ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 ก.ย.) จีนจัดพิธีรำลึกวาระครบรอบ 80 ปี ชัยชนะของประชาชนจีนในสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่สอง
อนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามต่อต้านญี่ปุ่นในจีนยุติลงอย่างเป็นทางการหลังจากที่ญี่ปุ่นลงนามในตราสารยอมจำนนเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ปี 1945 ซึ่งต่อมาจีนได้กำหนดวันที่ 3 กันยายนเป็น “วันแห่งชัยชนะ”
จีนต่อสู้สงครามต่อต้านญี่ปุ่นเมื่อกองทัพจักรวรรดินิยมญี่ปุ่นเริ่มบุกรุกเข้ามาในแผ่นดินจีนตั้งแต่ปี 1931 จนกระทั่งการสู้รบระหว่างจีนญี่ปุ่นได้กลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบในปี 1937
ข้อมูลจีนระบุว่าสงครามต่อต้านญี่ปุ่นที่ยาวนาน 14 ปี (1931-1945) คร่าชีวิตทหารและพลเรือนจีนถึง 35 ล้านคน โดยมีสมรภูมิที่นองเลือดอย่างเหี้ยมเกรียมที่สุดคือ ระหว่าง 6 สัปดาห์ของการบุกยึดนครนานกิง (หรือหนันจิงในมณฑลเจียงซู) เมื่อปลายปี 1937 โดยทหารญี่ปุ่นได้ฆ่าหมู่ชาวจีน 300,000 กว่าคน มีผู้หญิงถูกข่มขืนราว 20,000 คน ! สงครามนานกิงได้ทิ้งรอยแผลเป็นทางประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์จีนและญี่ปุ่นอย่างเลวร้ายที่สุด
"สงครามนานกิง" โหดเหี้ยมขนาดไหน?... สื่อที่เปิดโปงถึงการฆ่าหมู่ประชาชนจีนที่นานกิงได้อย่างป่าเถื่อนน่าตกตะลึงที่สุดคือ ภาพยนตร์และหนังสือ ซึ่งผู้เขียนขอกล่าวถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ดูและเคยอ่านผ่านตา
ก่อนหน้านี้ มีการตีแผ่ความโหดเหี้ยมป่าเถื่อนในการฆ่าหมู่ชาวนานกิงผ่านภาพยนตร์และหนังสือที่ช็อกโลกมากคือ ภาพยนตร์เรื่อง “นานกิง 1937” (南京1937) หรือในชื่อสากลคือ Don’t Cry Nanking และชื่อภาษาไทยคือ “สงครามอำมหิตปิดตาโลก” Don’t Cry Nanking เป็นภาพยนตร์ที่ร่วมทุนสร้างโดยจีน ไต้หวัน และฮ่องกง และออกฉายในปี 1995 ผู้กำกับ คือ อู๋จื้อหนิว (吴子牛)
ไคลแม็กซ์ของภาพยนตร์ Don't Cry, Nanking คือ ฉากจบของหนังโดยเป็นฉากที่ทหารญี่ปุ่นบุกพังรั้ว “เขตปลอดภัยของนานาชาติ” เพื่อเข้าไปข่มขืนเข่นฆ่าผู้หญิง เด็ก และคนแก่ โดยหนึ่งในเหยื่อคือสาวญี่ปุ่นแม้เธอรอดพ้นจากการข่มขืนเพราะเป็นชาวญี่ปุ่น แต่เมื่อทหารญี่ปุ่นรู้ว่าเธอตั้งครรภ์กับชายจีน จึงทำร้ายเธอเพื่อให้เด็กแท้ง แต่เด็กก็คลอดออกมาและรอดชีวิต ขณะที่แม่ได้ตั้งชื่อลูกก่อนสิ้นลมหายใจว่า “นานกิง” หนุ่มจีนได้พาเด็กนักเรียนพร้อมกับทารกน้อยเลือดผสมจีนและญี่ปุ่นลงเรือหนีไปตามลำน้ำแยงซีเกียง และปิดฉากภาพยนตร์ด้วยเพลงกล่อมเด็ก “อย่าร้องไห้นานกิง”
สองปีต่อมา มีการเปิดโปงการฆ่าหมู่ชาวจีนในสมรภูมินานกิงผ่านหนังสือ The Rape of Nanking: The Forgotten Holocaust of World War II ผู้เขียนคือ ไอริส จาง (张纯如) นักหนังสือพิมพ์และนักประวัติศาสตร์ หนังสือตีแผ่สงครามนานกิงที่เขียนขึ้นจากการค้นคว้ารวบรวมเอกสารข้อมูล ภาพถ่ายต่างๆจากทั่วโลกเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือขายดี สำหรับฉบับพากย์ภาษาไทยใช้ชื่อปก คือ หลั่งเลือดที่นานกิง
หนังสงครามนานกิงเรื่องล่าสุดที่สร้างความฮือฮาข้ามโลก เป็นภาพยนตร์ที่สร้างโดยจีน คือ 南京照相馆 สำหรับหนังเรื่องนี้ผู้เขียนขอแปลตรงอักษรคือ “ร้านถ่ายรูปนานกิง” ชื่ออังกฤษ คือ Dead to Rights ผู้กำกับคือ เซินเอ้า (申奥) หนังเรื่องนี้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ที่จีนเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา
ภาพยนตร์ “ร้านถ่ายรูปนานกิง” ประสบความสำเร็จเกินคาด โดยทำสถิติรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศต่อเนื่องถึงสองเดือน เท่ากับ 5,958 ล้านหยวน (หรือกว่า 27,129 ล้านบาท) จากข้อมูลเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา
ภาพยนตร์ฯเรื่องนี้เป็นเรื่องราวในร้านถ่ายภาพเล็กๆที่ชาวจีนใช้เป็นที่หลบภัยระหว่างสงคราม ทหารญี่ปุ่นได้บังคับให้ชาวจีนในร้านล้างฟิลม์ถ่ายภาพให้พวกเขา ซึ่งเป็นภาพการเข่นฆ่าชาวจีนอันป่าเถื่อน เด็กฝึกงานในร้านได้แอบเก็บภาพไว้และกลายเป็นหลักฐานอาชญากรรมสงครามของกองทัพญี่ปุ่น
สื่อจีนได้รายงานบรรยากาศที่ชาวจีนแห่แหนไปชมภาพยนตร์ “ร้านถ่ายรูปนานกิง” พ่อแม่ผู้ปกครองพาลูกเล็กไปชม (ที่จีนไม่มีการแบ่งเรทภาพยนตร์และจำกัดอายุผู้ชม) ภาพยนตร์ฉายภาพทหารญี่ปุ่นลั่นกระสุนปืนกระหน่ำยิงชาวจีนจำนวนนับพับนับหมื่นที่ถูกจับตัวมาแล้วบังคับให้เดินลงแม่น้ำอันเย็นยะเยือกในฤดูหนาว ฉากทหารญี่ปุ่นใช้คนเป็นๆมาเป็นเป้าในการฝึกฝนการใช้ดาบ แม้ผู้กำกับหนังพยายามควบคุมฉากนองเลือด โดยใช้แสงเงา เสียงเงียบ และปฏิกิริยาของตัวละครเป็นตัวขับเคลื่อนอารมณ์ผู้ชม ทว่า ก็มีเด็กๆที่ชมภาพยนตร์ร้องไห้จ้าระหว่างชมภาพยนตร์ …รายงานในสื่อจีนยังเผยว่าเด็กน้อยบางคนดูหนังจบกลับมาบ้าน นำการ์ดตัวละครการ์ตูนญี่ปุ่นมาฉีกทิ้ง!
สื่อจีน พีเพิล เดลี ระบุว่า ภาพยนตร์ “ร้านถ่ายรูปนานกิง” เป็นการส่งต่อความทรงจำและสืบทอดภารกิจทางประวัติศาสตร์ให้กับคนรุ่นใหม่
ในหน้ากระทู้บนโซเชียลมีเดียจีนที่ถกเถียงเกี่ยวกับ ภาพยนตร์เรื่อง ร้านถ่ายรูปนานกิง หลังจากที่ออกฉายราวสองสัปดาห์ มีผู้กดไลค์ ร่วม 7 แสนไลค์ ซึ่งคอมเมนท์ส่วนใหญ่เป็นไปในทางลบ และข้อความที่มีผู้กดไลค์มากที่สุด คือ คำพูดของพลเรือนจีนที่พูดกับทหารญี่ปุ่น ว่า “เราไม่ใช่เพื่อนกัน และไม่มีวันฯ”
อีกคอมเมนท์หนึ่ง ว่า “บางเรื่องที่ไม่อาจลืม ไม่ใช่เพราะพวกเราเจ็บแค้น แต่เป็นเพราะว่า การลืมเท่ากับการทรยศ”
นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์สงครามเรื่องใหม่ที่สร้างโดยจีนอีกเรื่อง คือ 《731》หรืออีกชื่อคือ EVIL UNBOUND
ในสงครามญี่ปุ่นรุกรานประเทศจีนครั้งที่สอง (1937-1945) กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการลับที่มีชื่อรหัสว่า “หน่วย 731” เพื่อทำการวิจัยอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมีในหลายมณฑลทางภาคเหนือจีน และได้นำมนุษย์คือกลุ่มเชลยสงครามมาเป็นหนูทดลองอาวุธร้ายแรงที่พวกเขาทำการวิจัย เช่น การฉีดเชื้อโรคร้ายแรง การผ่าตัดคนเพื่อเอกาอวัยวะออกมาสำหรับนำมาใช้ใหม่ ฯลฯ
ผู้สร้างหนังฯได้กำหนดฤกษ์ฉายภาพยนตร์ 731 ในโรงภาพยนตร์คือ วันที่ 18 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 94 ปี ของเหตุการณ์ทหารญี่ปุ่นระเบิดทางรถไฟใกล้เมืองเสิ่นหยัง ปี 1931 โดยเหตุการณ์ฯนี้ถือเป็นการจุดชนวนการรุกรานจีนของกองทัพญี่ปุ่น ชาวจีนเรียกขานเหตุการณ์นี้ตามชื่อวันเกิดเหตุคือ “วันที่ 18 กันยายน” ( 九一八)ส่วนชื่อสากลคือ “เหตุการณ์มุกเดน” (Mukden Incident)
การตีแผ่ประวัติศาสตร์การเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม อาจเสมือนดาบสองคม … โดยด้านหนึ่งเป็นบทเรียนมิให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทว่า ขออย่าให้คมดาบอีกด้านกรีดหัวใจและทิ้งรอยแผลแห่งความเกลียดชังเจ็บแค้นที่จะต้องเอาคืน เพราะมันคือชนวนสงครามในครั้งต่อไป
“前事不忘,后事之师”
คือสำนวนจีนโบราณ หมายถึง อดีตที่ไม่ลืม ให้ถือเป็นครูหรือบทเรียนในการสร้างอนาคต.