อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ( อีวี) ของจีนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อบริษัทฟอร์ด
นาย จิม ฟาร์ลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกันแห่งนี้บอกกับนาย วอลเตอร์ ไอแซกสัน นักเขียนชื่อดังระหว่างการอภิปรายในงานเทศกาลแอสเพนไอเดีย ( Aspen Ideas Festival ) เมื่อวันศุกร์ ( 27 มิ.ย.) เมื่อถูกถามเกี่ยวกับตลาดอีวีแดนมังกรและเปิดเผยด้วยว่า เขาได้มีโอกาสเดินทางไปจีนราว 6-7 ครั้งในปีที่แล้ว
นายฟาร์ลีย์กล่าวว่า ความก้าวหน้าของอีวีจีนเป็นสิ่งน่าเกรงขามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา โดยอีวีที่มีอยู่ทั้งหมดในโลกนั้นร้อยละ 70 ผลิตในจีน นอกจากนั้น เทคโนโลยีภายในรถยนต์ก็เหนือชั้นกว่ามาก มีเทคโนโลยีของหัวเว่ยและเสี่ยวหมี่อยู่ในรถทุกคัน
“ เมื่อคุณขึ้นรถ คุณไม่ต้องเชื่อมต่อโทรศัพท์กับอุปกรณ์ภายในรถเลย ชีวิตดิจิทัลทั้งหมดของคุณจะถูกสะท้อนลงในรถโดยอัตโนมัติ” นายฟาร์ลีย์อธิบาย
เหตุผลหนึ่งที่ฟอร์ดไม่สามารถเสนอสิ่งที่คล้ายกันนี้ได้ก็เพราะยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างกูเกิลและแอปเปิล "ตัดสินใจไม่ทำธุรกิจรถยนต์" นอกจากนั้น ต้นทุนและคุณภาพของอีวีจีนยังเหนือกว่าสิ่งที่นายฟาร์ลีย์เห็นในตะวันตกอย่างมาก
“เราอยู่ในการแข่งขันระดับโลกกับจีน และไม่ใช่แค่อีวีเท่านั้น หากเราแพ้ เราก็จะไม่มีฟอร์ดในอนาคต” เขากล่าวเสริม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซีอีโอฟอร์ดยกย่องจีนคู่แข่ง นายฟาร์ลีย์เคยปรากฏตัวในรายการ " The Fully Charged Podcast" ซึ่งออกอากาศเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยพูดถึงเสี่ยวหมี่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่างชื่นชมว่า เป็น "ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมและเป็นแบรนด์ผู้บริโภคที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เสียอีก "
ตอนนั้น นายฟาร์ลีย์ยังบอกด้วยว่า ถึงแม้จะไม่ชอบพูดเกี่ยวกับคู่แข่งมากนัก แต่ตัวเขาเองก็ขับรถXiaomi Speed Ultra 7 อีวีรุ่นแรกของเสี่ยวหมี่ ซึ่งเขาขนส่งมาทางเครื่องบินจากเซี่ยงไฮ้มาชิคาโก เขาขับมาได้ 6 เดือนและติดใจจนไม่อยากเลิกขับเลยทีเดียว
ทั้งนี้ เสี่ยวหมี่เพิ่งเปิดตัวอีวีรุ่นที่สองคือYU7 เมื่อเดือนที่แล้วโดยโฆษณาว่า เป็นรถSUVหรูสมรรถนะสูง เพื่อเป็นทางเลือกที่มีราคาถูกกว่า Model Yของบริษัทเทสล่า
เสี่ยวหมี่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าYU7 มีคำสั่งซื้อเข้ามามากกว่า 2 แสนราย ราคาอยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ Model Y ราคาอยู่ที่ 36,760 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับฟอร์ดกำลังเปลี่ยนกลยุทธ์เกี่ยวกับอีวี โดยจะหันมาผลิตรถไฮบริดแทนรถพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ ซึ่งต้องใช้ต้นทุนเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ ตามการเปิดเผยของจอห์น ลอว์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของฟอร์ดเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2567
หุ้นของฟอร์ดมีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 9 ในปีนี้
ที่มา : บิสซิเนสอินไซเดอร์
