กว่า 70 ปีที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทย เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกๆ ในการขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วประเทศไทย พระองค์ก็ได้ทรงเยี่ยมเยือนพสกนิกรในท้องที่ต่างๆ ทรงรับทราบปัญหาของปวงชน พร้อมทั้งเห็นถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทย จึงได้ก่อเกิดโครงการในพระราชดำริตามมาในภายหลังมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น พระราชกรณียกิจด้านการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งด้านสาธารณสุข การศึกษา อาชีพ การฟื้นฟูประเพณีและวัฒนธรรมของไทยในหลากหลายแขนง ให้กลับมาเฟื่องฟู พร้อมส่งออกไปสู่สายตาชาวโลก สร้างภาพลักษณ์ความเป็นไทยให้เป็นที่ภาคภูมิใจ โดยเฉพาะ งานศิลป์ต่างๆ ที่ทรงส่งเสริมสนับสนุนมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ถูกนำมาแสดงให้ได้ไปตามรอยกัน 4 แห่งนี้
เริ่มจาก “พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ซึ่งตั้งอยู่ที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ ภายในพระบรมมหาราชวัง ที่เปิดดำเนินการมากว่า 12 ปีแล้ว ด้วยพระราชดำริเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และอนุรักษ์ผ้าไทย ซึ่งพระองค์ทรงนำผ้าไทยออกสู่สายตาชาวโลก และยังทำให้เกิดชุดไทยพระราชนิยมที่นำผ้าไทยมาประยุกต์ใช้ได้อย่างร่วมสมัย ที่ตอนนี้กำลังจัดแสดงนิทรรศการ “ชุดไทย : จากราชสำนักสู่ราชนิยม” รวบรวมฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบที่งดงามวิจิตร และนิทรรศการ “สิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ” ที่นำเสนอฉลองพระองค์แบบไทยและแบบสากล ซึ่งตัดเย็บจากผ้าไทย ให้ประชาชนได้ชื่นชมพระอัจฉริยภาพด้านศิลปหัตถกรรมและแฟชั่นของพระองค์ ขณะนี้เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ถัดมาคือ “พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน” แหล่งรวมงานศิลป์ สมบัติของชาติ ตั้งอยู่ที่จังหวัดอยุธยา สร้างสรรค์จากช่างฝีมือไทยหลากหลายสาขา ที่ถูกรวบรวมและฟื้นฟูโดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทั้งที่ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ที่ส่งเสริมหัตถกรรมพื้นบ้าน สร้างอาชีพเสริม ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนในท้องถิ่น และสถาบันสิริกิติ์ โรงฝึกศิลปาชีพ ในสวนจิตรลดา อบรมฝึกฝนงานหัตถศิลป์ชั้นสูง 23 สาขา สร้างสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญ ที่ต้องอาศัยความงดงามของศิลปะแต่ละแผนกเข้าด้วยกัน ตลอดจนอนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรม งานช่างศิลป์โบราณที่เกือบจะสูญหายให้กลับมา ผลงานบางชิ้นใช้เทคนิคที่มีรากฐานจากศิลปะไทยโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา และหลายชิ้นถูกสร้างสรรค์โดยใช้เทคนิคที่คิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรก ในรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9
อีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลกันนักคือ “ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร” สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรม ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ไกลจากพระราชวังบางปะอิน เป็นสถานที่ฝึกอาชีพด้านหัตถศิลป์ให้กับประชาชน ทั้งการทอผ้าไหม การจักสาน การทำเครื่องเงิน การปั้นดินเผา การทอผ้า งานประติมากรรม การแกะสลักไม้ ฯลฯ สร้างรายได้และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมของไทย ทั้งจัดแสดงและเปิดจำหน่ายสินค้าศิลปาชีพ พร้อมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อย่าง วังปลา สวนนก พระตำหนักและอาคารสถาปัตยกรรมไทยๆ ทั้งยังเป็นสถานที่จัดอบรมกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมไทยต่างๆ
ปิดท้ายที่ “โครงการโขนพระราชทาน” อีกหนึ่งในงานศิลป์ของไทยที่ทรงฟื้นฟู โดยในแขนงของการแสดง ที่ทรงมีพระราชดำริให้อนุรักษ์และสืบทอด “โขน” นับเป็นศิลปะการแสดงที่อยู่คู่บ้านเมืองไทย มาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเป็นความบันเทิงของชนชั้นสูง งานมหรสพหลวง คู่กับราชสำนัก การที่ทรงหันมาแสดงความสนใจในศิลป์แขนงนี้ จัดโชว์ให้ทั้งชาวไทยในงานโขนพระราชทาน ในแต่ละปี และบรรดาแขกบ้านแขกเมืองในงานพิธีสำคัญต่างๆ ไม่ได้เป็นแค่เพียงการสนับสนุนด้านการแสดงเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดการศึกษาและฟื้นฟูศาสตร์ศิลป์อื่นๆ ไปด้วยทั้งในด้านดนตรี เสื้อผ้า ศิลปกรรมการตกแต่งเวที ฯลฯ
สำหรับปีนี้มีการจัดแสดง โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอนสัตยาพาลี ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (6 พ.ย.-8 ธ.ค. 68) ซึ่งจะมีการจัดแสดงตามปกติ เพื่อสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์ ที่ขับเคลื่อนจนทำให้ “โขน” ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ เมื่อปี 2561 ให้เป็น ‘มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติ’ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยรายการแรก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน
 
                    

