ศาลอาญาสั่งจำคุก 4 ปี "ลูกเกด ชลธิชา" สส.ประชาชนดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ลดโทษ 1ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ทนายความรอยื่นประกันระหว่างอุทธรณ์ ล่าสุดศาลมีคำสั่งให้ประกัน แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
เวลา10.00 น.วันที่ 8 ก.ย.ที่ห้องพิจารณา 901ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำอ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้องน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน(ปชน.) จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3)
กรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ้กตัวเอง เกี่ยวกับ#ราษฎรสาส์น จดหมายข้อความถึงสถาบัน ซึ่งมีเนื้อหาแสดงความคิดเห็นต่อสถาบัน เช่น การไปพักอาศัยในต่างประเทศ การโอนอัตรา กําลังพลและงบประมาณไปเป็นส่วนราชการในพระองค์ การใช้จ่ายงบประมาณของสถาบันที่ฟุ่มเฟือย และการเลื่อนยศตำแหน่งให้กับข้าราชการและพลเรือน ซึ่งข้อความดังกล่าว เป็นการ ดูหมิ่น เหยียดหยาม สถาบันเบื้องสูง
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี อ้างว่า เป็นการเรียกร้องตามสิทธิเสรีภาพ ของรัฐธรรมนูญ โดยจำเลยได้รับการประกันตัว
ในวันนี้น.ส.ชลธิชา จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมีบุคลใกล้ชิดมาให้กำลังใจ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พิพากษา จำคุกจำเลย 4 ปี คำเบิกความจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
ขณะนี้ทนายความของน.ส.ชลธิชา จำเลยเตรียมยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ไว้จำนวน 3 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์
ซึ่งช่วงเช้าก่อนเข้าฟังการพิจารณา น.ส.ชลธิชา เปิดเผยว่า ตนไม่ได้ห่วงกังวลเรื่องอะไรเพราะในช่วงที่มีการสืบพยานต่อสู้คดีความ ตนทำหน้าที่ในการต่อสู้คดีความอย่างเต็มที่ที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการเตรียมข้อเท็จจริงต่างๆแล้วก็หลักการและเหตุผลรวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆที่เกิดขึ้นจากการปราศรัยของตนเพราะฉะนั้นแล้วไม่ได้หวงกังวลอะไรที่สำคัญอย่างในวันนี้ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาในลักษณะไหนก็แล้วแต่ ตนได้เตรียมตัวเรื่องของการประกันตัวคาดหวังว่าอย่างน้อยศาลจะให้สิทธิ์ในการประกันตัวซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และที่สำคัญการพิพากษาในวันนี้เป็นแค่ศาลชั้นต้นยังมีศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกาซึ่งแน่นอนว่าคาดหวังว่าสิทธิในการประกันตัว เพื่อไปต่อสู้คดีความในชั้นอุทธรณ์ก็จะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงนี้เป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทำไมไม่ใช้เอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครองแต่เลือกที่จะมาฟังคำพิพากษา
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า เรื่องของคำพิพากษาใช้เอกสิทธิ์ไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามั่นใจในพยานหลักฐานที่จะนำมาหักล้างข้อกล่าวหาอย่างไร น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า จริงๆแล้วถ้าพูดตามตรงก็ต้องบอกว่าค่อนข้างมั่นใจเพราะอย่างที่บอกทุกคำปราศรัยตั้งแต่คดีความที่ศาลธัญญบุรีศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสองปี ทุกคำปราศรัยก็จะมีกฎหมายรองรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกฎหมายในช่วงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมองว่ามีปัญหาในเรื่องของการใช้พระราชอำนาจกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือว่าการใช้จ่ายงบประมาณซึ่งก็มีคำปราศรัยของเพื่อนส.ส. ซึ่งตอนนั้นเป็นอดีตพรรคก้าวไกลอย่างน.ส.เบญจา แสงจันทร์ก็ปราศรัยไว้ค่อนข้างดีทำให้สังคมค่อนข้างเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับ การจัดสรรงบประมาณของการของสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงเวลาดังกล่าวดังนั้นแล้วทุกคำปราศรัยทุกถ้อยคำที่ปราศรัยไปในช่วงวันนั้นก็เป็นคำปราศรัยที่มาจากความสนิทใจและและความบริสุทธิ์ใจที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยากจะเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ยืนยืนยงและมั่นคงในประเทศประเทศไทย
เมื่อถามว่ามีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างไรถ้าศาลไม่ให้ประกันตัวจะมีผลต่อตำแหน่ง ส.ส. หรือไม่
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า เรื่องนี้มีการเตรียมความพร้อมทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่ตัวเดียวเท่านั้นแต่รวมไปถึงทางพรรคประชาชนเองมีการเตรียมความพร้อมในทุกกรณีไม่ว่าดิฉันจะสามารถออกมาทำหน้าที่ในฐานะสอสอในวันนี้ได้หรือไม่แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจว่าประชาชนจะมีผู้แทนในเขตนั้นและมีผู้แทนทำหน้าที่ในการดูแลพวกเขาอย่างเต็มที่แน่นอน
อย่างไรก็ตามภายหลังศาลพิพากษา จำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส. กทม. พรรคประชาชน ที่เดินทางมาให้กำลังใจน.ส.ชลธิชา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลได้พิพากษาจำคุก น.ส.ชลธิชา ในความผิดม.112 จำนวน 4 ปี แต่น.ส.ชลธิชาให้การเป็นประโยชน์ จึงมีเหตุให้ลดโทษ หนึ่งในสาม เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา หลังจากนั้นทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
เมื่อถามว่าถ้าเกิดในวันนี้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องการขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์จะส่งผลอะไรต่อตำแหน่งส.ส.หรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า มีผลอย่างแน่นอนถ้าเกิดในวันนี้น.ส.ชลธิชา ไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว จะต้องถูกควบคุมตัวโดยกรมราชทัณฑ์ คาดว่าน่าจะนำไปควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และถ้าเกิดขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในเรือนจำแล้ว ก็จะส่งผลให้ความเป็นสมาชิกสภาพของตำแหน่งส.ส.อย่างแน่นอน และกกต.ก็จะต้องจัดเลือกตั้งใหม่ในจังหวัดปทุมธานีเขต 3 ภายใน 45 วัน
เมื่อถามว่าทางพรรคประชาชนมีการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในการขอปล่อยชั่วคราว
น.ส.ชลธิชา และคาดว่าจะไม่มีปัญหาเพราะตนเชื่อว่าศาลจะใช้ดุลพินิจอย่างเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาน.ส.ชลธิชาก็ให้ความร่วมมือกับศาลเป็นอย่างดี และวันนี้ก็เป็นคดีที่สองของเจ้าตัวต่อจากคดีที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งในครั้งนั้นก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ตนจึงมั่นใจว่าในวันนี้น.ส.ชลธิชาจะได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าในตอนนี้ส.ส.ของพรรคประชาชนอีกกี่คนที่จะต้องรอลุ้นฟังคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ
นายปิยะรัฐ กล่าวว่า ในส่วนนี้ยังมีคดีของ น.ส.รักชนก ศรีนอก ที่กำลังรอฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ส่วนของตนนั้นยกฟ้องไปแล้วหวังว่าจะไม่มีการอุทธรณ์ และอีกคดีที่อยู่จังหวัดอุบลราชธานี
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. นายปิยรัฐ จงเทพ เปิดเผยว่า หลังจากก่อนหน้า ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาชน ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท ล่าสุดศาลอาญามีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของน.ส.ชลธิชา ให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา ว่าจะให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากเป็นคดีสำคัญและสาธารณะชนจับตามอง รวมทั้งคดีดังกล่าวจะต้องเข้าสู่ชั้นอุทธรณ์อยู่แล้ว จึงเห็นสมควรส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาเพื่อความรอบคอบ
ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ว่าจะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งตามปกติหากส่งเรื่องภานในช่วงบ่าย จะมีคำสั่งได้ภายในเย็นวันนี้ แต่ถ้าศาลไม่สามารถพิจารณาภายในวันนี้ได้ ก็อาจจะต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างน้อย 1-2 วัน แต่คืนนี้จะต้องส่งตัวเข้าเรือนจำ เมื่อนั้นก็จะทำให้ความเป็นสมาชิกภาพส.ส.ของน.ส.ชลธิชาสิ้นสุดลงทันที อย่างไรก๋ตามหวังว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งประกันออกมาเร็ว
เมื่อเวลาประมาณ15.30 น.ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ น.ส.ชลธิชา จำเลยประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 3 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล