ผู้จัดการรายวัน 360 - อุตสาหกรรมโฆษณาไปไม่ถึงฝัน เหตุ O4 มีแต่ปัจจัยลบรุมเร้า คาดจบปี 68 ติดลบ 0.6% หรือกว่า 85,727 ล้านบาท เชื่อปี 69 ยังเหนื่อยกันต่อ “MI GROUP” แนะทางรอดเร่งนักการตลาด และ SMEs ปรับสมดุล “ยอดขายระยะสั้น–การเติบโตระยะยาว”
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป จำกัด หรือ MI GROUP เปิดเผยว่า เดิมแนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณาในปี2568นี้ คาดว่าจะมีการเติบโตได้ถึง 1.5% ซึ่งตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมาก็ทำผลงานได้ดีเป็นบวกมาโดยตลอด แต่พอเข้าสู่ไตรมาส 4 ซึ่งมีแต่ปัจจัยลบกระทบต่อเนื่องทั้งภัยธรรมชาติ น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ และปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ทำให้เม็ดเงินโฆษณาไตรมาสสุดท้ายทยอยติดลบ จึงส่งผลให้ภาพรวม อุตสาหกรรมโฆษณาในปี 68 นี้ คาดการณ์ว่าตะติดลบ 0.06% หรือคิดเป็นมูลค่าที่ 85,727 ล้านบาท
สถานการณ์นี้จะยังคงส่งผลไปถึงปี 2569 ด้วย ทำให้ทิศทางตลาดโฆษณาปีหน้าจะเติบโตได้ช้า หรือโตได้อีกอย่างน้อย 0.64% คิดเป็นมูลค่าที่ 86,271 ล้านบาท
“เม็ดเงินโฆษณาในไทยในปี 2569 จะอยู่ที่ 86,271 ล้านบาท ทรงตัวกับปี 2568 โดยเติบโตขึ้นเพียง 0.64% จากปัจจัยบวกและลบในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ยังมีความไม่แน่นอนและคาดเดาได้ยาก แม้ตัวเลขจะดูไม่เติบโต แต่การขยายตัวของการใช้เม็ดเงินสื่อดิจิทัลนั้นได้มีการคาดการณ์ตัวเลขเม็ดเงินที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้โดยเฉพาะในส่วนงบที่ SMEs ทำการตลาดเอง รวมถึง Influencer Marketing ทำให้ตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาอาจจะแตะถึง 111,603 ล้านบาท“
นางสาววรินทร์ ทินประภา, Chief Growth Officer บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป จำกัด หรือ MI GROUP กล่าวว่า ทิศทางการตลาดปี 2569 มองว่าแบรนด์กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงพร้อมกันทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค สื่อ และเทคโนโลยี นักการตลาดจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้ “ต้องวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบและสมดุล” มากกว่าเดิม ภายใต้ 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.คุ้มค่า–พิสูจน์ได้–ไม่ซับซ้อน คือมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด Value-First, Proof-Driven และ Simplicity-Oriented แบรนด์จึงต้องออกแบบประสบการณ์ที่สร้างความเชื่อใจได้จริง เพราะ Trust คือตัวแปรสำคัญของ Conversion
2.สื่อเปลี่ยนบทบาท จากการสร้างการมองเห็น สู่การขับเคลื่อนการตัดสินใจ ซึ่งวิดีโอ กลายเป็น Point of Sale ขณะที่ AI เข้ามามีบทบาทเป็นด่านแรกของการค้นหาและการเลือกข้อมูลของผู้บริโภค
3.ทุกแพลตฟอร์มกำลังกลายเป็น Commerce Platform โดยการซื้อเกิดจาก Commerce Ecosystem ที่เชื่อม Platform + Content + Creator เข้าด้วยกัน—แบรนด์จึงต้องวางกลยุทธ์แบบทั้งระบบ ไม่ใช่แยกแพลตฟอร์ม
4.ครีเอเตอร์และ KOL คือ Trust & Conversion Engine ใน Commerce Ecosystem เปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นความเชื่อมั่น และต่อยอดไปสู่การซื้อจริง
5.การเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องเชื่อม Online Decision กับ Offline Connection เมื่อ AI เร่งให้การตัดสินใจเกิดเร็วขึ้น ขณะที่ประสบการณ์จริงและความเป็นมนุษย์ยังเป็นหัวใจของความผูกพันระยะยาว ความได้เปรียบของแบรนด์ อยู่ที่การออกแบบ Journey โลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
“แบรนด์ที่เติบโตในยุค AI ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคหรือแพลตฟอร์มได้ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจทั้ง Commerce Ecosystem และเชื่อม Brand × Human × AI ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ—AI ขับเคลื่อนการตัดสินใจ มนุษย์สร้างความเชื่อใจ และแบรนด์ออกแบบประสบการณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาววรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม MI GROUP ได้เปิดตัว “The Balance Kit” เครื่องมือช่วยนักการตลาดและ SMEs ขับเคลื่อนยอดขายวันนี้ ควบคู่การสร้างคุณค่าแบรนด์ระยะยาว
นายพศธร สุขอัมพร New Business Development – Director บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป จำกัด หรือ MI GROUP กล่าวว่า โครงการแบ่งปันองค์ความรู้ MI GROUP Wisdom เดินหน้าสู่ปีที่ 5 โดยปีนี้นำเสนอคอนเซ็ปต์ The Balance Kit – Tree of Growth เครื่องมือประเมิน “สมดุลการทำการตลาด” ที่ช่วยนักการตลาดและ SMEs ทบทวนการทำงานตลอดปีที่ผ่านมา ผ่าน 3 ขั้นตอนง่ายๆ ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 : เลือก “ระยะการเติบโตของแบรนด์” จาก 4 ระยะ 1. แบรนด์ใหม่ 2. แบรน์ที่กำลังเติบโต 3. แบรนด์ผู้นำ และ 4. แบรนด์เฉพาะกลุ่ม
ขั้นตอนที่ 2 : ประเมินกิจกรรมทางการตลาดในปีที่ผ่านมา ผ่านโมเดล APEC: Awareness – Perception – Engagement – Conversion เพื่อค้นหา “จุดแข็ง–จุดเสี่ยง” และแนวทางการเติบโตที่เหมาะสมในแต่ละช่วงของแบรนด์
ขั้นตอนที่ 3 : ระบบคำนวณและสรุปผลประเมินสถานะของแบรนด์ในปัจจุบัน พร้อมข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์จากทีม MI Wisdom “เราอยากให้ The Balance Kit เป็นจุดเริ่มต้นของการทบทวนเชิงกลยุทธ์ช่วงสิ้นปี และเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาด และ SMEs วางแผนได้อย่างทันสถานการณ์ เราตั้งใจออกแบบให้ใช้งานได้ในไม่กี่ขั้นตอนเพื่อสรุปภาพการทำงานตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมข้อเสนอแนะที่นำไปต่อยอดเป็นแนวทางในการสร้างสมดุลในปี 2569 และยังตอบคำถามสำคัญว่าแบรนด์ของคุณกำลัง ‘โตเร็วพอ’ และ ‘ลึกพอ’ หรือไม่” นายพศธร กล่าว


