กรมทรัพย์สินทางปัญญาเผยสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา และแจ้งข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา ช่วง 11 เดือน ปี 68 มีจำนวน 81,999 คำขอ โดยยื่นจดเครื่องหมายการค้ามากสุด 51,260 คำขอ ตามด้วยสิทธิบัตรการประดิษฐ์ 7,586 คำขอ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ 5,758 คำขอ อนุสิทธิบัตร 5,758 คำขอ แจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ 12,890 ผลงาน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย ช่วง 11 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ย.) มีการยื่นคำขอจดทะเบียนรวม 81,999 คำขอ แยกเป็นการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ และอนุสิทธิบัตร 69,109 คำขอ เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 ที่มี 63,992 คำขอ และมีการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ 12,890 รายการ ลดลง 10.92% จากปี 2567 ที่มี 14,470 รายการ
โดยรายละเอียดการยื่นคำขอจดทะเบียน ได้แก่ 1.เครื่องหมายการค้า มีการยื่นคำขอ 51,260 คำขอ เพิ่มขึ้น 7.33% โดยกลุ่มสินค้าที่มีการยื่นมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริการด้านการขายและการตลาด 6,355 คำขอ ยังคงครองอันดับ 1 ต่อเนื่อง สะท้อนธุรกิจการขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เติบโต รองลงมา คือ สินค้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและความงาม 6,290 คำขอ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอนามัย 5,450 คำขอ สะท้อนเทรนด์การค้าที่มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น เครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 5,399 คำขอ และผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย 3,830 คำขอ โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอเครื่องหมายการค้า คนไทย 52% และต่างชาติ 48%
สำหรับผู้ยื่นคำขอมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ป๊อป มาร์ท (สิงคโปร์) โฮลดิ้ง พีทีอี.แอลทีดี 236 คำขอ สะท้อนกระแสความนิยมของสินค้าอาร์ตทอยที่ยังคงแรงไม่ตกในไทย รองลงมา คือ บริษัท เดอะ เกรท ไอเดีย จำกัด ในกลุ่มสินค้างานกราฟิก 108 คำขอ บริษัท คอสมี่ จำกัด ในกลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์ 103 คำขอ เอ็มซี โอ (ไอพี) โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด ในกลุ่มสินค้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 92 คำขอ และเอสเอ็ม เอนเตอร์เทนเมนท์ โค.,แอลทีดี ในกลุ่มสินค้าคาแรคเตอร์ 78 คำขอ ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในช่วง 11 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 37,567 เครื่องหมาย เพิ่มขึ้น 41.52%
2.สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีการยื่นคำขอ 7,586 คำขอ เพิ่มขึ้น 2.32% โดยนวัตกรรมที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นวัตกรรมด้านการสื่อสาร เช่น ระบบสื่อสารและอุปกรณ์ส่งสัญญาณ เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย ระบบรับ–ส่งข้อมูลความเร็วสูง และอุปกรณ์สื่อสารอัจฉริยะ 209 คำขอ สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น รองลงมา คือ วัสดุเหล็กกล้า เช่น เหล็กกล้าที่มีความแข็งแกร่งสูงระดับพิเศษ เหล็กกล้าทนการสึกหรอ เหล็กกล้าทนความร้อน และเหล็กกล้าสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องรับแรงสูง 188 คำขอ แสดงถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมวัสดุและการก่อสร้าง นวัตกรรมแอนติบอดี้และยาชีววัตถุ เช่น แอนติบอดีเชิงรักษา วัคซีนชีววัตถุ และผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชภัณฑ์ 165 คำขอ สะท้อนความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีชีวภาพและการวิจัยยา ยาเคมีและผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ยาเคมีสังเคราะห์ ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 151 คำขอ สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมด้านสุขภาพยังคงเป็นหนึ่งในสาขานวัตกรรมสำคัญ และนวัตกรรมแบตเตอรีและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง และระบบกักเก็บพลังงาน 125 คำขอ ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ในช่วง 11 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 4,914 ฉบับ
3.สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีการยื่นคำขอ 5,758 คำขอ เพิ่มขึ้น 15.65% โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ลวดลายผ้า 883 คำขอ ผู้ยื่นคำขอส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยถึงกว่า 90% ตามด้วยรถยนต์ 573 คำขอ บรรจุภัณฑ์ 512 คำขอ เครื่องประดับ 390 คำขอ และเฟอร์นิเจอร์ 331 คำขอ มีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ คนไทย 66% และต่างชาติ 34% สำหรับผู้ยื่นคำขอมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 300 คำขอ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 189 คำขอ มหาวิทยาลัยศิลปากร 157 คำขอ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 126 คำขอ และบริษัท อาร์เอช ยูเอส, แอลแอลซี 66 คำขอ ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในช่วง 11 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 4,607 ฉบับ
4.อนุสิทธิบัตร มีการยื่นคำขอ 4,505 คำขอ เพิ่มขึ้น 17.29% โดยนวัตกรรมที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองอนุสิทธิบัตรมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม 582 คำขอ ตามมาด้วย ยาสมุนไพร 297 คำขอ สะท้อนความสนใจด้านสุขภาพและการนำองค์ความรู้ด้านยาไทยแบบดั้งเดิมมาพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย 90 คำขอ ชุดทดสอบหรือชุดตรวจวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับสารพันธุกรรม 82 คำขอ และสารกำจัดศัตรูพืช กำจัดแมลง 80 คำขอ โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขออนุสิทธิบัตร เป็นคนไทย 91% และต่างชาติ 9% สำหรับผู้ยื่นคำขอมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 147 คำขอ รองลงมา คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 123 คำขอ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 119 คำขอ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 95 คำขอ และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 94 คำขอ ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร ในช่วง 11 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 1,871 ฉบับ
5.ลิขสิทธิ์ มีการยื่นแจ้งข้อมูล 12,890 ผลงาน ลดลง 10.92% โดยผลงานที่มีการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์มากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ศิลปกรรม (จิตรกรรม ประติมากรรมภาพพิมพ์) 4,427 ผลงาน วรรณกรรม (งานนิพนธ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์) 4,114 ผลงาน ดนตรีกรรม 2,821 ผลงาน โสตทัศนวัสดุ (ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์) 893 ผลงาน และสิ่งบันทึกเสียง 307 ผลงาน สัดส่วนผู้ยื่นแจ้งข้อมูลผลงานลิขสิทธิ์ เป็นคนไทย 99% และต่างชาติ 1% สำหรับผู้ยื่นแจ้งข้อมูลมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล 346 ผลงาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น 313 ผลงาน บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด 180 คำขอ บริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) 179 ผลงาน และบริษัท สรีทสิสร์ จำกัด 130 ผลงาน ทั้งนี้ ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์ โดยไม่ต้องยื่นจดทะเบียนกับกรม ซึ่งสถิติดังกล่าว ไม่สามารถสะท้อนภาพรวมของงานสร้างสรรค์ไทยได้ทั้งหมด แต่กรมจะผลักดันให้มีการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในกรณีที่เกิดข้อพิพาท รวมทั้งเป็นช่องทางให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงผลงานและติดต่อขอใช้ประโยชน์งานลิขสิทธิ์นั้นได้ง่ายขึ้น
นางอรมนกล่าวว่า กรมได้พัฒนางานบริการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสืบค้นข้อมูลเครื่องหมายการค้าและสิ่งประดิษฐ์ ตลอดจนจัดให้มีช่องทางเร่งรัด (Fast Track) ที่สามารถจดทะเบียนได้รวดเร็วขึ้น สำหรับสาขาที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตและที่ผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน ได้แก่ 1.สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร ใน 3 นวัตกรรม คือ นวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุข นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต และนวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ลดระยะเวลาจดทะเบียน จาก 38.5 เดือน นับจากวันยื่นให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ เหลือ 12 เดือน และอนุสิทธิบัตร จาก 12 เดือน นับจากวันที่เข้าร่วมโครงการ เหลือ 6 เดือน 2.สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในสาขานวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดระยะเวลาจดทะเบียนจาก 10 เดือน นับจากวันที่เข้าร่วมโครงการ เหลือ 3 เดือน และ 3.เครื่องหมายการค้า ในกรณีที่ต้องนำหลักฐานการจดทะเบียนไปแสดงต่อหน่วยงานราชการอื่น โดยลดระยะเวลาจดทะเบียนจาก 10.5 เดือน นับจากวันยื่นคำขอ เหลือ 3 เดือน


