MGR Online - กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ดีเอสไอ ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี ตรวจโรงงานกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย จัดทำแผนที่เกิดเหตุ และเร่งสอบสวนขยายผล
วันนี้ (29 ต.ค.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย ร.ท.ภชภณ สุพานิชวรภาชณ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภค 1 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 90/2568 ได้สนธิกำลังร่วมกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) , เจ้าหน้าที่จากอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี , เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 ชลบุรี ร่วมกับ ผู้แทนบริษัท อิฟง จำกัด และเจ้าของที่ดิน ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เช่า ของบริษัท อิฟง จำกัด ซึ่งมีลักษณะเป็นโกดังและโรงงาน ตั้งอยู่ในเขต ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงประกอบการนำชี้ของพยานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันจุดที่มีการตรวจพบและยึดวัตถุอันตราย ซึ่งเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวนรวมกันกว่า 300 ตัน เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน
คดีพิเศษดังกล่าว สืบเนื่องจาก อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีมีโรงงานลักลอบกำจัดอิเล็กทรอนิกส์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย บริเวณสถานที่ดังกล่าว จึงเข้าทำการตรวจสอบพบการกระทำความผิดและมีการตรวจยึดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ปริมาณกว่า 300 ตัน หรือ 300,000 กิโลกรัม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท อิฟง จำกัด ซึ่งเป็นผู้เช่าสถานที่ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการครอบครองวัตถุอันตรายดังกล่าว จึงได้อายัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวไว้ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายและมอบให้ บริษัทอิฟงฯ เก็บรักษาไว้ ณ ที่เกิดเหตุ โดยได้ร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ดำเนินคดี และพนักงานสอบสวน อายัดสิ่งของดังกล่าวไว้เป็นของกลาง
ต่อมา เป็นกรณีที่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ จึงมีการส่งสำนวนการสอบสวนมายัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมี กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ภายหลังจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบว่า อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี สั่งให้ บริษัทอิฟงฯ เก็บกู้วัตถุอันตรายของกลางออกนอกพื้นที่ไปบำบัด/กำจัด อย่างถูกต้องกับโรงงานที่ได้รับอนุญาตจาก กรมโรงงานอุตสาหกรรม ก่อนที่จะมีการส่งสำนวนการสอบสวนมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จึงลงพื้นที่เพื่อให้ผู้ที่ร่วมในการตรวจยึด ณ วันพบการกระทำผิดและอายัดสิ่งของไว้ นำชี้จุดที่เป็นสถานที่ตั้งของกองขยะอิเล็กทรอนิกส์ก่อนนำไปทำลาย และจัดทำแผนที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินการและอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อทำการขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดต่อไป และพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
กรณีดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเป็นไปตามข้อสั่งการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้ง พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มอบหมายให้กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ปราบปรามดำเนินคดีเกี่ยวกับวัตถุอันตรายโดยเฉพาะขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเป็นสถานที่นำขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายและต้องห้ามนำเข้ามาในประเทศตามอนุสัญญาบาเซล (Basel Convention) หรืออนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตราย มาทิ้งด้วยการฝังกลบหรือแปรสภาพในประเทศไทย



