ผู้จัดการรายวัน 360 – สยามพิวรรธน์ ลุยลงทุนต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ซุ่มเปิดพื้นที่่ใหม่ชั้น 8 ไอคอนสยาม พร้อมโซนใหม่สยามพารากอนเร็วๆนี้ เผย 6 เดือนจากนี้ แบรนด์ไทยและลักส์ชัวรี่อินเตอร์แบรนด์กว่า51แบรนด์ทยอยเปิดสาขาที่ไอคอนสยาม มูลค่าลงทุนกกว่า 1,500 ล้านบาท ล่าสุดไอคอนสยามคว้ารางวัล 1 ใน 3 โครงการที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกในรอบ 30 ปี จาก MAPIC Awards 2025
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เปิดเผยว่า สยามพิวรรธน์ มองว่า กำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวคึกคักแล้ว โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมมาเริ่มดีขึ้น จากตั้งแต่ต้นปีนี้ที่ประเทศไทยเผชิญปัญหาหลายอย่างมาต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ปัญหาสแกมเมอร์ ปัญหาชายแดน ปัญหาภาษีทรัมป์ การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ สภาพเศรษฐกิจ ต่างๆ กล่าวได้ว่าเป็นปีที่สุดแห่งความท้าทายของไทยก็ว่าได้ ส่วนในปีหน้าประเมินว่า คงจะไม่มีเหตุการณ์หรือปัญหาอะไรที่หนักหน่วงเหมือนปีนี้อีก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศจะเป็นอย่างไร สยามพิวรรธน์ก็พร้อมที่จะลงทุนต่อเนื่อง เพราะภาคเอกชนถือเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศให้เติบโตด้วย ซึ่งหลั้งดควิดมาสยามพิรรธย์ก็เติยดตมากว่า 245
ล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมปรับพื้นที่่ชั้น 8 ครั้งใหญ่ของไอคอนสยาม ที่่จะเปิดตัวเร็วๆนี้ ส่วนที่สยามพารากอนก็จะมีการเปิดตัวโซนใหม่อีกเช่นกัน และปีหน้าจะมีแผนการลงทุนดโครงการใหม่อีก หลังจากที่สยามพิวรรธน์ไม่ได้ลงทุนขนาดใหญ่มามากวกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งนโยบายของเราไม่ได้มุ่งเน้นที่จะต้องเปิดโครงการบ่อยๆหรือเปิดมากทั้งประเทศ
นางชฎาทิพ กล่าวว่า ล่าสุดไอคอนสยาม สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญบนเวทีโลก ด้วยการเป็นโครงการหนึ่งเดียวจากประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย (Finalist) ร่วมกับอีกสองโครงการ คือ Puerto Venecia จากประเทศสเปน และ Westfield London จากสหราชอาณาจักร โดยไอคอนสยามได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 3 สุดยอดโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบ 30 ปี หรือ Most Influential Retail Property Project of the Past 30 Years จากเวที MAPIC Awards 2025
นอกจากนั้น ชฎาทิพ จูตระกูล CEO กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ยังได้รับรางวัลเกียรติยศ “PIONEERS OF PLACES” 1 ใน 5 คนจาก MAPIC และเป็นนักธุรกิจเอเชียคนเดียวที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์ของโลกในรอบ 30 ปี
ไอคอนสยาม เป็นแลนด์มาร์กของประเทศไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นสัญลักษณ์แห่งความภูมิใจของคนไทย โดยเกิดจากการร่วมลงทุนของสามองค์กรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 60,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 55 ไร่ และพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 750,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาณาจักรศูนย์การค้าสุดอลังการ คอนโดมิเนียมหรูระดับโลก 2 อาคาร และ “7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ไอคอนสยาม เป็น “World-Class Destination” ที่เป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย โดยได้เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ผ่านมา 7 ปี ไอคอนสยามรับไปแล้วมากกว่า 53 รางวัลใหญ่
“วันนี้ไอคอนสยามได้พิสูจน์ให้โลกเห็นถึงพลังของการพัฒนาเมืองที่สร้างประโยชน์อย่างมหาศาลในทุกภาคส่วนทั้งชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนแนวคิดการดำเนินธุรกิจแห่งโลกยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของการแบ่งปันคุณค่าร่วมกันอย่างแท้จริง โดยไอคอนสยามเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยกว่า 35,000 ครอบครัว และดีไซเนอร์ไทยกว่า 800–1,000 ราย ให้สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นเจ้าของกิจการ สร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลผ่านโมเดิร์นเทรดและเวทีโลกอย่างแท้จริง
พร้อมกันนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจโดยรอบอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำและถนนเจริญนคร ส่งผลให้มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นจาก 250,000 บาท เป็น 700,000 บาทต่อตารางวา ธุรกิจริมแม่น้ำเติบโตกว่า 60% โรงแรมมีอัตราค่าห้องพักและการเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังสร้างงานมากกว่า 400,000 อัตราและเป็นจุดหมายปลายทางดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 115 ล้านคน สู่ประเทศไทย
นอกจากนี้ ไอคอนสยามยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่กว่า 60 โครงการ ภายในรัศมี 1 กิโลเมตร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม เป็นจุดเชื่อมโยงการสัญจรทั้งระบบรถ ราง เรือ และการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2569 ไอคอนสยามยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการและแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมีแบรนด์ใหม่กว่า 51 ราย ทั้งลักซ์ชัวรีและแบรนด์ไทยชั้นนำ เลือกเปิดสาขาแรกของประเทศไทย ณ พื้นที่ไอคอนสยาม ฝั่งธนบุรี แทนที่จะเลือกฝั่งกรุงเทพฯ พร้อมด้วยแบรนด์อีกนับร้อยรายที่อยู่ในรายชื่อ Waiting List รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท อาทิ
• แฟล็กชิปสโตร์ใหม่: Hermès ที่ตั้งอยู่บริเวณ ICONLUXE โดยมีพื้นที่สองชั้น (Duplex) เป็นแห่งแรกของประเทศไทย ปรับขยายพื้นที่พร้อมนำเสนอคอนเซปต์ใหม่ เช่นเดียวกับ Prada จะเพิ่มพื้นที่เป็น Duplex แห่งแรกในไทย และ Tiffany & Co. ขยายพื้นที่ขนาดใหญ่ด้วยคอนเซปต์ดีไซน์ใหม่
• ร้านขนาดใหญ่ที่สุด: Loro Piana เปิดสาขาที่ไอคอนสยามโดยจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย และ GIORGIO ARMANI ยกระดับประสบการณ์ ด้วยห้อง Made-to-Measure เปิดให้บริการให้คำปรึกษาและตัดเย็บสูทส่วนบุคคล ครอบคลุมทุกหมวดหมู่และมีขนาดใหญ่ที่สุด Moncler Flagship Store แบรนด์แฟชั่นเสื้อกันหนาวจากประเทศอิตาลี
• คอนเซ็ปต์ใหม่ในเอเชีย: Fendi เปิดตัว New Concept in Region ซึ่งเป็นคอนเซปต์ใหม่ล่าสุดและเป็นที่แรกในเอเชีย
• แบรนด์ระดับโลกเปิดสาขาแรกในไทย: Brunello Cucinelli แบรนด์แฟชั่นหรูจากอิตาลี, Zimmermann แบรนด์เสื้อผ้าและไลฟ์สไตล์ชื่อดังของออสเตรเลีย first store in Thailand, ON Official Store แห่งแรก และเป็น Flagship ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทุบสถิติยอดขายเปิดร้านวันแรกสูงที่สุดในโลก
• Global Landmark Store และใหญ่ที่สุดของโลก: POP MART Global Landmark Store ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่นอก POPLAND ประเทศจีน
• เมกะสโตร์ใหญ่ที่สุดในไทย: Gentle Monster และ Tamburins Store แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
• คอนเซ็ปต์ใหม่ครั้งแรกในโลก: The North Face กับคอนเซปต์ร้าน ONE BOX PRO Concept Store
แบรนด์ชั้นนำอื่นๆ ต่างทยอยเปิดสาขาใหม่ที่ไอคอนสยาม อาทิ Burberry, Omega, Club21 Multi Label, Versace, Glintz Jewelry, Carolina Lemke, Orlebar Brown, KAYOU (Art Toy) รวมทั้งร้านอาหาร อาทิ Bianca , Tonkatsu Aoki , Laderach , Beans Coffee Roaster, Easy Buddy, Rolling Pinn, Chagee,


