ผบ.ตร.เผยเหตุชายวัย 37 ปี ผูกคอตายในบ้านย่านบางเสาธง ตรวจสอบแล้วไม่พบการถูกอายัดบัญชี แต่มีประวัติเสพยาเสพติด สั่งนครบาลสอบลึกหาสาเหตุการตายที่แท้จริง
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ศูนย์ปฎิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี
ช่วงเช้าวันนี้ มีเหตุชายวัย 37 ปี ผูกคอตายภายในบ้านในพื้นที่ สน.บางเสาธง โดยเพื่อนผู้ตายเป็นคนแจ้งเหตุ และให้ข้อมูลเบื้องต้น ว่า เมื่อคืนผู้ตายได้ปรับทุกข์ระบายความเครียดเกี่ยวกับเรื่องถูกระงับบัญชี ไม่สามารถใช้เงินได้ เนื่องจากบัญชีมีความเกี่ยวโยงกับบัญชีม้า ว่า เบื้องต้นรับทราบการรายงานจาก พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) แล้ว จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตมีการพูดคุยกับเพื่อน แต่ก็อาจเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้ ซึ่งทางตำรวจนครบาลได้ตรวจสอบพบว่าผู้ที่เสียชีวิตไม่ได้มีเหตุถูกระงับบัญชีแต่อย่างใด ทั้งนี้ได้สั่งผบช.น. และผู้บังคับการตำรวจนครบาล7 แล้ว ว่าให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในรายละเอียดลึกลงไป ว่าสาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากอะไร พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบพบว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกระงับบัญชี
"ผู้เสียชีวิตมีประวัติเคยพบว่ามีการเสพยาเสพติด โดยจะเรียกเพื่อนผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ เพื่อดูว่าสิ่งที่ผู้เสียชีวิตปรับทุกข์นั้นมีเรื่องหนี้สินหรือถูกระงับบัญชีจริงเท็จแค่ไหน และจะให้ทางนครบาลรายงานให้ทราบโดยเร็วที่สุด"ผบ.ตร.ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีที่ถูกอายัดแล้วเสียชีวิต ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการรับผิดชอบหรือการเยียวยาในส่วนตรงนี้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การเยียวยา จะเกิดจากการที่รับข้อมูลที่ถูกต้องก่อน ซึ่งหากเกิดเหตุจากเรื่องที่เป็นเรื่องหนี้สิน ก็ต้องคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่าเกิดจากหนี้สินอะไร และสามารถที่จะมีหน่วยงานอะไรช่วยเหลือได้บ้าง แต่หากสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากเรื่องอื่นก็ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
ทั้งนี้ หากพบว่าผู้เสียชีวิต เป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับบัญชีม้า ก็ต้องเป็นไปตามกฏหมายวิอาญา ว่า ผู้กระทำผิดเสียชีวิตในเรื่องคดี แต่คิดว่าหากเป็นอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตอาจจะเกิดความกดดันจากตัวเอง ที่กระทำความผิดแล้วไปหลอกลวงเงินคนอื่นจนจบชีวิตตัวเอง ก็จะต้องมีการชันสูตรตรวจสอบสาเหตุการตายด้วยกระบวนการ
เมื่อถามว่า หากตำรวจมีการพูดกดดันจนทำให้ผู้เสียชีวิตผูกคอตาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ก็ต้องไปดูข้อเท็จจริงก่อน