xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีเชื่อมั่น พ.ย. 68 ดีดตัวขึ้น จี้รัฐเร่งฟื้นน้ำท่วม-พลังงานสะอาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดัชนีเชื่อมั่น พ.ย. 68 พุ่งขึ้นจากปัจจัยโครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันทำให้มีออเดอร์สินค้าปีใหม่ ส่วนดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากค่าไฟฟ้าที่ปรับลดลง ส.อ.ท.แนะรัฐเร่งฟื้นฟูน้ำท่วม-หนุนพลังงานสะอาด 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ระดับ 89.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 87.3 ในเดือนตุลาคม 2568 เกิดจากหลายปัจจัยสำคัญ เช่น มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน และการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน และส่งผลดีต่อการบริโภคสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้ การเข้าสู่ช่วง High Season ส่งผลเชิงบวกต่อการบริโภคสินค้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการได้เร่งการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี การเจรจาการค้าเพื่อขยายตลาดส่งออกไทย อาทิ การค้าข้าวระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล( G2G) กับจีน ปริมาณ 5 แสนตัน และสิงคโปร์ ปริมาณ 1 แสนตัน การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 (ณ 1 ตุลาคม-21 พฤศจิกายน 2568) อยู่ที่ 24.18% จากเป้าหมาย 33% ในไตรมาส 1 ยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ และสนับสนุนการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม

อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมายังมีปัจจัยลบหลายประการที่กดดันภาวะเศรษฐกิจ ได้แก่ สถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านเรือนเป็นวงกว้างก่อให้เกิดความเสียหายประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ในช่วงเดือน ธ.ค. ปี 2568 และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องในปี 2569 ประมาณ 90,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน การระงับข้อตกลงสันติภาพกับกัมพูชาชั่วคราว อีกทั้งการแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ก็เป็นแรงกดดันสำคัญ


ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 พบว่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 16.3% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.68% จากเดือนก่อน โดยเฉพาะสินค้าแผงวงจรไฟฟ้า +28.69% ผลิตภัณฑ์พลาสติก +14.33% และเหล็ก +8.23% นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอยู่ที่ -5.77% ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบต่อรายได้และความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย

จากผลการสำรวจผู้ประกอบการจำนวน 1,330 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.ในเดือนพฤศจิกายน 2568 พบว่าปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจภายในประเทศ 61.7% เศรษฐกิจโลก 56.2% นโยบายภาครัฐ 42.3% การเข้าถึงสินเชื่อ 26.4% ราคาพลังงาน 26.2% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 20.4% ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน 49.5%

ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 94.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 93.5 ในเดือนตุลาคม 2568 โดยเป็นผลมาจากหลายปัจจัยเชิงบวก ได้แก่ มติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการปรับลดค่าไฟฟ้า สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2569 ลงเหลือ 3.88 บาทต่อหน่วย ช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการและบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน

รวมทั้งโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 และการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนมกราคม 2569 จะช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายในช่วงต้นปีให้ขยายตัวมากขึ้น

แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกจากหลายปัจจัยดังกล่าว แต่เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายสำคัญ เนื่องจากความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ยังคงต้องได้รับการเร่งฟื้นฟูและเยียวยาเพื่อให้พื้นที่และกิจกรรมเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว อีกทั้ง การชะลอการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับไทยอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้า

สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
1. เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ โดยเฉพาะบริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว กองทุนซ่อมแซมเครื่องจักรและมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับผู้ประสบอุทกภัย เป็นต้น

2. เสนอให้ภาครัฐยกระดับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานป้องกันน้ำท่วมเชิงระบบ ระบบเตือนภัยล่วงหน้า และโครงสร้างการบริหารจัดการภัยพิบัติ รวมถึงทบทวนผังเมืองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและรับมือภัยพิบัติในระยะยาว

3. เสนอให้ภาครัฐพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดโดยตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้พลังงาน (Direct PPA) ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่น นอกเหนือจากอุตสาหกรรม Data center เพื่อเพิ่มทางเลือกด้านพลังงาน


กำลังโหลดความคิดเห็น