xs
xsm
sm
md
lg

จีนทิ้งLNG มะกัน ก๊าซจากท่อส่งรัสเซียและปริมาณการผลิตภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เรือบรรทุก LNG จอดเทียบที่สถานีรองรับของบริษัทซิโนเปก ( Sinopec ) ในเมืองเทียนจิน – ภาพ : ซินหัว
มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าจีนได้ลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ลงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว หลังจากแซงหน้าญี่ปุ่นกลายเป็นชาติผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2564 โดยที่จีนครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 40 ของการเติบโตในการนำเข้า LNG ทั้งหมดของทวีปเอเชีย

แนวโน้มการนำเข้าที่ลดลงดูเหมือนขัดแย้งกับการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ว่าความต้องการ LNG ของจีนจะยังคงเติบโตต่อไปจนถึงปี 2578

แนวโน้มที่ไม่คาดคิดนี้เกิดจากหลายปัจจัย


ประการแรก จีนเพิ่มการนำเข้า LNG ผ่านท่อส่งจากรัสเซียและเอเชียกลางอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการผลิตก๊าซธรรมชาติภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ทั้งสองปัจจัยนี้ส่งผลให้ความต้องการ LNG ลดลง โดยในปี 2566 การนำเข้าจากท่อส่งคิดเป็นร้อยละ 41 ของปริมาณการนำเข้า LNG ของจีน 16,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยรัสเซีย (ผ่านท่อส่ง Power of Siberia 1 ) เติร์กเมนิสถาน และพม่า เป็นประเทศผู้จัดหาส่วนใหญ่

จีนเป็นเป้าหมายหลักในยุทธศาสตร์การเปลี่ยนทิศทางการส่งออกพลังงานจากยุโรปไปสู่เอเชียของรัสเซีย โดยคาดว่า Power of Siberia 1 ( พลังแห่งไซบีเรีย 1 ) จะบรรลุขีดความสามารถสูงสุดที่ 38,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในปี 2568 และรัสเซียยังมีแผนการสร้างPower of Siberia 2 เพื่อเพิ่มการส่งออกไปยังจีนอีกปีละ 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนั้น รัสเซียกำลังสำรวจการสร้างท่อส่งไปจีนในเส้นทางที่มีศักยภาพอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงเส้นทางผ่านคาซักสถาน


ประการที่สอง จีนระงับการนำเข้า LNG จากสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึงร้อยละ 125 จีนหันไปซื้อจากชาติในเอเชีย เช่น กาตาร์และอินโดนีเซียแทน

ประการที่สาม ความต้องการภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลงอันเนื่องมาจากภาคอุตสาหกรรมและเคมีภัณฑ์ของจีนชะลอการเติบโต ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจแดนมังกร ส่งผลกระทบต่อความต้องการ LNG


ประการสุดท้าย ฤดูหนาวที่อุ่นขึ้นส่งผลให้ความต้องการใช้เครื่องทำความร้อนภายในที่อยู่อาศัยลดลง โดยเฉพาะในภาคเหนือของจีน


การนำเข้า LNG ที่ลดลงของจีนส่งผลกระทบเป็นระลอกคลื่นต่อตลาดพลังงานทั่วโลก โดยทำให้ปริมาณ LNG กลับมาเพิ่มขึ้น และลดแรงกดดันด้านอุปทานแก่ชาติอื่นๆ ในเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่น อินเดีย และยุโรป


นอกจากนั้น ยังทำให้ราคา Spot LNG ในตลาดเอเชียลดลงมาอยู่ที่ 11 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ในเดือนพฤษภาคม 2568 จากระดับสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ 16.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ผู้ซื้อชาวจีนมักจะหันไปใช้ก๊าซจากท่อส่งและการผลิตภายในประเทศเมื่อราคาก๊าซในเอเชียสูงกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู


การระงับการส่งออก LNG ของสหรัฐฯ ไปจีนยังส่งผลกระทบต่อสัญญาระยะยาวสำหรับการจัดส่ง 20 ล้านตันต่อปีกับซัปพลายเออร์สหรัฐฯ อีกด้วย


ทั้งนี้ จากข้อมูลการติดตามเรือในเว็บไซต์ Kpler ซึ่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน คาดว่าการนำเข้า LNG ของจีนจะอยู่ที่ 5 ล้านตันในเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบเป็นรายปี และเป็นการนำเข้าลดลงต่อเนื่องมา 8 เดือนแล้ว


ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ปริมาณการนำเข้า LNG ของจีนลดลงเหลือ 20 ล้านตัน จาก 29 ล้านตันในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คาดว่าปริมาณการนำเข้าทั้งปีสำหรับปีปัจจุบันจะลดลงร้อยละ 6-11 เหลือ 76,650,000 ล้านตัน โดยในปี 2566 จีนนำเข้า LNG เฉลี่ยวันละ 9,500 ล้านลูกบาศก์ฟุต โดยนำเข้าจากออสเตรเลียร้อยละ 34 กาตาร์ร้อยละ 23 รัสเซียร้อยละ 11% และมาเลเซียร้อยละ 10


ที่มา : "
China Ditches U.S. LNG as Russian Pipelines and Domestic Output Surge" ใน

OilPrice.com




กำลังโหลดความคิดเห็น