โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ทุกวันนี้สิ่งเร้าในสังคมยุคใหม่มีมากมายเหลือเกิน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญของชีวิต สำหรับคนที่มีคู่รักที่อาจจะกำลังคบหากันเป็นแฟนหรือแต่งงานเป็นครอบครัวกันไปแล้ว ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนมองว่าเป็นภัยคุกคามของความรักลำดับต้นๆนั่นก็คือ “ปัญหาการนอกใจ” เคยมีสื่อไทยนำเสนอหลายต่อหลายครั้งว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการนอกใจติดอันดับต้นๆของโลก และประเด็นนี้ก็ได้รับความสนใจในโซเซียลอย่างล้นหลาม ดูได้จากสังคมค่อนข้างให้ความสนใจกับข่าวสามีภรรยามีชู้หรือประเด็นปัญหาครอบครัวที่น่าสนใจก็จะถูกเชิญมานั่งถกกันในรายการทีวี เป็นต้น
มาดูที่ฝั่งของจีน ศาสตราจารย์ฟานหลังหมิงแห่งมหาวิทยาลัยประชาชนจีน กล่าวว่า “อัตราการนอกใจของชาวจีนในตอนนี้สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก” โดยศาสตราจารย์ฟานได้สรุปจากการวิจัยตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ซึ่งทำการสำรวจแบบสุ่มทั่วประเทศทุกๆ 5 ปี ผลที่ออกมาคือไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง อัตราการนอกใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงระหว่างปี 2000-2015 อัตราการนอกใจของฝ่ายหญิงเพิ่มจาก 4% ในปี 2000 ขึ้นเป็น 13.3% ในปี 2015 เท่ากับว่า ในผู้หญิงที่เป็นภรรยา 7.5 คน จะมี 1 คนที่นอกใจ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดบนโลก ส่วนอัตราการนอกใจของฝ่ายชาย เพิ่มจาก 11.8% เป็น 34.8% มากเป็นสามเท่าของผู้หญิงที่มีพฤติกรรมนอกใจ
ในยุคก่อนๆ จีนมีอัตราการแต่งสูงและหย่าร้างต่ำ กลับกันในปัจจุบันอัตราการแต่งงานต่ำและอัตราการหย่าร้างสูง แนวโน้มของจีนก็มีความคล้ายคลึงกับไทยอยู่เช่นกัน หลายคนบอกว่าคนรุ่นใหม่ไม่มีความอดทนเหมือนคนรุ่นก่อนๆ ความอดทนที่ว่านี้ไม่ใช่แค่กับเรื่องการงานเท่านั้น แต่ในเรื่องของความสัมพันธ์ก็ด้วย อีกประเด็นที่สำคัญคือ “การนอกใจในยุคปัจจุบันมีต้นทุนที่ต่ำ จะนอกใจเมื่อไหร่ก็ได้” เพราะสังคมที่เชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ต แอปเดท แอปหาคู่มีเป็นดอกเห็ด ทำให้การนอกใจกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก บวกกับความคิดของคนรุ่นใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้น ความอยากรู้อยากลองเกี่ยวกับความสัมพันธ์นอกสมรส จังหวะการทำงานที่เร่งรีบ และการที่คู่สามีภรรยาหลายคู่ไม่ใส่ใจต่อความผูกพันทางอารมณ์ เงื่อนไขด้านทรัพย์สินเงินทองกลายเป็นประเด็นใหญ่ในชีวิตคู่และครอบครัว
วิกฤตชีวิตสมรสของชาวจีนดูเหมือนว่าจะแผ่ขยายขึ้น ก่อนหน้าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่มีแนวโน้มที่จะนอกใจคู่ครองมากกว่าคนที่อยู่ในพื้นที่ชนบท แต่ปัจจุบันคนที่อาศัยอยู่ในเมืองชั้นรองๆและชนบทก็มีแนวโน้มที่จะนอกใจคู่ครองได้มากเช่นกัน มีอีกสาเหตุหนึ่งของการนอกใจระหว่างสามีภรรยา ที่มีกรณีเกิดขึ้นบ่อยครั้งคือการที่คู่สามีและภรรยาทำงานใช้ชีวิตอยู่คนละแห่งและห่างไกล มีกรณีตัวอย่างของคู่สามีภรรยาจีน ทำงานอยู่คนละเมือง แต่ละเดือนสามีจะกลับมาบ้านหนึ่งครั้งแต่ละครั้งมีเวลาพักอยู่บ้าน 4-5 วัน แต่ทุกครั้งที่สามีกลับมาภรรยาจะหาเรื่องออกไปเที่ยวกับเพื่อนตลอดเวลา สุดท้ายแล้วเพราะภรรยาเล่นติ๊กต็อกและไปพบรักกับผู้ชายคนใหม่ นัดเจอและสานสัมพันธ์ในช่วงที่สามีไม่อยู่ แล้วก็เริ่มคบหากัน สามีรู้แบบนั้นแล้วจะหย่าก็เป็นห่วงลูก สถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก มีชาวเน็ตจีนให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า “คู่สามีภรรยาอย่าใช้ชีวิตอยู่คนละที่เป็นอันขาด จะมีสักกี่คู่ที่ไม่มีเรื่องนอกใจ? ” กรณีแบบนี้เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งยังมีอีกมากมายในจีน บางกรณีการนอกใจที่เคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งก็มีอีกมากที่บางทีอ่านเรื่องราวแล้วแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคือเรื่องจริง เช่น หญิงมีสามีหลายสิบคน ชายมีภรรยาพร้อมกันเป็นสิบคน เป็นต้น
นอกจากนี้ มีการเก็บสถิติจากหน่วยงานทะเบียนสมรสของเมืองใหญ่ของจีน พบว่าคู่สมรสที่มาหย่าร้างเกือบ 35% มีสาเหตุมาจากการนอกใจ รายงานคุณภาพชีวิตสมรสปี 2024 ของมหาวิทยาลัยเหรินหมิน ระบุว่า 68% ของภรรยาในจีน มีเวลาสื่อสารอย่างลึกซึ้งกับคู่ชีวิต ไม่ถึง 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และรายงานภาคจิตวิทยา มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็พบว่า ชีวิตคู่ที่ขาดการตอบสนองทางอารมณ์ มีโอกาสพังเร็วขึ้น 3.2 เท่า จีนมีประโยคที่ว่า ผู้ชายมีเงินแล้วจะเหลวไหล (男人有钱变坏) แต่ทุกวันนี้ผู้หญิงที่มีเงิน หาเลี้ยงตัวเองได้ก็มีสิทธิในการเลือกรูปแบบชีวิตเช่นกัน ในสังคมจีนยุคใหม่นี้มีผู้หญิงกว่า 60% ที่ทำงานมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้ มีกรณีหญิงจีนที่ได้รับการโปรโมทด้านการงานเรื่อยมา จนขึ้นเป็นผู้บริหารของบริษัท ได้ฟ้องหย่ากับสามีที่ขับรถแท็กซี่แล้วเธอกลับไปใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่ต้องการ
เงินกลายเป็น“เสื้อเกราะกันกระสุน” ทำให้ผู้หญิง ไม่ต้องกลัวว่าจะพังไม่เหลืออะไร เมื่อชีวิตสมรสเกิดวิกฤติ มีรายงานที่น่าสนใจของปี 2025 หนังสือปกฟ้าสถานการณ์การสมรสของประชาชนจีน พบว่า ในกลุ่มผู้หญิงที่มีรายได้เกิน 30,000 หยวนต่อเดือนหรือประมาณ 1.3 แสนบาท 79% จะเป็นฝ่ายเสนอการแบ่งทรัพย์สินเมื่อหย่า อัตราสูงกว่าผู้หญิงรายได้น้อยกว่าถึง 41% ผู้หญิงจีนยุคใหม่เลี้ยงตัวเองได้และต้องการการเชื่อมโยงทางอารมณ์มากกว่าข้าวปลาอาหาร
อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นปัญหากันมากของคู่สมรส คือปัญหาการซื้อหญิงบริการ มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเหรินหมิน พบว่า ในกลุ่มผู้ชายอายุ 18-61 ปี มีคนที่เคยซื้อบริการทางเพศอยู่ที่ 6.4% ข้อมูลนี้มาจากการสำรวจเชิงสุ่มทั่วประเทศ ครอบคลุมช่วงอายุ 20-64ปี และใช้รูปแบบไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แม่นยำที่สุด ชายที่ช่วงอายุ 25-29 ปี เป็นช่วงวัยที่ซื้อบริการทางเพศมากที่สุดประมาณ 26.5% กลุ่มนี้เป็นช่วงวัยที่เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเองและเริ่มอยากแสวงหาประสบการณ์ รองลงมาคือชายที่ช่วงอายุ 30-34 ปี มีอัตราซื้อบริการทางเพศ 17.7% โดยอธิบายว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มวัยที่กำลังสร้างตัว แต่ยังมีแรงขับทางเพศสูง ส่วนยิ่งอายุมากเปอร์เซ็นต์การซื้อบริการทางเพศก็ลดหลั่นไป ตามปัจจัยของร่างกายและค่านิยมที่เปลี่ยนไป ในเขตเมืองมีอัตราการซื้อบริการทางเพศที่สูงกว่า สาเหตุหลักคือรายได้สูง และตัวเลือกความบันเทิงมากกว่า ปัจจุบันคนจีนยังมองการซื้อบริการ ว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรมหรือเป็น “เขตสีเทาทางสังคม” (灰色地带) การซื้อบริการยังเป็นรูปแบบหนึ่งของการนอกใจและการหย่าร้างด้วย
สาเหตุที่ชาวจีนยุคใหม่เกิดปัญหานอกใจมากขึ้น ไม่ได้มีเพียงเรื่องศีลธรรมที่เสื่อมลง แต่เกิดจากปัจจัยหลายมิติที่ซ้อนกันทั้งเศรษฐกิจ, สังคม, ความคาดหวัง, สื่อดิจิทัลและช่องว่างทางอารมณ์ ซึ่งยังมีประเด็นต่างๆต่อไปนี้คือ
• แต่งงานเพราะต้องแต่ง คนจีนจำนวนมากเผชิญแรงกดดันจากครอบครัว เช่น อายุ 30 แล้วยังไม่แต่งงานถือเป็นเรื่องผิดปกติ เป็นการแต่งงานเพราะหน้าตา ไม่ใช่เพราะพร้อมจะอยู่กับใครในระยะยาว
• คู่รักจำนวนมากคุยกันแต่เรื่อง “ชีวิตประจำวัน – ค่าใช้จ่าย – ลูก” ครอบครัวเกิดภาวะล้มละลายทางอารมณ์
• เทคโนโลยีทำให้การนอกใจ เกิดได้ง่ายและเร็ว ช่องทางสร้างโลกขนาน ที่คู่ชีวิตไม่รู้ อย่างการนอกใจเริ่มจากการแชท เมื่อคนรู้สึกว่าโลกออนไลน์เข้าใจตัวเองมากกว่าในบ้านก็จะเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นำไปสู่การหย่าร้าง
• วัฒนธรรมที่มาจากสื่อ เช่น คอนเทนต์ยุคใหม่ทำให้คนรู้สึกว่าความรักต้องตื่นเต้นตลอดเวลา เมื่อความตื่นเต้นหายไปก็จะเริ่มมองหาคนใหม่
มีประโยคของคนจีนยุคใหม่ที่ว่า “การแต่งงานให้ความมั่นคงกับฉัน แต่คนรักที่ไม่ใช่คู่แต่งงานให้คุณค่าทางอารมณ์”! ผู้อ่านเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวหรือไม่? ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมไม่ว่าในไทยและจีนก็มีมาก โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลนี้ อาจจะเนื่องด้วยคนยุคปัจจุบันเป็นปัจเจกนิยมมากขึ้น คนรุ่นใหม่จำนวนมากอยากทำอะไรก็กล้าทำ ก็ไม่ค่อยจะแคร์สังคมหรือสายตาคนอื่นสักเท่าไหร่นัก
เรื่องปัญหาการนอกใจกำลังสะท้อนปัญหาสังคมที่ฝังรากอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานคุณธรรมและศีลธรรมในสังคม ส่งผลกระทบให้คนไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีคู่ สุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาระดับประเทศที่อัตราการมีแต่งงานและอัตราการเกิดต่ำและกระทบกับระบบการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ


