างมาก เมื่อคำนวณแล้วพบว่า บุหรี่ล็อตดังกล่าวมีมูลค่าภาษีที่สูญเสียไปถึง 4 ล้านบาท เบื้องต้น ทางกรมสรรพสามิตจะตั้งค่าปรับดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้สูงถึง 60 ล้านบาท และเน้นย้ำเตือนถึงพี่น้องประชาชน ว่า ขอให้ซื้อบุหรี่ที่ไม่ว่าจะเป็นของไทยหรือนำเข้าที่ผ่านการชำระภาษีอย่างถูกต้อง โดยตรวจสอบได้จากแสตมป์ของกรมสรรพสามิตหรือตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพสามิต
ด้าน นายวีรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บุหรี่ที่ลักลอบนำเข้านั้น จะไม่ถูกตรวจสอบได้เลยว่ามีมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยหรือไม่และเสี่ยงที่จะปนเปื้อนสารพิษ ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้ ดังนั้น นอกจากจะกระทบกระเทือนต่อระบบภาษีสรรพสามิตของประเทศแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้อีกด้วย หากใครที่พบบุหรี่ที่ลักลอบจำหน่ายในประเทศไทยและไม่ผ่านการชำระภาษี สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่เว็บไซต์ของกรมการยาสูบ


