xs
xsm
sm
md
lg

‘ชีวิตดุจความฝัน’ในความทรงจำของ‘เลสลี่ จาง’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วันเอพริลฟูลเดย์ หรือ เมษาโกหก เวียนมาถึงอีกครั้ง หลายคนยังไม่ลืมว่า ในวันที่ 1 เมษายนเมื่อ 2 ปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ที่ช็อกความรู้สึกของแฟนเพลงและคอภาพยนตร์จีนทุกคน เมื่อ ‘เลสลี่ จาง’ หรือ ‘จางกั๋วหยง’ ดาวจรัสแสงแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง ต้องดับแสงลงไปอีกดวง

ในโอกาสครบ 2 ปีแห่งการจากไปของซูเปอร์สตาร์คนนี้ นักข่าวของนิตยสารซินหมิน วิคลี่ ได้นำบทความที่เคยสัมภาษณ์เขา เมื่อครั้งที่แสดงนำในเรื่อง Temptress Moon และ Shanghai Grand เกี่ยวกับมุมมองในเรื่อง ความรัก และ การดำรงชีวิต มาตีพิมพ์อีกครั้ง...

‘รัก’ มีพลังทำร้ายและฆ่าคน

หน่วยงานวิจัยเรื่องจิตวิทยาและประสาทของญี่ปุ่น อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการศึกษาเรื่อง ‘โรคซึมเศร้า’ (Depression) เป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขามองว่า ในบรรดาโรคเกี่ยวกับระบบประสาททั้งหมด โรคซึมเศร้าเป็นปัญหาใหญ่และร้ายแรงที่สุด โดยทั่วไปโรคนี้ไม่ใช่โรคทางพันธุกรรม แต่เกี่ยวข้องกับความกดดันจากสิ่งแวดล้อม คน หรือ ตัวเอง

ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า จะมีความรู้สึกในแง่ลบต่อตนเอง คิดถึงแต่เรื่องความผิดที่ตนเองทำไป ท้อแท้หมดหวัง รู้สึกชีวิตไร้ค่า หรือถึงขั้นคิดอยากฆ่าตัวตาย ซึ่ง เลสลี่ จาง ก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องทนทุกข์กับโรคนี้

“ผมกระหายอยากได้ความรัก แต่ก็รู้ว่ามันไม่ได้พบกันง่ายๆ ความรักไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเสมอไป บางครั้งมันก็มีพลังในการทำร้ายและฆ่าคนด้วย”

นี่เป็นคำพูดที่ผู้สื่อข่าวบันทึกตอนสัมภาษณ์ เลสลี่ จาง เมื่อหลายปีก่อน ขณะที่เขาแสดงภาพยนตร์เรื่อง Temptress Moon ของผู้กำกับ เฉินข่ายเกอ .... ตัวละครในเรื่องนี้ แตกต่างจาก เฉิงเตี๋ยอี ในเรื่อง Farewell my Concubine หน้ามือเป็นหลังมือ จากประเด็นความแตกต่างนี้ โยงไปสู่การพูดคุยเรื่องความรักระหว่างหญิง-ชาย และ ชาย-ชายในความรู้สึกของเลสลี่ จาง

“ผมมองว่าความรักระหว่างเพื่อน ญาติพี่น้อง แตกต่างกับความรักแบบคนรักนะ ความรักของเพื่อนและพี่น้องอบอุ่น ใจกว้าง ให้อภัย ไม่หวือหวา แต่สำหรับความรักฉันท์ชู้สาวแล้ว กลับให้ความรู้สึกของอารมณ์ที่พุ่งพล่าน รุนแรง ทำให้คุณร้อนวูบวาบ แต่ถ้าประคับประคองไม่ดี ก็จะทำร้ายคุณจนสาหัสเลยทีเดียว” เลสลี่ จางอธิบาย พร้อมดวงตาเป็นประกาย

“จริงๆ นะ มีแต่คนที่มีประสบการณ์เท่านั้นจึงจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพบกับความรักที่รุนแรงลึกซึ้งหรอก ดังนั้นพวกเขาก็อาจจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บปวดเท่าไร” เลสลี่ จางย้ำ

“ผมคิดเสมอว่าความรักระหว่างหญิง-ชาย และชาย-ชายนั้น แตกต่างกัน ผมรู้สึกชื่นชอบตัวละคร เฉิงเตี๋ยอี (นางเอกงิ้วที่มีความรักให้ผู้ชายด้วยกัน รับบทโดยเลสลี่ จาง) ในเรื่อง ‘Farewell my Concubine’ เพราะว่าเขาเป็นฝ่ายรุก กล้ารักกล้าเกลียด ไม่เคยยอมแพ้ เป็นคนแบบที่ทุ่มเทสุดๆ เฉิงเตี๋ยอีกล้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อความรัก แม้ว่าสุดท้ายจะตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง แต่ก็เป็นลักษณะของการเป็นฝ่ายรุก และกล้าได้กล้าเสีย

ชีวิตเหมือนความฝัน เหมือนภาพลวงตา

ระหว่างการสัมภาษณ์ เลสลี่ จางเคยเปรยว่า “ตั้งแต่เล็กผมขาดความรักจากแม่ คนที่เข้าใจผมจริงๆ มีน้อยมาก ชีวิตคนเราก็เหมือนกับความฝัน เหมือนภาพลวงตา เป็นอะไรที่ว่างเปล่า การฝันเป็นเรื่องที่มีความหมาย ท้าทาย และทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น ส่วนภาพยนตร์ก็สามารถให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันได้เหมือนกัน ช่วงเวลาถ่ายหนังเป็นช่วงที่ผมรู้สึกดี ”

นอกจากถ่ายละครแล้ว เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า กิจกรรมอีกอย่างที่เขาชอบก็คือ การแต่งบ้าน โดย 1-2 ปีก็จะมีการปรับโฉมกันครั้งหนึ่ง เขาจะมีความสุขมากกับการออกแบบ ซ่อมแซม หรือไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน

การพูดถึงเรื่องความเป็นความตายก็เป็นเรื่องปกติสำหรับเลสลี่ จาง อาจเป็นเพราะภาพยนตร์หลายเรื่องของเขาล้วนเกี่ยวพันกับความตาย มนุษย์กับวิญญาณ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถจะสลัดเรื่องเหล่านี้ออกไปจากความคิดได้

“พูดถึงชีวิตคนเนี่ย ผมมองได้ทะลุปรุโปร่งเลยล่ะ จะพูดว่าไม่รักชีวิต ก็จะรู้สึกผิดต่อตัวเองไปหน่อย ที่จริงก็รักนะ แต่บางครั้งก็รู้สึกตัวเองว่างเปล่า เหมือนกับไม่แยแสกับอะไรทั้งสิ้น และใกล้กับความตายอยู่ตลอดเวลา คุณว่าแปลกไหม ? ” ขณะเดียวกัน แม้เลสลี่จะมองว่าความตายเป็นสิ่งน่ากลัว แต่ก็เป็นความยิ่งใหญ่ พร้อมกันนั้น ต้องดูด้วยว่าตายได้อย่างไร ตายเพราะอะไร

“ผมชอบการตายของเฉิงเตี๋ยอีนะ เพราะเขาจากไปอย่างไม่พะว้าพะวัง เป็นการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว บางทีความตายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกของเรา การเลือกความตายให้ตัวเองเป็นเรื่องน่าทึ่งทีเดียว ”

เมื่อมองจากบทสัมภาษณ์ข้างต้นแล้ว จนถึงวันนี้ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ที่จริง เลสลี่ จาง มองชีวิตไม่ต่างจากภาพลวงตา และชื่นชมการตัดสินใจฆ่าตัวตายของเฉิงเตี๋ยอีมาโดยตลอด มีครั้งหนึ่งเขากล่าวว่า “พอมาแสดงเป็นเฉิงเตี๋ยอี จึงเข้าใจว่า การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ทรมาน แต่ก็เป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่ไม่อาลัยอาวรณ์ต่อโลกนี้แล้ว ก็เลือกที่จะจากมันไปซะ”

แม้ว่า เลส ลี่ จาง จะมองว่าความตายคือการหลุดพ้น การจากไปอาจเป็นการยุติเรื่องยุ่งวุ่นวายต่างๆ สำหรับคนที่หัวใจเหนื่อยล้าเต็มที....แต่ทำไมไม่คิดว่า การฆ่าตัวตายกลับเป็นการปิดโอกาสของตัวเองที่จะรับสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต...จะเป็นการดีกว่าไหม ที่เราจะเลือกต่อสู้กับปัญหา และนั่งมองความสำเร็จอย่างผู้ชนะในที่สุด ไม่มีชีวิตใครที่ไม่เคยเจอกับความยากลำบาก อุปสรรคจะเป็นตัวหล่อหลอมให้เราแกร่งและแข็งแรงขึ้น...อย่างไรเสีย ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนฝ่าฟันมรสุมแห่งชีวิตต่างๆ ไปได้ด้วยดี….

เลสลี่ จาง : 2 ปีแห่งการจากไปชั่วนิรันดร์ / หมิงซิงคลับ
กำลังโหลดความคิดเห็น