กรมการค้าต่างประเทศลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOA) กับกรมศุลกากร และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ เชื่อมโยงข้อมูล ATIGA e-Form D ผ่านแพลตฟอร์ม THAI NSW ยกระดับบริการออกหนังสือรับรองส่งออก-นำเข้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ลดภาระเอกสาร เพิ่มความถูกต้องแม่นยำ และช่วยให้การค้ามีความสะดวกมากขึ้น
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับกรมศุลกากร และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กรมการค้าภายใน กรมปศุสัตว์ กรมประมง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA e-Form D) ผ่านแพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว หรือ Thailand National Single Window (THAI NSW) เพื่อยกระดับกระบวนการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ ลดภาระเอกสาร เพิ่มความเชื่อมั่นทางการค้าให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการให้บริการภาครัฐด้านการค้าระหว่างประเทศสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยกรมจะสามารถนำข้อมูล ATIGA e-Form D จากประเทศสมาชิกอาเซียนมาใช้ประกอบการพิจารณาออกหนังสือสำคัญการส่งออก–นำเข้าสินค้าได้โดยตรง ผ่านแพลตฟอร์มกลาง THAI NSW ช่วยลดขั้นตอน ลดการใช้เอกสาร และเพิ่มความถูกต้องแม่นยำในการตรวจสอบข้อมูล
“การเชื่อมโยงข้อมูลในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่จำเป็นต้องแนบเอกสาร Form D ในรูปแบบไฟล์อีกต่อไป เพียงระบุข้อมูลสำคัญ ได้แก่ เลขที่หนังสือรับรอง ประเทศที่ออก และวันที่ออก ระบบจะสามารถดึงข้อมูล e-Form D จากประเทศสมาชิกอาเซียนมาใช้ได้ทันที คาดว่าจะช่วยลดภาระของผู้ประกอบการได้ไม่น้อยกว่า 10,000 ฉบับต่อปี”นางอารดากล่าว
นางอารดากล่าวว่า ขอบเขตความร่วมมือ กรมศุลกากรจะเป็นหน่วยงานผู้ส่งข้อมูล ATIGA e-Form D ให้แก่กรมตามที่ร้องขอผ่านแพลตฟอร์ม THAI NSW ขณะที่กรมจะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เฉพาะเพื่อประกอบการออกหนังสือสำคัญการส่งออก–นำเข้าสินค้าตามภารกิจของกรม ส่วนบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกลาง THAI NSW โดยดูแลให้ระบบมีความมั่นคงปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานสากลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการปลอมแปลงเอกสาร เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับระบบการค้าระหว่างประเทศของไทย และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation) และการพัฒนาระบบราชการดิจิทัล เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าอาเซียนและตลาดโลก


