xs
xsm
sm
md
lg

อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” แฉบริหารไม่โปร่งใส “ซ้อลักษณ์” เหยื่อวุฒิปลอม ยันไม่เคยให้ใช้ชื่อเป็นกรรมการ ส่อยุบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ปุ๊กกี้” อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” เผย เหตุผู้ว่าฯ นนทบุรี แจ้งความต้นอ้อ จ่อยุบมูลนิธิ เห็นการบริหารไม่ถูกต้อง ผงะเจอหลักฐานเด็ด “ซ้อลักษณ์” เหยื่อถูกหลอกซื้อวุฒิปลอม ยันไม่ได้เป็นกรรมการ แต่มีชื่อพร้อมลายเซ็นโผล่โดยไม่ได้อนุญาต

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 68 นายเสฎฐวุฒิ คีรีพอน นิติกรชำนาญการ สำนักงานจังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมอาจ หมั่นอุตส่าห์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง กรณีปลอมลายมือชื่อบุคคลอื่นยื่นใช้ในการจดทะเบียนมูลนิธิกับที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง โดยไม่ได้รับความยินยอม พร้อมเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอเพิกถอนใบทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่งต่อไป

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 ต.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับ นางชฎาภรณ์ พงศ์ทอง ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้จักกับ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้ประมาณ 5 เดือน และได้มาร่วมงานกัน โดยตนเป็นผู้จัดหาเงินเข้าไปร่วมจัดตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง และจะให้ตนมีชื่ออยู่ในคณะกรรมการแต่ตนปฏิเสธ ตนเคยบอกไว้ว่าหากเปิดมูลนิธิฯได้แล้วก็จะขอกลับไปทำธุรกิจของตนเองเหมือนเดิม ระหว่างการทำงานร่วมกันตนได้ไปเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้องจึงได้ถอนตัวออกมา และไม่อยากข้องเกี่ยวกับเงินบริจาค ซึ่ง ณ ตอนนั้นตนยืนยันว่าไม่ได้มีประเด็นทะเลาะหรือขัดแย้งกันมาก่อน

ต่อมามีประเด็นเรื่องซ้อลักษณ์โดนหลอกซื้อวุฒิการศึกษาในปีที่แล้ว ตนจึงสงสัยว่าซ้อลักษณ์ได้เป็นกรรมการของมูลนิธิหรือไม่ จึงสอบถามแต่ซ้อลักษณ์ปฏิเสธ ตนจึงสืบหาความจริงจนพบเอกสารการจัดตั้งมูลนิธิ มีปรากฏชื่อซ้อลักษณ์เป็นกรรมการรวมอยู่ด้วย ซึ่งซ้อลักษณ์บอกว่าไม่ได้อนุญาตและไม่ได้เซ็นลายเซ็นดังกล่าวในการจัดตั้งมูลนิธิฯ ตนจึงเริ่มรู้สึกไม่ดีและคิดว่าเรื่องนี้ควรคุยกันแบบตรงไปตรงมา การปลอมลายเซ็นเพื่อยื่นใช้ในการจดทะเบียนมูลนิธิฯกับที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง และเอาไปยื่นกับธนาคารเพื่อเปิดบัญชีในทางกฎหมายถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการและในสำนวนระบุว่าเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่าเป็นคนปลอมลายเซ็นเอง ถ้าวันนี้ปฏิเสธว่าลายมือไม่ใช่ลายมือของเจ้าตัวถือว่าให้การเท็จในสำนวน

เรื่องนี้ถ้าเกิดว่าไม่มีหลักฐานหรือพยานและไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ทางหน่วยงานของรัฐจะไม่ตั้งข้อกล่าวหาและไม่มีการดำเนินคดีกับใคร แสดงว่าที่เรานำเอกสารยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ท่านเห็นหลักฐานและเห็นความผิดจริงถึงให้นิติกรเป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี แจ้งความดำเนินคดีกับ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” แสดงว่าหลักฐานน้้นชัดเจน รวมไปถึงการรับบริจาคเงินโดยมีผู้เสียหายคือ “ออยศรีและผองเผือก” ที่ร้องคดีความในเรื่องนี้ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ทำถูกต้องที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปลอมแปลงลายเซ็นและมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนนี้อาจจะมีการเพิกถอนมูลนิธิด้วย ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้คล้อยตามผู้มีชื่อเสียง หรือผู้ที่มีอิทธิพลต่อสื่อแต่อย่างใด

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 68 นายเสฎฐวุฒิ คีรีพอน นิติกรชำนาญการ สำนักงานจังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมอาจ หมั่นอุตส่าห์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง กรณีปลอมลายมือชื่อบุคคลอื่นยื่นใช้ในการจดทะเบียนมูลนิธิฯกับที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง โดยไม่ได้รับความยินยอม พร้อมเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอเพิกถอนใบทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่งต่อไป

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 ต.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับ นางชฎาภรณ์ พงศ์ทอง ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้จักกับ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้ประมาณ 5 เดือน และได้มาร่วมงานกัน โดยตนเป็นผู้จัดหาเงินเข้าไปร่วมจัดตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง และจะให้ตนมีชื่ออยู่ในคณะกรรมการแต่ตนปฏิเสธ ตนเคยบอกไว้ว่าหากเปิดมูลนิธิฯได้แล้วก็จะขอกลับไปทำธุรกิจของตนเองเหมือนเดิม ระหว่างการทำงานร่วมกันตนได้ไปเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้องจึงได้ถอนตัวออกมา และไม่อยากข้องเกี่ยวกับเงินบริจาค ซึ่ง ณ ตอนนั้นตนยืนยันว่าไม่ได้มีประเด็นทะเลาะหรือขัดแย้งกันมาก่อน

ต่อมามีประเด็นเรื่องซ้อลักษณ์โดนหลอกซื้อวุฒิการศึกษาในปีที่แล้ว ตนจึงสงสัยว่า ซ้อลักษณ์ได้เป็นกรรมการของมูลนิธิหรือไม่ จึงสอบถามแต่ซ้อลักษณ์ปฏิเสธ ตนจึงสืบหาความจริงจนพบเอกสารการจัดตั้งมูลนิธิฯ มีปรากฎชื่อซ้อลักษณ์เป็นกรรมการรวมอยู่ด้วย ซึ่งซ้อลักษณ์บอกว่าไม่ได้อนุญาตและไม่ได้เซ็นลายเซ็นดังกล่าวในการจัดตั้งมูลนิธิ ตนจึงเริ่มรู้สึกไม่ดีและคิดว่าเรื่องนี้ควรคุยกันแบบตรงไปตรงมา การปลอมลายเซ็นเพื่อยื่นใช้ในการจดทะเบียนมูลนิธิฯกับที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง และเอาไปยื่นกับธนาคารเพื่อเปิดบัญชีในทางกฎหมายถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการและในสำนวนระบุว่าเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่าเป็นคนปลอมลายเซ็นเอง ถ้าวันนี้ปฏิเสธว่าลายมือไม่ใช่ลายมือของเจ้าตัวถือว่าให้การเท็จในสำนวน

เรื่องนี้ถ้าเกิดว่าไม่มีหลักฐานหรือพยานและไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ทางหน่วยงานของรัฐจะไม่ตั้งข้อกล่าวหาและไม่มีการดำเนินคดีกับใคร แสดงว่าที่เรานำเอกสารยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ท่านเห็นหลักฐานและเห็นความผิดจริงถึงให้นิติกรเป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี แจ้งความดำเนินคดีกับ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” แสดงว่า หลักฐานน้้นชัดเจน รวมไปถึงการรับบริจาคเงินโดยมีผู้เสียหายคือ “ออยศรีและผองเผือก” ที่ร้องคดีความในเรื่องนี้ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ทำถูกต้องที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปลอมแปลงลายเซ็นและมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนนี้อาจจะมีการเพิกถอนมูลนิธิด้วย ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้คล้อยตามผู้มีชื่อเสียง หรือผู้ที่มีอิทธิพลต่อสื่อแต่อย่างใด








กำลังโหลดความคิดเห็น