ผู้จัดการรายวัน 360 – “โรจูคิส” (KISS) ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ ปี 68 วางรากฐาน สู่แผนงาน 5 ปี (พ.ศ. 2569-2573) ด้วยเป้าหมายรายได้รวม 4,000 ล้านบาท เปิด 5 กลยุทธ์รุกหนัก “ขยายตลาดต่างประเทศ-ซื้อกิจการ-ปรับพอร์ทโฟลิโอ-แตกไลน์สินค้าใหม่ๆ-เพิ่มช่องทางจำหน่าย”
นายคอร์ราโด จาควินโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) หรือ KISSเปิดเผยว่า บริษัทฯจะดำเนินธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้เสริมศักยภาพขององค์กรด้วยการดึงมืออาชีพภายนอกองค์กรเข้ามาร่วมงานในระดับบน และมีการปรับกลยุทธ์รวมทั้งการปรับปรุงหลังบ้านต่างๆได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว โดยวางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำตลาดสินค้าสุขภาพและความงามของเอเชีย
ด้วยเป้าหมาย 5 ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2569-2573) จะต้องมีรายได้รวม 4,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 15%-25% ต่อปี ซึ่งเท่ากับเป็นการนำบริษัทสู่ยุค “โรจูคิส 3” ขณะที่ปีที่แล้วมีรายได้รวมประมาณ 1,100 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโตประมาณ 7%-12%
สำหรับทีมบริหารที่เข้ามาร่วมงานในช่วง 1-2 ปีนี้คือ คอร์ราโด จาควินน่ (Corrado Giaquinto) ตำแหน่งChief Executive Officer ประสบการณ์ในวงการเฮลท์แอนด์บิวตี้ มากกว่า 28 ปี เช่นที่ คอลเกตปาล์มโอลีฟ, นางสาวณัฐฐินี เจนวัฒนาเวช
ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด Chief Marketing Officerประสบการณ์มากกว่า 18 ปีในวงการเฮลท์แอนด์บิวตี้ เช่นที่ ลอรีอัล พีแอนด์จี เอสโอเอส เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป, นางสาวนริสา เล็กอุทัย ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขาย ประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ในวงการเฮลท์แอนด์บิวตี้ เช่นที่ ปาล์มโอลีฟ , นางสาวมนัสสวาท วนะเลิศรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานซัพพลายเชน ประสบการณ์มากกว่า 17 ปี วงการเฮลท์แอนด์บิวตี้ เช่นที่ คอลเกตปาล์มโอลีฟ และนางสาวนันทิกา แซ่เจียงกรรมการบริหาร / ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน ประสบการณ์หลายแบรนด์ในเครือไมเนอร์
สำหรับแผนดำเนินงาน หลักๆคือ 1.การขยายตลาดต่างประเทศ 2.การซื้อหรือร่วมทุนกับแบรนด์ใหม่) 3.การปรับพอร์ทโฟลิโอสินค้าใหม่ 4.การขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ 5. การขยายช่องทางจำหน่าย
นายคอร์ราโด กล่าวว่า แผนการขยายตลาดต่างประเทศ จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 10% ภายในปี 2569 และเพิ่มเป็น20% หรือมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ภายในปี 2573จากขณะนี้มีสัดส่วนเพียง 6% เท่านั้น โดยวางเป้าหมายขยายตลาดด้วยโมเดลการรุกที่ต่างกันไป เช่น การเจาะตลาดโดยตรง เช่น ประเทศ เมียนมา กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย อินเดีย และบังกลาเทศ หรือโมเดลการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่(ดิสทริบิวเตอร์)แบบ “เอ็กซ์คลูสีฟ” เช่น รัสเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และโมเดลการขายส่งเช่น ประเทศเมียนมา จีน เป็นต้น ซึ่งบริษัทได้เริ่มทำตลาดบ้างแล้ว โดยส่งออกสินค้าไปประเทศเพื่อนบ้านเช่น ลาวและเมียนมา และช่วงต้นปี 2569 จะเริ่มในตลาดเวียดนาม
ประเด็นของการซื้อกิจการหรือการร่วมทุน เขามองว่า กลยุทธ์การทำ นี้ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะความเหมาะสม ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะต้องมีกี่ดีลต่อปี เพราะเป็นเ่รืองที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการลงทุน แต่ก็ไม่ปิดกั้นหากมีดีลที่ดีเกิดขึ้น เพราะกลยุทธ์นี้ ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเน้นแบรนด์ที่มีความแข็งแรง โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองเช่นเดียวกับที่บริษัททำอยู่ เป็นรูปแบบที่เรียกว่า Asset-light ใช้การจ้างผลิต ผ่านพันธมิตรในประเทศเกาหลี โดยมองธุรกิจในกลุ่มเพร์ซันนัลแคร์ สกินแคร์ เครื่องสำอาง ที่มีรายได้ประมาณ 300-600 ล้านบาท (มูลค่าดีล 500-1,000 ล้านบาท)
สำหรับ กลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอสินค้า จากการที่บริษัทมีแบรนด์สินค้าจำนวนมากประมาณ 6-7 แบรนด์ แต่จากนี้จะเน้นทำตลาดในแบรนด์หลั ก ที่เป็นเรือธงหรือฮีโร่โปรดักต์คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ “โรจูคิส”(ROJUKISS) หมวดต่างๆเช่น มาส์ก เซรั่ม กับกลุ่มเครื่องสำอางสีสัน(เมกอัพ)แบรนด์ “ซิสทูซิส” (Sis2Sis) จะออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เพื่อขยายให้ครบไลน์สินค้าของแบรนด์ เช่น ล่าสุด ได้ออก Serum Treatment Pad , Reju PDRN Essence และ Micellar Water, Sleeping masks รวมไปถึงปีหน้าจะเน้นสร้างแบรนด์ด้วย โดยเฉพาะการร่วมมือกับทาง “ดร.ลี” ที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่จะเน้นการสื่อสารเชิงวิทยาศาสตร์ และความน่าเชื่อถือมากกว่าที่่จะใช้ศิลปิน ดารา นักแสดง มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยลงทุนด้านการตลาดกว่า 150-200 ล้านบาท หรือเป็นงบที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% เพื่อรีแบรนด์และปรับภาพลักษณ์สินค้าใหม่ให้มีความทันสมัย สามารถสะท้อนถึงความเป็นนวัตกรรมความงามจากเกาหลีที่เข้าถึงได้ง่าย
ส่วนแผนการขยายช่องทางจำหน่าย จะขยายร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายต่อเนื่อง ทั้งร้านค้าทั่วไปและโมเดิร์นเทรด ตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ให้ครอบคลุมมากขึ้นเป็นมากกว่า 6.8 หมื่นร้านค้า จากปัจจุบันมีประมาณ 4.5 หมื่นร้านค้า และที่สำคัฺญมีแผนรุกตลาดดิจิทัลเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, TikTok โดยเน้นการใช้KOL/KOC
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 329.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 61.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% จากปีก่อน สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 842.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 121.2 ล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักสำหรับการเติบโตของบริษัทฯ โดยยอดขายของแบรนด์สกินแคร์ “โรจูคิส” เติบโตอย่างโดดเด่นที่ 19%
รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจากช่องทาง Modern Trade +31%, General Trade +17%, และ Cross-border channel +97% YoY ขณะที่ยอดขายในช่องทาง Online ลดลง 37% YoY จากการบริหารการเติมสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพRojukiss ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มมาส์กหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 19.0% ในไตรมาส 3 ของปี 2568 จาก 15.2% ในไตรมาส 3 ของปี 2567 สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ Rojukiss ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5.4% จาก 5.2% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
จากการปรับโครงสร้างภายใน การบริหารจัดการต้นทุน และการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มั่นใจว่าปี 2568 บริษัทจะสามารถประคองตัวผ่านช่วงท้าทายด้วยตัวเลขการเติบโตที่เป็นบวก หรือเติบโตในระดับ Single Digit ก่อนจะเร่งเครื่องเต็มสูบในปี 2569 เพื่อกลับมาเติบโตในระดับสองหลัก และมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาวในการมีรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 ที่เปรียบเสมือนปีแห่งการ “เก็บเกี่ยวผลผลิต” จากเมล็ดพันธุ์ที่ได้หว่านลงไป


